Inside Out : เมื่อความคิดเราพูดออกมา.. (การ์ตูนเด็กน้อยที่ทำผู้ใหญ่ร้องไห้ TT)

ใครไปดูอินไซด์ เอ้าท์มาแล้วยกมือขึ้นนน !!
ใครยังไม่ดูระวังสปอยล์นะคะ กระทู้นี้สปอยล์หนักมาก 55

ห่างหายจากการเขียนกระทู้ถึงหนังที่ชอบไปนานพอสมควรค่ะ ทั้งที่ผ่านๆมาดูแล้วก็ชอบหลายเรื่องมากๆ
วันนี้ไปดูอีกเรื่องมาคืออินไซด์ เอ้าท์ ตอนแรกนี่ไม่ได้อยากไปดูเรื่องนี้เลย อยากดูDark Placesมากกว่าเพราะชอบหนังแนวนั้น
แต่พอเพื่อชวนมาพร้อมถูกไซโคว่ามันน่าดูนะแกๆ ก็เลย อ้ะ ไหนๆวันนี้ว่าง ไปดูด้วยก็ได้

ตัวหนังพูดเกี่ยวกับการทำงานของระบบความคิดความรู้สึกเราที่ส่งผลต่ออารมณ์ การแสดงออก บุคลิกภาพ
และความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง โดยเล่าเรื่องผ่านเด็กผู้หญิงวัย11ปีที่ชื่อว่าไรลีย์ ไรลีย์เป็นเด็กร่าเริง อารมรณ์ดี ชอบเล่นฮอกกี้
ทุกอย่างในชีวิตตั้งแต่เด็กดูเป็นเรื่องดีไปหมดจนกระทั่งวันที่ย้ายบ้านมาซานฟรานซิสโก เธอและครอบครัวเจอปัญหามากมาย
พอไปที่โรงเรียนก็ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ เหตุเกิดตอนที่ครูให้ลุกขึ้นแนะนำตัว
แล้วความคิดในหัวเธอที่ชื่อแซดเนสก็ไปยุ่งกับความทรงจำเข้า ทำให้ไรลีย์เศร้าและร้องไห้ออกมากลางห้อง
เมื่อต้องนึกว่าผ่านอะไรมาบ้าง ทิ้งความสุขอะไรบ้างจากมินนิโซต้าบ้านเก่ามาที่นี่ แค่นั้นไม่พอ เรื่องยังวุ่นเข้าไปอีก
เมื่อความคิดที่ชื่อจอยกับแซดเนสที่ต่างกันสุดขั้ว ยื้อยุดลูกแก้วความทรงจำระยะยาว จนหลุดออกไปนอกศูนย์ควบคุมด้วยกัน

หนังทำได้ดีเลย สมชื่อดิสนีย์พิกซา ภาพสวยมาก รายละเอียดดีมาก ลงลึกแม้กระทั่งรอยยับของเสื้อผ้าเวลาตัวละครขยับ
เราไม่รู้ว่าเรื่องมันดำเนินเร็วไปหรือเปล่า หรือเพราะเราอินเลยรู้สึกว่าอะไรๆมันผ่านไปเร็ว? 55 แต่มันก็ทำให้เราประทับใจนะคะ
ขอรวมๆความชอบจากหนังเรื่องนี้เท่าที่จำได้มาเล่าให้ฟังแล้วกันเนอะ

- อันดับแรกเลย มุกตลกที่มาแบบถี่มากและฮามาก เรากับเพื่อนนั่งขำกันตลอด นี่เอาแค่มุกคำพูดนะ ไม่นับมุกตลกร่างกาย
ตลกหน้าตาอีกร้อยแปด ชอบคนครีเอทมาก แต่ละอันนี่ฮาจริงๆ อย่างมุก ดีนะที่แผ่นดินไหวไม่ได้ทำให้
สะพานโกลเด้นเกทพังแบบที่ได้ข่าวมา อันนี้เราคิดไปเองหรือเปล่าว่าเล่นกับSan Andreas คือชอบอ่ะ
แล้วก็ไอ้เพลงโฆษณาหมากฝรั่งนะ มาทีไรฮาตลอด และอื่นๆอีกมากมายที่เราจำไม่หมด 555

