การตอบแทนอย่างที่ ๑ (ข้อเปรียบเทียบอย่างไหนดีกว่า)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลใดก็ตามเลี้ยงมารดาบิดาอย่างดี ถึงแม้จะเลี้ยงดูท่านทั้งสองบนบ่าทั้งสองข้าง หรือมอบอิสรยศให้แก่ท่าน การตอบแทนบิดามารดาเยี่ยงนี้ ก็ยังไม่ได้เชื่อว่า เป็นการตอบแทนบิดามารดาอย่างแท้จริง
แต่ทว่า กุลบุตร กุลธิดาใด ทำมารดาผู้ไม่เคยให้ทาน ให้ได้ทาน ไม่เคยรักษาศีล ให้มีศีล ให้เจริญจิตภาวนา (ให้ตั้งอยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา) การตอบแทนบิดามารดาของกุลบุตรกุลธิดานั้น สมควรแล้ว
ถามว่าทำไม เพราะการตอบแทนอย่างแรก เป็นการตอบแทนแบบโลกิยะ แต่การมอบโลกุตตระทรัพย์ ให้แก่มารดาบิดานั้น สามารถทำให้บิดามารดานั้น เป็นพระอริยบุคคลได้

การตอบแทนคุณมารดาบิดาของลูกๆ ตามแบบโลกิยะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ในสิงคาลกสูตร
๑.เมื่อท่านเลี้ยงเรามา เราก็เลี้ยงท่านตอบ
๒.ช่วยดูแลกิจการของท่าน
๓.ไม่ทำให้วงศ์ตระกูลของท่านเสื่อมเสีย
๔.ทำตนเหมาะสมให้กับเป็นผู้สืบทอดมรดก
๕.เมื่อท่านล่วงลับดับขันธ์ไป ก็ทำบุญให้แก่ท่าน

มารดาบิดาหวังฐานะ ๕ อย่าง จึงปรารถนามีบุตร คือ
๑. บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้ว จักเลี้ยงเราตอบ
๒. จักทำกิจธุระของเรา
๓. จักดำรงค์สกุลของเรา
๔. จักรับทรัพย์มรดกของเรา
๕. เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว จักทำบุญอุทิศให้เรา

เข้าใจง่าย ไม่ต้องไปตีความอะไรให้มาก  ย่นลง ๓ คือ ยามแก่เฒ่า หวังเจ้าคอยรับใช้ ยามป่วยไข้ หวังเจ้าคอยรักษา เมื่อถึงคราวต้องตายวายชีวา หวังเจ้ามาปิดตาเมื่อสิ้นใจ