การเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการรูดบัตรเครดิตของลูกค้า จากการจัดบูทขายบริการ ของ Lxxxxx คลีนิคดูแลผิวหน้าแห่งหนึ่ง

สวัสดีค่ะสมาชิก Pantip  นี่เป็นกระทู้แรกของดิฉัน  บทความอาจจะไม่สละสลวย ต้องขออภัยด้วยนะคะ   ดิฉันมีประสบการณ์ที่คิดว่าไม่ดีเกี่ยวกับการขายบริการโดยการรูดบัตรเครดิตมาแบ่งปันนะคะ

เนื่องจาก วันที่ 10 พ.ค. 2558  ดิฉันได้ไปทำธุรกรรมกับธนาคารแห่งหนึ่ง ในห้างสีเขียว สาขาบางปะกอก   ระหว่างที่จะเดินเข้าไปในธนาคารที่ตังอยู่ในห้าง ดิฉันมีความจำเป็นต้องเดินผ่านบูทขายคอร์สดูแลผิวหน้า  พยามมองหาทางเดินทางอื่นเพื่อไม่ให้เดินผ่านบูทดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางได้ เลยจำเป็นต้องเดินผ่าน  ระหว่างที่เดินผ่านก็พยายามไม่มอง ไม่สนใจ   หน้าเชิด เดินผ่านบูท....  แต่ก็มีพนักงาน ประมาณ 3 คน (ใส่เสื้อสีดำ)  ยื่นคูปองให้ พร้อมกับบอกว่าได้ใช้บริการฟรี  ดิฉันก็ปฏิเสธไป...บอกว่า...ไม่ค่ะ  ดิฉันไม่สนใจ  ดิฉันรีบไปทำธุระค่ะ  ......พนักงาน 3 คนนั้นก็ได้มารุมถาม การสนทนาและปฏิบัติการรุมขายก็เกิดขึ้น

พนักงาน :  มีบัตรเครดิตไหมคะ
ดิฉัน      :  มีค่ะ   (หลงกลตอบไปทำไมก็ไม่รู้)
พนักงาน :  ขอดูหน้าบัตรเครดิตได้ไหมคะ
ดิฉัน      :   ก็เปิดกระเป๋าตังค์  หยิบบัตรเครดิตให้ดู  แบบงงๆ  
พนักงาน :  รีบดึงบัตรเครดิตจากมือดิฉันไป  และบอกว่า  บัตรเครดิตใช้ได้ค่ะ
ดิฉัน      :   งง!! ใช้ได้อะไร  และรีบตอบพนักงานไปว่า  วงเงินบัตรเครดิตเต็มค่ะ  (ในใจก็เริ่มกลัวการขายแบบนี้ เพราะเคยได้ยินเพื่อนๆในที่ทำงานเคยเล่าให้ฟัง เกี่ยวกับเทคนิคการขายที่รูดบัตรเครดิตซื้อคอร์สดูแลผิวหน้า   โดยที่ไม่เต็มใจ  และต้องทิ้งเงินไป ไม่ได้ไปทำทรีทเม้นท์ที่ซื้อมาเลย)

ระหว่างนั้นก็มีพนักงานอีกคนมารีบมาแทรกวงสนทนา เชื้อชวนให้ไปตรวจวิเคราะห์สภาพผิวหน้ามีเครื่องดังกล่าวตั้งอยู่ด้วย  
ดิฉัน      : ไม่เอาค่ะ ไม่สนใจ  จะรีบไปทำธุระค่ะ
พนักงาน :  พี่ขอเวลาให้น้องได้ตรวจสภาพผิวหน้าของพี่สักหน่อยนะคะ  ขอเวลาไม่นาน แป๊บเดียว เท่านั้น รับรองไม่มีค่าใช้จ่าย
ดิฉัน      : ไม่เอาค่ะ ไม่สนใจ

