คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
กรณีแบบนี้ ตำรวจมา หรืออาสาฯ มา ก็เหมือนกันครับ
เรียนแจ้งก่อนนะครับ ในระบบเรื่องของคดี จะมีแค่ ร้อยเวรจราจรเท่านั้นที่จะตัดสินอะไรได้
อาสาฯ ก็คือผู้ช่วยเหลือให้ ร้อยเวร ที่มีคนเดียวนี่แหละ ต่อหนึ่งท้องที่ ทำการทุกอย่างแทน หน้าที่คืออะไรหรือครับ
1. บันทึกที่เกิดเหตุ
2. ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
3. เคลื่อนย้ายคนเจ็บ
4. รักษาสภาพศพ รักษาสภาพที่เกิดเหตุ
5. เคลื่อนย้ายพาหนะคู่กรณีไปสน.
6. ส่งศพไปนิติเวช
อาสาฯ มีเยอะกว่าตร. ครับ และประจำจุด ส่วนร้อยเวร หากมีเหตุ ก็จะต้องออกมาจากสน. มาบันทึกที่เกิตเหตุ
ถ้ามีเหตุสองที่ ก็ต้องรอร้อยเวรเสร็จจากอีกที่หนึ่งไปก่อน
นับจริงๆ กำลังตำรวจจราจรในพื้นที่ต่อเวร มีกันประมาณ สิบนาย สน. ใหญ่ๆ หน่อย ก็ 30 นาย
อาสาฯ มีเป็นร้อย กระจาย และเข้าถึงได้เร็วกว่าตร. มากนัก
อาสาฯ เอง ก็แบ่งเป็นหลายส่วน
ส่วนแรก เป็นแบบเคลื่อนที่เร็ว ส่วนมากใช้สองล้อ มีกระเป๋าพยาบาลเล็กๆ หรือขนาดกลางติดตัว
ถึงที่เกิดเหตุได้เร็ว ทำการได้ไม่มาก ห้ามเลือด พลาสเตอร์ อำนวยจราจร ป้องกันไทยมุงปลดทรัพย์
ส่วนที่สอง รถกระบะอาสาฯ อันนี้ถือเป็นภาคสมทบ ทำได้มากขึ้นคือ จะมีอุปกรณ์เปล เคลื่อนย้ายคนเจ็บได้
ส่วนที่สาม รถกู้ชีพ พวกนี้จะขึ้นกับโรงพยาบาลบ้าง ขีดความสามารถในการกู้ชีวิตมีเยอะกว่า รถมี Option ครบกว่า สามารถให้ยา หรือทำการรักษาชีพคนเจ็บและนำส่งรพ. ได้
ส่วนสุดท้าย รถเขต อันนี้หลังๆ ลดบทบาทลง ส่วนมากมาในแบบการปิด Case เช่น รอส่งศพให้ร้อยเวร ทำการบันทึกลายนิ้วมือผู้ตาย สนนิติเวช อะไรประมาณนี้
แล้วทีนี้ ถามว่า ตำรวจ อยู่ไหน
นึกนะครับ ถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เจ้าหน้าที่เหล่านั้น จะถูกนำไปใช้อำนวยจราจร ไประงับการกระทำผิด จากการที่เราขับรถไม่มีวินัยกันนั่นแหละ
ไปอยู่ตามแยกไฟแดง ไปยืนโบก ไปทางม้าลายหน้าโรงเรียน คอยห้ามรถไม่ให้ไปวิ่งชนบุตรหลาน
ถ้าทุกคนช่วยกันแล้ว เขาเหล่านั้น ก็ไม่ต้องไปยืนโบกให้เสียแรง ทถุกคนมีวินัย หยุดรถทางม้าลาย ไม่หยุดจอดขวางทางหน้าซอย ไม่ผ่าไฟแดง ไม่กลับรถในที่ห้าม กำลังที่ต้องใช้ตรงนั้น มันก็ไม่จำเป็น เอาไปทำอย่างอื่นได้
หลังชั่วโมงเร่งด่วน ก็บอกตรงๆ ว่า ส่วนใหญ่จะพัก เพื่อเตรียมเข้าชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเย็น กำลังพลเหล่านี้ ออกจากบ้านตีสี่ตีห้ามาทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็สองสามทุ่มนะครับ
นี่คือเหตุที่ต้องมีอาสาฯ เข้ามาช่วย ถามว่า ช่วยแล้วได้อะไร
ก็ไม่ได้อะไรหรอก ได้แค่ความสบายใจครับ ได้เห็นอะไรๆ และได้ช่วยคนที่เดือดร้อนแล้วก็รู้สึกดี
น้ำมันรถก็เสีย แต่ก็ดีกว่าเอาไปกินเหล้า เติมน้ำมันเองแล้วทำให้บางคนที่เจ็บ ได้ถึงรพ. เร็วขึ้น จากตายเป็นไม่ตาย
คิดแค่นั้นก็สบายใจแล้วครับ
เรียนแจ้งก่อนนะครับ ในระบบเรื่องของคดี จะมีแค่ ร้อยเวรจราจรเท่านั้นที่จะตัดสินอะไรได้
อาสาฯ ก็คือผู้ช่วยเหลือให้ ร้อยเวร ที่มีคนเดียวนี่แหละ ต่อหนึ่งท้องที่ ทำการทุกอย่างแทน หน้าที่คืออะไรหรือครับ
1. บันทึกที่เกิดเหตุ
2. ปฐมพยาบาลเบื้องต้น
3. เคลื่อนย้ายคนเจ็บ
4. รักษาสภาพศพ รักษาสภาพที่เกิดเหตุ
5. เคลื่อนย้ายพาหนะคู่กรณีไปสน.
