อย่ารู้สึกผิดที่ไม่อาจรักแม่ได้

กระทู้สนทนา
วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับผู้ให้กำเนิดค่ะที่เราเรียกว่าแม่นั่นเองค่ะ

แม่แยกทางกับพ่อช่วงที่เราแบเบา เรามีพี่สาว 1 คนห่างกัน 4 ปี พี่สาวอยู่กับยาย และเราได้ไปอยู่กับพ่อ พอช่วงอายุ 1 ขวบเรามีโอกาสได้มาหายาย ยายเห็นเราแล้ว ก็ขอเลี้ยงไว้เอง ไม่ส่งเรากลับคืนให้พ่อ แม่ออกจากบ้านไปทำงานและพักที่อื่น เราเติบโตมาโดยมียายที่เลี้ยงดู ทุ่มเท เสียสละทุกอย่าง เรารักยายมากค่ะ โดยที่แม่ไม่ได้ส่งเสียค่ะ มีบางช่วงที่ชีวิตเราและยายลำบากอย่างมาก แม่ก็ไม่มาช่วยเลยค่ะ เพียงแต่แสดงความเห็นใจ แต่ก็ไม่ได้ช่วยค่ะ ถึงจะลำบากยายก็ยังให้เราได้เรียนที่ที่ดี

เราได้รับการอบรมจากโรงเรียนช่วงประถมดีมากค่ะ ครูสอนให้เรารู้ว่าไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูก แม่ทุกคนทุ่มเท อดทนเพื่อลูก แม้จะไม่มีเงิน แม่ก็ยอมเป็นหนี้เพื่อให้ลูกได้กินอยู่สบาย แม่เป็นผู้ให้กำเนิด ให้ชีวิต มีพระคุณที่ไม่สามารถจะทดแทนได้หมด เราเชื่อแบบนั้นค่ะ และคิดตลอดว่าแม่จากไปเพราะจำเป็น แต่แม่รักเราแน่นอน ยายเองก็ดูแลเรา ยอมเป็นหนี้เพื่อเลี้ยงดูเราให้ดี และยายก็สอนเราเสมอให้รักแม่ ยายชอบพูดให้ฟังบ่อยๆ ว่าไม่เคยหวังให้เรามาเลี้ยงดูยาย ขอแค่ให้เราเลี้ยงดูตัวเองได้ในยามที่ยายไม่อยู่แล้วก็พอ เราไม่เคยคิดว่าเราเป็นเด็กมีปัญหาแต่อย่างใด

แม่ไปมีครอบครัวใหม่ มีลูก 1 คน

เรากับยายอดทนเพื่อให้ผ่านช่วงชีวิตที่ยากลำบาก ช่วง ม.ต้น พอปิดเทอมเราจะหางานพิเศษทำ ปวช.- มหาลัย เรากู้เงินเรียน และก็ยังหางานพิเศษทำอยู่ จนเรียนจบ มีงานทำ มีครอบครัว ช่วงที่มีครอบครัว เราแยกมาอยู่กับแฟน บ้านที่เราเคยอยู่กับยายก็ไม่มีแล้ว พี่สาวแยกออกไปมีครอบครัวนานแล้ว และตอนนี้ยายย้ายไปอยู่กับพี่สาว ช่วยพี่สาวเลี้ยงหลานๆ เราส่งเงินให้ยายใช้ตลอดค่ะ

แล้วเราก็ตั้งท้องและคลอดลูก ผ่านไปเกือบ 3 เดือน เราต้องกลับไปทำงาน ช่วงนี้เป็นช่วงที่เราเครียดมาก เพราะหาคนดูลูกไม่ได้ เราเลยคุยกับแม่ จะให้แม่มาช่วย เพราะถ้าจ้างเค้าต้องเสียเดือนนึงเป็นหมื่น แม่เราบอกว่าจะไปจ้างเค้าทำไม เอาค่าจ้างมาให้แม่ดีกว่า คือแม่จะมาช่วยนั่นเองค่ะ เราดีใจและโล่งใจมาก และเราก็บอกแม่ว่าถ้ามาช่วยหนู หนูจะให้ค่าเหนื่อยแม่เดือนละ 4,000 (ตอนนั้นเราเองก็รายได้ไม่เยอะมาก) กินอยู่กับหนู มีห้องให้อยู่ (แม่เราทำงานได้เงินเดือนประมาณ 6,000  บาทค่ะ)