- นอกจากตัวความคิดในหัวไรลีย์ที่เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และเราก็ชอบหมดทุกตัวแล้ว นี่ชอบตัวความคิดในหัวพ่อกับแม่ด้วย
น่ารักๆมากๆเลย เป็นตัวแทนความแตกต่างของผู้หญิงและผู้ชายส่วนใหญ่ได้เป็นอย่างดี เวลาหยอกกันตีกันนี่น่ารักสุดๆ

- ฉากในฝันนี่ฮาจริงอะไรจริง คนคิดคือครีเอทีฟมาก ไม่มีอะไรจะบอกนอกจาก ขำกันยาวๆไปครัชช

- โลกจินตนาการและคุณแฟนในอุดมคติ ขำอีกแล้วอ่ะ I'll die for Riley... ตอนที่จอยก็อปปี้ออกมาเยอะๆๆ
แล้วเอามาต่อตัวกันนะ โอ๊ยย น่ารักสุดๆ ><  

- มาถึงช่วงเวลาสะเทือนใจ 555 คุณบิงบองและฉากที่ทำเอาร้องไห้หนักมากกกก
ในโรงนี่ผู้ใหญ่กลั้นเสียงสะอึกสะอื้น เอามือปาดน้ำตากันเต็ม ออกมาจากโรงตาบวมฉึ่ง
เราเป็นอีกคนที่เซนส์ซิทีฟกับฉากแบบนี้ ที่จริงน้ำตาคลอและแอบไหลเงียบๆมาหลายฉากแล้ว
ทั้งตอนที่ทะเลาะกับพ่อแม่ ตอนที่พ่อแม่มาโอ๋มาปลอบ แต่ฉากนี้เหมือนเขื่อนมันแตก มันพีค 555
โปรดิวเซอร์สร้างให้บิงบองเป็นส่วนหนึ่งของการผจญภัยครั้งนี้ของจอยกับแซดเนสไปแล้ว เราไม่ได้เผื่อใจกับฉากนี้มาก่อน
ตอนที่ตกเหวลงมาด้วยกัน เรายังคิดเลยว่าเดี๋ยวก็คงกลับไปด้วยกันได้ทั้งคู่ตามแบบการ์ตูนโพสิทีฟมั้ง
แต่มันไม่ใช่เลย ตอยที่บิงบองมองมือตัวเองที่เริ่มลางเพราะกำลังจะถูกลืมแล้วหันมาบอกจอยว่าลองดูอีกครั้งนะ
คราวนี้ทำได้แน่ ตอนแรกเราไม่เข้าใจ แล้วนึกว่าบิงบองพลัดตกลงมาจากจรวดเอง แต่พอมาคิดอีกครั้ง
บิงบองตั้งใจกระโดดลงมาเองต่างหาก เขารู้ตั้งแต่ตอนที่มองมือตัวเองแล้วว่าไม่นานเขาคงจะหายไป
และนั่นมันทำให้เขาเป็นตัวถ่วงของจอยอีกต่อไปไม่ได้ เขาถึงเลือกกระโดดออกจากจรวด เพื่อส่งจอยขึ้นไปให้ถึง
แล้วฝากจอยทำหน้าที่แทนตัวเองด้วย เราเศร้ากับฉากนี้มากเลยนะ มันเหมือนเราเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป
เพื่อนคนแรกที่รู้จักเรามาก่อนคนไหนๆ อยู่กับเราตั้งแต่จำความได้ เล่นกับเราในวันที่เราไม่มีใคร จนกระทั่งเราโต
..ต่อไปคงไม่มีใครบินไปดวงจันทร์ด้วยจรวดไม้กับเราอีกแล้ว เพราะเมื่อเราโตขึ้น เราก็จะมีเวลาเล่นกับเพื่อนคนนี้น้อยลง
และเขาก็คงถูกลืมไปในที่สุดเหมือนกับบิงบองในหนังเรื่องนี้