พนักงานสองคนก็รุมมาตื้อ ให้ไปตรวจผิวหน้า  ดิฉันก็ทั้งงง และ ก็เริ่มไปปลื้ม   พนักงานมาตื้อสุดฤทธิ์  สุดท้ายแล้วดิฉันก็ต้องยอมหลงกลไปตรวจสภาพผิวหน้า  ระหว่างที่ตรวจพนักงานก็พูดๆไป หน้าพี่มีปัญหาเริ่มไม่มีคอลลาเจน บลาๆ    (ดิฉันก็ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะไม่สนใจ  และอยากจะออกไปจากจุดนี้เร็วๆ)   ระหว่างนั้นก็เริ่มขายคอร์ส  บอกราคาประมาณ 4 หมื่นบาท ดิฉันก็ปฏิเสธมาเรื่อยๆ  และเค้าก็ได้เรียกผู้จัดการสาขาเข้ามาช่วย Build อารมณ์  ดิฉันก็ ปฏิเสธ ไม่ ไม่ ไม่สนใจตลอด  จนเหลือ 18,000 บาท (ใช้เวลาการสนทนาหว่านล้อมประมาณ 1 ชม.) ระหว่างที่คุยนั้นพนักงานก็กรอก รายละเอียดใน "เอกสารทบทวนสัญญาโดยผู้จัดการสาขา"  "ข้อตกลงการรับบริการ"   "Sale Record"  โดยพนักงานกรอกรายละเอียดดังกล่าว  และให้ดิฉันลงนาม   ซึ่งในเอกสารดังกล่าวระบุว่า บริษัทสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงินทุกกรณี     และดิฉันก็ได้ลงนามเพื่อที่จะไปจากบูทนี้พ้นๆ   ระหว่างการสนทนานี้ บัตรเครดิตก็อยู่กับพนักงานที่บูทตลอด  เมื่อดิฉันลงนามแล้ว พนักงานคนนั้นก็รีบรูดบัตรเครดิตทันที    ไหนๆรูดไปแล้วและพนักงานขายมีการขายที่สร้างผลกระทบต่อจิตใจหลายๆคน  และดิฉันเคยทำวิจัยเกี่ยวกับปัญหาหนี้บัตรเครดิต ก็เลยจะเอาเคสตัวเองลองต่อสู้ หาวิธีจัดการกับการจัดบูทขายคอร์สบริการแบบนี้ดู


ผ่านมาประมาณสองเดือนกว่าๆ ดิฉันก็ไม่เคยไปใช้บริการและไม่คิดที่จะไปใช้บริการใดๆ แต่คิดว่าจะขอเป็นหนูทดลองกับเคสตัวเองเรียกร้องสิทธิ์ที่ตนพึงจะได้รับ นำความรู้ที่ได้เรียน ป.โทด้านกฎหมายธุรกิจ มาใช้  อยากให้มีหน่วยงานมาควบคุมดูแลการขายบริการดังกล่าวโดยการรูดบัตรเครดิตของลูกค้า  อยากให้ลูกค้าเข้าไปซื้อบริการด้วยความเต็มใจ   และดิฉันก็ได้เข้าไปศึกษาอ่านรีวิวต่างๆที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค ที่เป็นคนใจอ่อนเหมือนดิฉัน   มีหลายคนรีวิวไว้  ดิฉันขอก็อปปี้ความคิดเห็นต่อการขายคอร์สบริการแบบนี้   ดังนี้

