[9.9/10]
ในการผลิตหนังออกมาแต่ละเรื่อง สิ่งที่ผู้กำกับแต่ละคนไม่ว่าไทยหรือเทศควรทำอย่างหนึ่งก็คือการสร้างความแปลกใหม่ในงานของตัวเอง
ซึ่งตั้งแต่ที่ได้ดูภาพยนต์ของ Disney และ Pixar มาตั้งแต่เด็ก ผมก็รู้สึกว่าสองค่ายนี้คือค่ายที่สามารถสร่างความแปลกใหม่ชวนแปลกใจในงานของตัวเองได้เกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะ Pixar ที่มีจุดเด่นในการเล่าเรื่องและเลือกสร้างเรื่องที่ไม่ซ้ำใครจากอะไรง่ายๆจากรอบตัว ตั้งแต่ของเล่นมีชีวิต รถที่สามารถแล่นได้เอง หรือโลกใต้ทะเลชวนพิศวง ครั้งนี้ก็เช่นกัน Pixar เลือกที่จะหยิบเรื่องของอารมณ์และมนุษย์ธรรมดามาเป็นวัตถุดิบหลักในการเล่าเรื่องจนเกิดมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Inside Out ที่สามารถทำเงินจนเป็นแอนิเมชั่นรายได้สูงสุดของ Pixar แล้ว แม้จะใช้เวลานานหลายเดือนกว่าคนไทยจะได้ดู แต่ผมก็เชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะครองใจคนไทยอีกหลายๆคนที่ได้ไปรับชมหนังเรื่องนี้แน่นอน
Inside Out ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เลือกเล่าผ่านการมองเห็นจากอารมณ์ในหัวของ 'ไรลีย์ แอนเดอเซน' เด็กวัยรุ่นอายุ 12 ปีที่ต้องย้ายออกจากเมืองที่ตนเองเคยอยู่กระทันหัน โดยอารมณ์ในหัวของไรลีย์ได้แก่ Joy (ลั้ลลา) Sadness (เศร้าซึม) Anger (ฉุนเฉียว) Disgust (หยะแหยง) และ Fear (กลั๊วกลัว) ก็รู้สึกไม่ชอบใจกับบรรยากาศบ้านใหม่แสนโกโรโกโสของไรลีย์นัก แม้ Joy จะพยายามจะทำให้ไรลีย์รู้สึกดีขึ้น แต่ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง ทำให้ Joy และ Sadness ถูกส่งออกไปในดินแดนที่เธอทั้งคู่ไม่คุ้นและเธอทั้งสองคนจะต้องพยายามกลับไปให้ได้ก่อนที่ไรลีย์จะต้องสูญเสียความสุขไปตลอดกาล
เนื่องจากเรื่องนี้มี Sadness ซึ่งเป็นอารมณ์เศร้าๆ ตัวหนังจึงเล่าตัวเองด้วยอารมณ์เทาๆ และมีอารมณ์ดราม่าเข้ามาหลายช่วงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีสีสันสดใสมากๆ คล้าย Pixar จะบอกกับคนดูว่า 'พวกเราโตขึ้นแล้วนะ' อีกยังทั้งสัญลักษณ์หลายอย่างที่ต้องใช้การตีความอย่างชัดเจนมากขึ้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เช่นฉากหนูตายที่หนูตัวที่ตายมีรูปร่างคล้ายเรมี่ หนูตัวเอกในภาพยนตร์เรื่อง Ratatouille หนังเรื่องนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับเด็ก แต่เหมาะกับคนที่อยู่ช่วงวัยรุ่นและพ่อแม่มากกว่า และด้วยการใช้วัยรุ่นเป็นตัวหลัก วัยรุ่นจึงอินกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก อีกยังทั้งคติสอนใจมากมายในภาพยนตร์ อย่างเช่น บางครั้งความเศร้าก็มีประโยชน์กับเรา อย่าเก็บความเศร้าไว้กับตัวเองคนเดียว อยากให้ได้ลองสัมผัสกับภาพยนตร์เรื่องนี้กันครับ คุณจะได้เสียน้ำตาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้และได้อบอุ่นใจไปกับเรื่องนี้แน่ๆ
เนื่องจากเป็นกระทู้รีวิวหนังครั่งแรก ถ้ามีอะไรผิดพลาดตักเตือนกันได้นะครับ