- จอยกับแซดเนสที่ผ่านความยากลำบากมาด้วยกันมากมายสุดท้ายก็เข้าใจกันได้ ชอบตอนที่ลูกแก้วเมโมรี่กลายเป็น
หลายสีรวมกัน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่เป็นสีนั้นๆสีเดียว มันบอกเราให้รู้ว่าไม่มีอะไรที่จะสุขไปตลอด
แต่ความทุกข์มันก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดเหมือนกัน มันต้องมีทั้งสองอย่างนี่แหละถึงจะเรียกว่าชีวิต ดีบ้างร้ายบ้าง
แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป

- ฉากสุดท้ายที่ไรลีย์กลับมาบ้านแล้วตัดสินใจบอกทุกอย่างให้พ่อแม่รู้ ข้อนี้มันสะท้อนอะไรได้ดีมากๆ ตรงตามชื่อหนังเลย
บางทีเราก็ควรจะปล่อยความคิดในหัวเราออกมาให้คนรอบข้างได้รับรู้ การเก็บเงียบไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป
ปล่อยให้แซดเนสในตัวเราทำงานบ้าง ร้องไห้บ้างก็ได้ไม่เป็นไร คิดอะไรก็บอกมีอะไรก็ปรับความเข้าใจกัน
เชื่อเถอะว่ามีคนที่พร้อมจะรับฟังและอ้าแขนกอดเราไว้เสมอไม่ว่าเราจะเจอเรื่องหนักหนาอะไรมา
คนคนนั้นอาจเป็นเพื่อนที่ร่วมหัวจมท้ายกันตลอด อาจเป็นแฟนที่โทรคุยด้วยทุกวัน แต่ที่สำคัญ
คนที่อยู่ข้างเราเสมอและไม่เคยทิ้งเราไปไหนเลยคือพ่อแม่ ท่านคือคนสองคนที่รักเราที่สุดในโลก : )

- ขาดไม่ได้คือเอ็นดิ้ง เครดิต อันนี้ขำแบบตาบวมๆ ชอบที่ซูมให้เห็นความคิดของหลายๆตัวละคร โดยเฉพาะหมากับแมว
หมาว่าฮาแล้ว แมวนี่หนักกว่า เพื่อนสองคนข้างๆที่เป็นทาสแมวขำกันหนักมาก ออกมาจากโรงบอกอันนี้จริงสุด 555

จริงๆเราประทับใจอีกหลายอย่างเลยนะคะ แต่จำมาได้ไม่หมด สำหรับเราถึงเรื่องนี้จะยังโค่นแชมป์แอนนิเมชั่นในดวงใจ
อย่างบิ๊ก ฮีโร่ไม่ได้ แต่ก็คุ้มค่าการไปดูสมคำร่ำลือ เด็กๆกับคุณพ่อคุณแม่น่าจะไปดูกันนะคะ เหมือนเป็นกุศโลบายกลายๆ
บอกเด็กๆว่ามีอะไรให้พูดคุยกับพ่อแม่ได้เลยนะ ท่านพร้อมรับฟังเราเสมอ ถ้าจะให้คะแนนเรื่องนี้เราคงให้ 8.7/10
ตัดไปนิดหน่อยเพราะความเห็นส่วนตัวเราว่าเดินเรื่องเร็วไป บางจุดมันบิ้วท์ได้มากกว่านี้ เช่นตอนแรกที่เริ่มเศร้า
คือเหมือนอยู่ดีๆแซดเนสไปจับลูกแก้วเมมโมรี่ก็เลยเศร้า มันยังไม่เมคเซนส์เท่าไหร่ว่าทำไมต้องไปจับ
โตมาจน11ปีก็ไม่เคยจับนี่?(หรืออาจจะมีปมตอนย้ายบ้าน แต่เราว่ามันปูให้มีอารมณ์ร่วมได้มากกว่านี้)
หรือตอนที่อยู่ๆก็ตัดสินใจลงรถบัสกลับมา มันตัดฉับๆไปหน่อย น่าจะเล่าให้อินให้น่าสงสารได้อีก
ตอนกอดพ่อแม่จะได้พีคๆ แต่โดยรวมแล้วโอเคมากค่ะ ใครยังไม่ได้ดูเป็นอีกเรื่องที่แนะนำให้ดูนะคะ
ส่วนใครที่ดูมาแล้ว ร่วมพูดคุยแชร์ความประทับใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เช่นเคย ขอบคุณค่าา : ))
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่