เราได้รับการปฏิเสธจากแม่ค่ะ โดยแม่บอกว่าไม่อยากจะมาอยู่ให้เป็นภาระเราค่ะ ตอนนั้นเราเสียใจมาก และไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงปฏิเสธ ยายเราก็สงสารเรา ตอนนั้นยายเราอายุ 70 กว่าแล้ว ยายบอกว่าถ้ายายยังไหวยายจะมาช่วยโดยไม่เอาค่าเหนื่อยเลย แต่ยายไม่ไหวแล้ว (ลูกๆ ของพี่สาวโตพอดูแลตัวเองได้แล้ว ยายก็ช่วยนิดหน่อย) ยายบอกจะลองพูดกับแม่ให้

ผ่านไปไม่กี่วันแม่โทรมาบอกว่าตัดสินใจจะมาช่วยเราแล้ว เพราะเพื่อนที่ทำงานบอกว่า ห่วงทำงานไปก็เท่านั้น ยามเจ็บไข้ เจ้าของโรงงานเค้าก็ไม่ช่วยเราหรอก ไปอยู่กับลูกดีกว่า เจ็บไข้ได้ป่วย ลูกก็ไม่ทิ้งเราอยู่แล้ว

แล้วแม่ก็มาอยู่ด้วยค่ะ ช่วงนั้นเรารายได้เยอะขึ้น จึงเพิ่มให้แม่จาก 4,000 เป็น 5,000 โดยเราจ่ายก่อนเลย (เหมือนทำงานแล้วได้เงินล่วงหน้าอะค่ะ ไม่ใช่ได้สิ้นเดือน)

หลังจากนั้นเราก็ระหองระแหงกับแม่ตลอด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน บอกตรงๆ เราไม่ชอบวิธีที่แม่เลี้ยงหลาน เวลาที่เราเสนออะไรไป แม่จะตอบกลับว่า ตอนเด็กเค้าก็เลี้ยงมาแบบนี้ทุกคน เราก็พูดไปตรงๆ ว่าแม่ไม่ได้เลี้ยงหนูนะ

เวลาที่ทะเลาะกันแม่จะใช้คำพูดที่แรง และน้ำเสียงที่ดังกึกก้อง เรางงว่าทำไมแม่ถึงคิดว่าแม่สามารถทำกับเราแบบนั้นได้

มีอยู่ครั้งนึง เราเงินไม่คล่องตัว จึงบอกแม่ว่าช่วงนี้หนูเงินไม่ค่อยพอ ขอให้แม่ 4,000 นะ แม่บอกให้เราพาลูกเข้าโรงเรียนซะ แม่จะได้กลับไปทำงาน (ตอนนั้นลูกได้ 1 ขวบค่ะ และเป็นช่วงที่ค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเป็น 300 บาท) เราน้อยใจและพูดไปว่า พอหนูไม่มีเงินแม่ก็จะทิ้งหนูไป เราก็กัดฟัน และยังให้แม่ 5,000 เท่าเดิม

ตอนนี้เราเริ่มคิด ว่าตอนเด็กๆ สิ่งที่เราคิดถึงแม่แต่ในด้านดีๆ นั้น ที่จริงเราหลอกตัวเองมาตลอด ยิ่งเรามาอยู่ด้วยกัน ยิ่งรู้มากขึ้นว่าความจริงแล้วเราไม่ได้รักแม่ ทั้งๆ ที่ตอนเด็กเรารักแม่มาก ตอนนี้เรากลับต้องฝืนใจที่จะรักแม่ แต่แม่รักเรารึป่าวนั้น เราไม่ขอคิดแทน