1.  พอไปใช้บริการแล้วชอบขายครอสต่อไม่จบสิ้นน่าเบื่อมากค่ะ แถมเวลาจอมการใช้บริการก็เต็มตลอด
2.  โดนมากะตัวสดๆร้อนวันนี้เลย เหตุการณ์เหมือนกันเดะๆ ขอดูหน้าบัตรเครดิตเรา แล้วไปรูดมาให้เฉย แต่เราไม่ได้เซนต์ ไม่รู้จะเป็นไรมั้ยย พวกนี้น่ากลัวจริง หากินบนความลำบากของคนอื่น
3.   โดนมาด้วยค่ะ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พอมาอ่านในนี้ชักไม่อยากทำ จะขอคืนทำไงดีค่ะ เซ็นสัญญาไปด้วย เปนเครดิต 10 เดือน ขอปรึกษาหน่อยค่ะ ใครพอมีคำแนะนำดีๆบ้างค่ะ
4.   เพิ่งโดนมาสดๆค่ะ เซลล์บอกขอดูหน้าบัตรเครดิตนิดนึง ว่าใช้ร่วมโปรได้มั้ย เราแง้มให้ดู เธอบอกต้องเอาบัตรไปเช็ค ... แป๊ปเดียว พนง.อีกคนเอาไปรูดมาเลย พอเราโวยวายว่าเรายังไม่ได้ตกลง พวกเธอก็มาไหว้ขอโทษว่าเข้าใจผิดไม่ได้ตั้งใจ  เสียใจมากที่ใจอ่อนกับคำขอโทษ น่าจะสั่งให้ void เดี๋ยวนั้นแล้วจากมาสวยๆ ...พอกลับมาเช็คในพันทิป...ปรากฏว่า มันเป็นความตั้งใจ ทำกับลูกค้าแบบนี้อีกหลายๆคน บางคนถึงกับโดนหยิบไปจากกระเป๋าขณะทำทรีตเม้นอยู่ รูดไม่ผ่านยังบอกให้เจ้าของบัตรโทรเปิดเงินฉุกเฉิน ...เสียความรู้สึกตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำเลย
5.  อยากจาบอกว่าเสียความรูสึกมาตลอดตั้งแต่ซื้อคอร์ส ตอนแรกเดินมาบอกว่ามีบัตรเครดิตไม จาให้gift voucherทดลองบำรุงผิวหน้าฟรี หลังจากนั้นก็ให้เราเช็คสภาพหน้าก่อน เราถามไปก่อนว่านานไม เพราะแฟนรออยู่ เค้าบอกว่าไม่นาน เราเลยโอเค พอเช็คสร็จก็จามีอีกคนมาอธิบายว่าผลเป็นยังงี้ๆนะ แล้วก็จาเริ่มขายคอร์สให้เรา โดยส่วนตัวเราเป็นคนมีสิว ไปหาหมอตามคลีนิคตลอด คนพูดอธิบายอย่างดี บอกว่าตามคลีนิคที่ไปหาเค้าเลี้ยงไข้ เอารูปคนที่ไปรักษากะเค้ามาให้ดู โน่นนี่นั่น ถามเค้าว่าเสียเงิน30,000 แล้วตอนไปทำต้องเสียค่าอะไรอีกไม เค้าก็บอกว่าไม่มี คุยกานพักใหญ่ (แล้วบอกว่าไม่นาน) จนเราโอเค ตอบตกลง เอาบัตรไปรูด30,000 แล้วมาบอกเราว่าสักประมาณ 3 วันให้โทรไปทำเรื่องผ่อน 10 เดือนกะทางบัครเครดิต จาเสียเดือนละประมาน 3,000ก่า (มีดอกด้วย) เสียความรู้สึกมากค่ะ เราเป็นคนไม่ยอมเสียดอกเบี้ยค่าบัครเครดิตเลยตั้งแต่ใช้บัตรเครดิตมา จาใช้ซื้อของแล้วจ่ายตรงเวลาทุกครั้ง เครียดมาตลอดตั้งแต่ซื้อคอร์สนี้ สุดท้ายตัดสินใจจ่ายเต๊มค่ะ ก้อนเดียว30,000 ไม่ยอมเสียดอกเบี้ยค่ะ (ต้องเอาเงินโบนัสทั้งก้อนมาจ่าย T-T ) ยังไม่จบนะคะ หลังจากรูดเสร็จ มีพนักงานอีกคนเดินมาให้ซื้อเพิ่ม จ่ายอีก12,000 ได้วงเงินเพิ่มเป็น 110,000 จากเดิมวงเงินท่าไร จำไม่ได้ ตอนแรกจาไม่เอา  ตื้อค่ะ แล้วก้อมารุมด้วยนะคะ  สุดท้ายรำคาญ แล้วก็คิดว่าไปหาหมอคลีนิคตลอด รวมๆก็เสียเยอะเหมือนกาน ถ้าที่นี่ดีก้อโอเค สรุปวันนั้นเสียไป42,000 กะวงเงิน110,000
             มาใช้บริการจริง งั้นๆค่ะ ไม่เห็นมีไรดีขึ้นเลย เหมือนจาขึ้นเยอะก่าเดิมด้วยซ้ำ ก่อนจาเริ่มคอร์ส หน้าเราเริ่มดีขึ้นมากแล้ว (ช่วงนั้นไม่ได้หาหมอคลีนิคแล้ว อาศัยว่าล้างหน้าให้สะอาด) แต่พอมาทำ สิวเยอะขึ้น แล้วก็ขึ้นไม่หยุดเลย ยุบยากด้วย ทำได้แค่2-3ครั้ง วงเงินยังเหลืออีกเพียบ มาขายคอร์สที่เป็นเข็มให้อีก refreshอะไรสักอย่าง เหมือนเดินค่ะ ตื้อ เราบอกเอาไว้ก่อน เป็นคนกลัวเข็ม ก็มาประมานว่าลองดูก่อนไม สักเข็มก้อได้ ถ้าไม่ไหว วงเงินทีเหลือเอาไปรวมกะคอร์สปัจจุบันก็ได้ คือไม่รู้จาพูดยังไงดีค่ะ คอร์สที่มีอยู่ยางใช้ไม่หมดเลย หน้าที่ไปทำก็ไม่ใช่ว่าจาเห็นผลนะคะ ยังมีหน้ามาขายอีกอ่ะ

