ทำไมนักเศรษฐศาสตร์รุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว ไม่ช่วยผลักดันให้นักเศรษฐศาสตร์เป็นวิชาชีพบ้าง

ผมจำวันแรกที่ผมเข้าเรียนในคณะเศรษฐศาสตร์ได้เลยครับ ว่าผมอยากใช้วิชาที่เรียนมาใช้ประโยชน์ในการประกอบวิชาชีพ หรือนำไปช่วยเหลือคนอื่น แต่พออาจารย์เข้าห้องมา ก็พูดประโยคแรกกันนักศึกษาทุกคนเลยว่า

"เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่เราเรียนเพื่อรู้ ไม่ใช่เรียนเพื่อไปทำอาชีพอะไรโดยเฉพาะนะ"

ผมก็สงสัยตั้งแต่นั้นมาว่า แล้วเราจะเรียนไปเพื่อรู้ทำไม แถมเรียนยากๆ จบมาแล้วก็ต้องมาแข่งกับคนที่เรียนตรงสาขาอีกต่างหาก มันดูไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปเอาซะเลย

ทำให้คนที่เรียนเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ จึงเลือกเรียนสาขาการเงิน หรือไม่ก็สาขาที่เกียวข้องกับธุรกิจ ซึ่งเป็นสาขาที่สามารถหาช่องทางทำเงินได้มากที่สุด แต่คนเหล่านี้เมื่อจบไป ก็จะเรียกตัวเองว่า เป็นนักการเงิน นักลงทุน หรือนักธุรกิจ ไม่ใช่นักเศรษฐศาสตร์ ส่วนสาขาอื่นที่เกียวข้องกับการพัฒนาประเทศที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐ คนกลับเรียนน้อยมาก หรือคนที่เรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่ไม่เก่งเพราะพวกเขาไม่ต้องการไปแข่งกับคนเก่งๆ

ทั้งๆที่ถ้าประเทศไทยสามารถทำให้ นักเศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาชีพได้ ก็น่าจะทำให้คนเก่งๆ สนใจมาเรียนสาขาที่พัฒนาประเทศมากขึ้น แล้วจะทำให้ประเทศไทยของเราพัฒนาได้อีกเยอะไปพร้อมกันด้วย เรียกได้ว่า win-win ทั้งคู่

สำหรับวิชาชีพเศรษฐศาสตร์ ที่ผมคิดว่าสามารถทำให้เกิดได้ก็มี 3 สาขาคือ

1. นักนิติเศรษฐศาสตร์

ปัจจุบันเรามีนักบัญชี หรือวิศวกร ที่ต้องมีการเซ็นรับรองว่า บัญชีนี้ทำถูกต้องตามหลักบัญชีหรือไม่ หรือแบบบ้านออกแบบถูกต้องตามหลักวิศวกรรมหรือไม่ แต่ทำไมเราไม่คิดว่า กฎหมาย แต่ละข้อ ออกมาถูกต้องตามหลักเศรษฐศาสตร์และหลักยุติธรรมหรือไม่บ้าง และถ้ากฎหมายออกมาแล้ว มีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างใครจะรับผิดชอบ ดังนั้นกฎหมายแต่ละข้อจึงควรมีนักนิติเศรษฐศาสตร์ทำงานวิจัยออกมาเผยแพร่พร้อมเซ็นรับรองว่าผ่านเพื่อให้รู้ว่ากฎหมายนั้นได้ศึกษาผลกระทบมาแล้ว

แม้ปัจจุบันจะมีนักนิติเศรษฐศาสตร์อยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้ถูกทำให้เป็นวิชาชีพ ทำให้กฎหมายที่ออกมาแต่ละข้อก็ไม่มีการศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อน อย่างเช่น เราเคยคิดไหมว่า ทำไมคนผิดต้องจำคุกเท่านี้ ทำไมต้องโดนปรับเท่านี้ เขาศึกษามาแล้วหรอ และถ้าศึกษามาแล้ว ปัจจุบันบางเรื่องทำไมยังมีคนที่ทำผิดอยู่เยอะ แต่ถ้านักนิติเศรษฐศาสตร์ได้วิเคราะห์ เขาอาจบอกได้ว่า กฎหมายนี้ควรมีโทษหนักกว่านี้ และค่าปรับที่ตำรวจได้ก็จะเป็นแรงกระตุ้นให้เขาทำหน้าที่ได้เต็มที่ จนทำให้ปัญหาลดลงไปได้
หรือการเปลี่ยนกฎหมายเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 300 บาท เรื่องนี้ศึกษาผลกระทบมาแล้วหรือว่าประเทศได้ประโยชน์มากกว่าเสีย ถ้าศึกษามาแล้วก็ควรเอางานศึกษาออกมาให้ประชาชนได้อ่านกัน จะได้ไม่เป็นที่กังขาจนทุกวันนี้ นักวิจัยต่างๆจะได้แค่เอางานที่นักนิติเศรษฐศาสตร์ศึกษามาแล้ว และรับรองว่ากฎหมายนี้ผ่านแล้ว มาศึกษาต่อได้เลยว่านักนิติเศรษฐศาสตร์คนนี้ศึกษาผิดหรือถูก ถ้าศึกษาผิดก็ต้องยึดใบประกอบวิชาชีพ