หลายคนเคยพูดว่าเมื่อไหร่ที่เราได้เป็นแม่คนแล้ว เราจะเข้าใจแม่ของเรามากขึ้น อันนี้ไม่จริงนะคะ ตอนนี้เราเป็นแม่คนแล้ว เรามองหน้าลูกเรา เรารู้ใจเราเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นยังไงเราจะเลี้ยงลูกเรา จะลำบากด้วยกัน จะสบายด้วยกัน แต่....แล้วตอนที่แม่ทิ้งเราไว้ ตอนนั้นแม่คิดอะไร???? ถ้าทิ้งไปเพราะต้องหาเงินเพื่อส่งเสียเราก็อีกเรื่องค่ะ แต่ว่าแม่ไม่ได้ส่งเสียเราเลยค่ะ มีบ้างช่วงที่เรียนมหาลัย เราขัดสนมาก แม่ก็ช่วยมาเดือนละ 500 บ้าง 700 บ้าง ช่วยอยู่ 3-4 เดือนค่ะ

ต่อนะคะ และแล้วความอดทนก็สิ้นสุด ทะเลาะกันเรื่องเล็กมาก แต่แม่เราแรงมาก และขู่ว่าจะไม่อยู่แล้ว ให้เราหาที่เลี้ยงลูกซะที ที่เค้ามาเลี้ยงลูกให้เราเค้าเหนื่อยมาก เราเองก็แรง เราเลยบอกไปว่าเรามีมองๆ ที่เรียนไว้แล้ว รอเวลาที่แม่จะไป แล้วแม่ก็ไล่ให้เราไปกดเงินเดือนมาให้เค้า เค้าจะได้ไป (คือ....เงินไรอ่ะแม่ หนูให้ไปแล้วไงต้นเดือน) แต่เราไม่พูดค่ะ ก็อุ้มลูกไปกดเงินมาให้แม่

แม่ก็โทรไปเล่าให้ยายฟังว่าเราไล่เค้า เราเลยเล่าให้ยายฟัง ไม่อยากให้เข้าใจเราผิด
เราดูแลแม่ทุกอย่าง ซื้อของให้ พากินข้าว ทำทุกอย่างจริงๆ แต่แม่อาจไม่ทราบซึ้ง เพราะอะไรกันนะ

แฟนเราทำงาน ตจว แต่ไป-กลับ ตอนนี้ไม่มีแม่แล้ว ภาระเรื่องลูกจึงตกอยู่กับเรา แต่มีพี่สาวแฟนช่วยหาโรงเรียนให้ ไกลบ้านหน่อย แต่เป็นโรงเรียนที่ดีมาก เราไปส่งลูกตอนเช้า และไปทำงาน วางแผนงานให้ดี เพื่อจะได้กลับมารับลูกทัน แวะตลาดซื้อของมาทำกับข้าวไว้รอแฟน

เหนื่อยมาก แต่สิ่งที่ได้คือสบายใจมากค่ะ พอได้เลี้ยงลูกเอง 100% เราก็มีโอกาสปรับพฤติกรรมของลูก (ตอนที่ แม่มาเลี้ยงให้ ลูกเราเอาแต่ใจ และอารมณ์รุนแรงค่ะ) ตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลยค่ะ เห็นลูกเป็นเด็กดี เราก็หายเหนื่อย

เรายังคงส่งเงินให้แม่ค่ะเดือนละ 1,000 อาจจะดูน้อยนะคะ และเราก็ส่งให้ยายด้วย

แต่แล้วยายก็โทรมาบอกให้เรารับแม่มาอยู่ด้วย เพราะแม่ลำบาก ค่าแรงที่แม่คิดว่าจะได้มันไม่เป็นอย่างที่หวัง แล้วก็สุขภาพไม่ค่อยดี เราก็ให้แม่มาอยู่ด้วยค่ะ แล้วเราก็บอกแม่ว่าคงไม่ได้ให้เงินเดือนเท่าเมื่อก่อนนะ เพราะตอนนี้ลูกเข้าโรงเรียนแล้ว เราให้ได้เดือนละ 2,000 นะ เพราะเราต้องให้ยายด้วย คิดซะว่าหนูให้ยายแทนแม่นะ เพราะความจริงแม่ต้องเป็นคนให้เอง

แม่มาอยู่กับเราครั้งที่ 2 ช่วงเดือนมกราคม 58 ช่วงนั้นเรากับแฟนต้องเลิกรากัน (ขอไม่เล่ารายละเอียดนะคะ)

แฟนขอลูก เราไม่ให้ แล้วเราก็กู้เงินซื้อบ้าน บ้านหลังนี้แม่มาอยู่ด้วย เราพาแม่ไปกินข้าว ซื้อของที่แม่ชอบมาให้ พาไปทำบุญ และทุกครั้งเราอดคิดไม่ได้ว่าน่าจะเป็นยายมากกว่าที่ควรจะได้รับสิ่งเหล่านี้