           ****จากที่ได้เข้าไปอ่านรีวิวปัญหาที่เกิดขึ้น ดิฉันจึงคิดว่า  เราต้องมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเองในฐานะผู้บริโภคซะแล้ว  ดิฉันก็ศึกษาหาข้อมูล อ่านสัญญาที่ได้รับมา   ผ่านเหตุการณ์ครั้งนั้นมาประมาณ 2 เดือนกว่าๆ  ต้องรับภาระชำระบัตรเครดิต เดือนละ 1,800 บาท เป็น เวลา 10 เดือน  ชำระ มาแล้ว 2 งวด ดิฉันจึงติดต่อเซลล์ที่ขาย เพื่อขอยกเลิกสัญญาและขอเงินคืน  และพนักงานขายได้ปฏิเสธ  
      " ทำไมจะคืนละคะ  พี่ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรกับน้องทั้งที่น้องยังไม่ได้ใช้บริการพี่ รู้ได้อย่างไรคะว่าไม่ยุติธรรมผู้บริโภค พี่ผิดอะไรเหรอคะ "


           ****เมื่อได้รับการปฏิเสธ ดิฉันจึงติดต่อกับทางธนาคารผู้ออกบัตรเครดิต เพื่อขอระงับ การตัดจ่ายวงเงินบัตรเครดิตให้กับ Lxxxx Clinic เนื่องจากสัญญาไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค   ทาง KTC  ก็ได้ให้แบบฟอร์มการปฏิเสธรายการเรียกเก็บเงิน  และรอการการประสานงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 45  วัน
           **** ต่อจากนั้น ดิฉันก็ได้ยื่นคำร้องเรียนกับ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค  ผ่านช่องทางร้องเรียนออนไลน์  โดยอัพโหลดเอกสารที่ได้รับจากทางสถานบริการ  ใบเสร็จค่าใช้จ่ายของ KTC    เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.58 ที่ผ่านมา   และ ตอนนี้ก็ได้รับหนังสือแจ้งจาก สคบ. นัดวันไปไกล่เกลี่ยปัญหา ระหว่างดิฉันผู้บริโภค และ Lxxxx Clinic ผู้ให้บริการ   เดี๋ยววันที่ 28 ส.ค.นี้จะมาอัพเดทข้อมูลให้ทุกคนได้รับทราบอีกทีนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่