[Review] Inside Out เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเติบโต #พิกซ่าร์ก็เช่นกัน
[9.9/10]
ในการผลิตหนังออกมาแต่ละเรื่อง สิ่งที่ผู้กำกับแต่ละคนไม่ว่าไทยหรือเทศควรทำอย่างหนึ่งก็คือการสร้างความแปลกใหม่ในงานของตัวเอง
ซึ่งตั้งแต่ที่ได้ดูภาพยนต์ของ Disney และ Pixar มาตั้งแต่เด็ก ผมก็รู้สึกว่าสองค่ายนี้คือค่ายที่สามารถสร่างความแปลกใหม่ชวนแปลกใจในงานของตัวเองได้เกือบทุกเรื่อง โดยเฉพาะ Pixar ที่มีจุดเด่นในการเล่าเรื่องและเลือกสร้างเรื่องที่ไม่ซ้ำใครจากอะไรง่ายๆจากรอบตัว ตั้งแต่ของเล่นมีชีวิต รถที่สามารถแล่นได้เอง หรือโลกใต้ทะเลชวนพิศวง ครั้งนี้ก็เช่นกัน Pixar เลือกที่จะหยิบเรื่องของอารมณ์และมนุษย์ธรรมดามาเป็นวัตถุดิบหลักในการเล่าเรื่องจนเกิดมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง Inside Out ที่สามารถทำเงินจนเป็นแอนิเมชั่นรายได้สูงสุดของ Pixar แล้ว แม้จะใช้เวลานานหลายเดือนกว่าคนไทยจะได้ดู แต่ผมก็เชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะครองใจคนไทยอีกหลายๆคนที่ได้ไปรับชมหนังเรื่องนี้แน่นอน
Inside Out ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่เลือกเล่าผ่านการมองเห็นจากอารมณ์ในหัวของ 'ไรลีย์ แอนเดอเซน' เด็กวัยรุ่นอายุ 12 ปีที่ต้องย้ายออกจากเมืองที่ตนเองเคยอยู่กระทันหัน โดยอารมณ์ในหัวของไรลีย์ได้แก่ Joy (ลั้ลลา) Sadness (เศร้าซึม) Anger (ฉุนเฉียว) Disgust (หยะแหยง) และ Fear (กลั๊วกลัว) ก็รู้สึกไม่ชอบใจกับบรรยากาศบ้านใหม่แสนโกโรโกโสของไรลีย์นัก แม้ Joy จะพยายามจะทำให้ไรลีย์รู้สึกดีขึ้น แต่ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง ทำให้ Joy และ Sadness ถูกส่งออกไปในดินแดนที่เธอทั้งคู่ไม่คุ้นและเธอทั้งสองคนจะต้องพยายามกลับไปให้ได้ก่อนที่ไรลีย์จะต้องสูญเสียความสุขไปตลอดกาล
เนื่องจากเรื่องนี้มี Sadness ซึ่งเป็นอารมณ์เศร้าๆ ตัวหนังจึงเล่าตัวเองด้วยอารมณ์เทาๆ และมีอารมณ์ดราม่าเข้ามาหลายช่วงแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีสีสันสดใสมากๆ คล้าย Pixar จะบอกกับคนดูว่า 'พวกเราโตขึ้นแล้วนะ' อีกยังทั้งสัญลักษณ์หลายอย่างที่ต้องใช้การตีความอย่างชัดเจนมากขึ้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หนังเรื่องนี้จึงอาจจะไม่เหมาะกับเด็ก แต่เหมาะกับคนที่อยู่ช่วงวัยรุ่นและพ่อแม่มากกว่า และด้วยการใช้วัยรุ่นเป็นตัวหลัก วัยรุ่นจึงอินกับหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก อีกยังทั้งคติสอนใจมากมายในภาพยนตร์ อย่างเช่น บางครั้งความเศร้าก็มีประโยชน์กับเรา อย่าเก็บความเศร้าไว้กับตัวเองคนเดียว อยากให้ได้ลองสัมผัสกับภาพยนตร์เรื่องนี้กันครับ คุณจะได้เสียน้ำตาให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้และได้อบอุ่นใจไปกับเรื่องนี้แน่ๆ
เนื่องจากเป็นกระทู้รีวิวหนังครั่งแรก ถ้ามีอะไรผิดพลาดตักเตือนกันได้นะครับ