และแล้วปัญหาเดิมๆ ก็เกิด ทีนี้แรงขึ้นๆ แม่ด่าเราด้วยคำหยาบ เรารับไม่ได้เลย เราอึดอัดมาก แต่ด้วยคำว่า  "แม่" มันค้ำคออยู่

มีครั้งนึงแม่พูดใส่เราว่าหมอดูเค้าเคยทักแม่ ว่าลูกของแม่ ยิ้ม ทุกคน ทั้งๆ ที่แม่ก็เห็นว่าเราทำงาน เราหาเงิน เราเหนื่อย อยากให้ครอบครัวเราอยู่สบาย แม่ชอบอะไรเราก็หาให้ แต่เวลาทะเลาะกันเราก็ยอมรับนะว่าเราไม่ยอมเหมือนกัน มันไม่รู้สึกว่าต้องเกรงใจแม่เลย ในเมื่อแม่มาด่าเราแรงๆ ชอบด่าว่าเราไม่ใช่ลูกเค้า แค่อาศัยท้องมาเกิด ถ้ารู้แบบนี้เอาขี้เถ้ายัดปากแล้ว (แต่สิ่งที่เราคิด แม่ควรพูดว่า : "ถ้ารู้แบบนี้แม่จะเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด" เพราะเราเป็นคนเดียวที่แม่พึ่งพาได้)

และแม่ก็บอกให้เราเลี้ยงลูกไปคนเดียว แม่จะไม่อยู่แล้ว เราก็บอกแม่ว่าพอทะเลาะกันก็ขู่ว่าจะไป แม่บอกไม่ได้ขู่ เค้าจะไปจริงๆ เราก็ไม่ห้ามนะ เอาตามที่แม่สบายใจเลย

แล้วยายก็โทรมาเล่าให้เราฟังว่าแม่โทรหายาย เล่าเรื่องที่ทะเลาะกัน แล้วบอกว่าเค้าไม่มีที่ไป ยายก็ขอร้องให้เราพูดกับแม่ ดีกับแม่ บอกว่าแม่อุ้มท้องเรามา ถ้าไม่มีแม่ ก็ไม่มีเรา ยายไม่อยากเห็นเราทำบาปค่ะ ยายรักเรามากจริงๆ เราก็บอกยายว่าไม่เคยไล่ ให้อยู่ อยู่ไปจนกว่าจะพอใจเลย

หลังจากนั้นเราก็ไม่ค่อยคุยกัน ต่างคนต่างอยู่ แต่เรายังให้เงินแม่อยู่ และค่าใช้จ่ายทุกอย่างแม่ไม่ต้องออก เรายินดีตอบแทนบุญคุณของแม่ในฐานะผู้ให้กำเนิด แต่ไม่ใช่ในฐานะ "แม่" เพราะคำๆ นี้เราขอยกให้ยายค่ะ เรารอเวลาที่ยายจะย้ายมาอยู่กับเราค่ะ (มีภาระบางอย่างทำให้ยายยังมาอยู่กับเราไม่ได้ เราไม่ขอพูดถึงนะคะ)

และคนที่ต้องตอบแทนแม่ ในฐานะ "แม่" ต้องเป็นน้องเรา คนที่แม่ทุ่มเท เลี้ยงดู จนไม่เคยมาเหลียวแลเราค่ะ แต่ก็ยังมองไม่เห็นวี่แวว

เราไม่ขอถามนะคะ ว่าสิ่งที่เราคิดหรือทำ ผิดหรือถูก เราแค่จะบอกว่า อย่ารู้สึกผิดที่ไม่อาจรักแม่ได้ อย่าหลอกตัวเองเพื่อเป็นที่ยอมรับของสังคมอันแสนสวยงามค่ะ แต่นำมาเป็นบทเรียนให้กับชีวิตเราค่ะ เพื่อที่จะไม่ก้าวซ้ำรอยเดิม

ปล.สงสัยตรงไหนถามได้นะคะ เรื่องราวมันเยอะมากอาจมีเล่าข้ามบางช่วงไป

ขอบคุณค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่