2. นักวิเคราะห์โครงการ
โครงการต่างๆที่ออกโดยรัฐบาล บางโครงการมีการศึกษาแล้ว แต่บางโครงการไม่มีการศึกษา เช่นโครงการจำนำข้าว ก็คล้ายๆกับนักนิติเศรษฐศาสตร์ครับ คือ ควรมีนักวิเคราะห์โครงการที่เป็นวิชาชีพมาเซ็นรับรองว่าโครงการนี้ควรผ่านไหม ประเทศได้ประโยชน์มากกว่าใช่หรือไม่

หรือแม้แต่โครงการที่เอกชนทำแต่ส่งผลกระทบต่อสังคมวงกว้าง ก็ควรให้มีการรับรองโดยนักวิเคราะห์โครงการทุกครั้ง เพราะถ้าวิเคราะห์มาแล้วมีผลกระทบด้านลบมากกว่าบวกจริงๆ ก็คงไม่มีนักวิเคราะห์โครงการคนไหนเซ็นรับรอง เพราะเมื่อโครงการเกิดแล้วมีผลกระทบ เกิดการฟ้องร้อง นักวิเคราะห์โครงการก็อาจซวยได้ เป็นระบบที่กันการเกิดโครงการที่ไม่ดีตั้งแต่เนิ่นๆ

หรือถ้าประเทศเรามีงบประมาณจำกัด แต่มีหลายโครงการที่จะทำ รัฐบาลก็สามารถเลือกลงทุนในโครงการที่คุ้มค่าที่สุดโดยมีหลักฐานชัดเจนจากการศึกษาของนักวิเคราะห์โครงการ ไม่ใช่ว่าช่วงภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี แต่กลับจะนำเงินไปซื้อเรือดำน้ำ ถ้าเกิดเรือดำน้ำให้ผลประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุดในเวลานี้จริงๆ ก็ควรให้นะครับ แต่ก็ควรเอาทุกโครงการที่จะทำมาเปรียบเทียบกันก่อน การจะทำแบบนี้ได้ ก็ต้องนำงบประมาณของทุกกระทรวงมารวมเป็นกองกลางก่อน กระทรวงไหนเสนอโครงการอะไรที่มีประโยชน์มากที่สุดก็ได้ไป

3. นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ
ผมเห็นแต่ปัจจุบันมีวิชาชีพนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ แต่เศรษฐกิจมหภาคที่เป็นความเสี่ยงที่เป็นระบบที่ทุกคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้กลับไม่มีวิชาชีพนี้ ซึ่งน่าจะมีความสำคัญเช่นเดียวกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่ส่วนใหญ่วิเคราะห์ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ

หรือการจะออกบทวิเคราะห์เศรษฐกิจของประเทศไทย ประเทศอเมริกา ประเทศจีน หรือประเทศอื่นๆ ก็ควรมีนักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคที่เป็นวิชาชีพทำ เพราะไม่เช่นนั้นความน่าเชื่อถือในบทวิเคราะห์ก็อาจลดลงได้ อย่างผมต้องการลงทุนในกองทุนของจีน ถ้านักวิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาคออกบทวิเคราะห์มาแล้วว่าระยะยาวไม่ดี ผมก็อาจไม่ลง แต่ปัจจุบันผมไม่รู้จะเชื่อใคร อาจเชื่อนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังของไทยได้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาพูดจากการวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วหรือเปล่า แต่คงต้องเชื่อไปก่อน การทำให้เป็นวิชาชีพก็จะทำให้นักลงทุนเชื่อถือได้มากขึ้น และทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งส่งผลดีต่อตลาดทุนไทย และทั่วโลก

ต้องบอกก่อนว่า เรื่องทั้งหมด ผมแค่สงสัยนะครับว่าทำไมไม่มี ผมคิดว่าเรามีช่องว่างที่สามารถสร้างวิชาชีพเหล่านี้ขึ้นมาได้ ให้มีการสอบเหมือนกับนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ หรือวิชาชีพอื่นๆ เพื่อทำให้ยกระดับมาตรฐานของอาชีพเหล่านี้ สร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้น และที่สำคัญทำให้ประเทศไทยของเราพัฒนาได้อีกไกล มีความชัดเจนในการดำเนินประเทศ อย่างที่เราพูดกันว่า ทำอย่างไรให้คอรัปชั่นลดลง นักนิติเศรษฐศาสตร์ก็อาจช่วยเราได้ ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเราสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน นักวิเคราะห์โครงการก็อาจช่วยเราได้ หรือนักลงทุนจะเชื่อมั่นได้อย่างไรในการลงทุนใน AEC นักวิเคราะห์เศรษฐกิจ ก็อาจช่วยนักลงทุนได้เช่นกัน

ผมไม่ได้คาดหวังให้ภาครัฐสร้างให้มีวิชาชีพนี้ขึ้นมา เพราะอย่างที่เห็น วิชาชีพพวกนี้ไม่มีกลับเป็นประโยชน์ต่อนักการเมืองมากกว่า แต่ผมคาดหวังให้นักเศรษฐศาสตร์รุ่นพี่ที่มีชื่อเสียงในวงการร่วมกันผลักดันให้มีวิชาชีพพวกนี้เกิดขึ้นครับ

บางคนอาจบอกว่า ต่างประเทศไม่เห็นต้องมีเลย เขาก็พัฒนาได้ ผมว่าบางทีตอนนี้เขาไม่มี แต่อนาคตเขาอาจมีก็ได้ เราไม่อยากเป็นผู้นำในโลกบ้างหรอครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่