6. ส่งศพไปนิติเวช
อาสาฯ มีเยอะกว่าตร. ครับ และประจำจุด ส่วนร้อยเวร หากมีเหตุ ก็จะต้องออกมาจากสน. มาบันทึกที่เกิตเหตุ
ถ้ามีเหตุสองที่ ก็ต้องรอร้อยเวรเสร็จจากอีกที่หนึ่งไปก่อน
นับจริงๆ กำลังตำรวจจราจรในพื้นที่ต่อเวร มีกันประมาณ สิบนาย สน. ใหญ่ๆ หน่อย ก็ 30 นาย
อาสาฯ มีเป็นร้อย กระจาย และเข้าถึงได้เร็วกว่าตร. มากนัก
อาสาฯ เอง ก็แบ่งเป็นหลายส่วน
ส่วนแรก เป็นแบบเคลื่อนที่เร็ว ส่วนมากใช้สองล้อ มีกระเป๋าพยาบาลเล็กๆ หรือขนาดกลางติดตัว
ถึงที่เกิดเหตุได้เร็ว ทำการได้ไม่มาก ห้ามเลือด พลาสเตอร์ อำนวยจราจร ป้องกันไทยมุงปลดทรัพย์
ส่วนที่สอง รถกระบะอาสาฯ อันนี้ถือเป็นภาคสมทบ ทำได้มากขึ้นคือ จะมีอุปกรณ์เปล เคลื่อนย้ายคนเจ็บได้
ส่วนที่สาม รถกู้ชีพ พวกนี้จะขึ้นกับโรงพยาบาลบ้าง ขีดความสามารถในการกู้ชีวิตมีเยอะกว่า รถมี Option ครบกว่า สามารถให้ยา หรือทำการรักษาชีพคนเจ็บและนำส่งรพ. ได้
ส่วนสุดท้าย รถเขต อันนี้หลังๆ ลดบทบาทลง ส่วนมากมาในแบบการปิด Case เช่น รอส่งศพให้ร้อยเวร ทำการบันทึกลายนิ้วมือผู้ตาย สนนิติเวช อะไรประมาณนี้
แล้วทีนี้ ถามว่า ตำรวจ อยู่ไหน
นึกนะครับ ถ้าเป็นชั่วโมงเร่งด่วน เจ้าหน้าที่เหล่านั้น จะถูกนำไปใช้อำนวยจราจร ไประงับการกระทำผิด จากการที่เราขับรถไม่มีวินัยกันนั่นแหละ
ไปอยู่ตามแยกไฟแดง ไปยืนโบก ไปทางม้าลายหน้าโรงเรียน คอยห้ามรถไม่ให้ไปวิ่งชนบุตรหลาน
ถ้าทุกคนช่วยกันแล้ว เขาเหล่านั้น ก็ไม่ต้องไปยืนโบกให้เสียแรง ทถุกคนมีวินัย หยุดรถทางม้าลาย ไม่หยุดจอดขวางทางหน้าซอย ไม่ผ่าไฟแดง ไม่กลับรถในที่ห้าม กำลังที่ต้องใช้ตรงนั้น มันก็ไม่จำเป็น เอาไปทำอย่างอื่นได้
หลังชั่วโมงเร่งด่วน ก็บอกตรงๆ ว่า ส่วนใหญ่จะพัก เพื่อเตรียมเข้าชั่วโมงเร่งด่วนในตอนเย็น กำลังพลเหล่านี้ ออกจากบ้านตีสี่ตีห้ามาทำงาน กว่าจะได้กลับบ้านก็สองสามทุ่มนะครับ
นี่คือเหตุที่ต้องมีอาสาฯ เข้ามาช่วย ถามว่า ช่วยแล้วได้อะไร
ก็ไม่ได้อะไรหรอก ได้แค่ความสบายใจครับ ได้เห็นอะไรๆ และได้ช่วยคนที่เดือดร้อนแล้วก็รู้สึกดี
น้ำมันรถก็เสีย แต่ก็ดีกว่าเอาไปกินเหล้า เติมน้ำมันเองแล้วทำให้บางคนที่เจ็บ ได้ถึงรพ. เร็วขึ้น จากตายเป็นไม่ตาย
คิดแค่นั้นก็สบายใจแล้วครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากถามหัวใจของคนที่มาเป็นอาสาสมัคร (พลเมืองดี) ... มาช่วยเหลือคนเจ็บบนท้องถนน ทำเพื่ออะไร?
บริเวณ ตรงข้าม รพ.เทพธารินทร์ ช่วงปากซอย แสงจันทร์(ซอยศาลเจ้า) (พระราม4 มุงหน้า แยกกล้วยน้ำไท เลน 1 และ2)
เห็น รถ จยย. เฉี่ยวชนกับ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล honda city
ชายสูงอายุ (คนขี่) + หญิงสูงอายุ (คนซ้อนขาซ้ายเจ็บ พันผ้า-เจ็บก่อนเกิดอุบัติเหตุ) ล้มลง โชคดีล้อหลังเก๋งเกือบทับหัว (ขวัญเสียมากทั้งคู่)
ผญ.ขับ รถเก๋ง จอด รีบลงมาดู และช่วยเหลือคู่กรณี เท่าที่จะทำได้
รถจยย. หลายคัน จอดปิดเลน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อน
หลายคนพยายามช่วยกันถ่ายรูป+สอบถามอาการคนเจ็บ+กันรถ+โบกรถ + โทรแจ้ง 1669 (ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้)
สักพัก มี วิน มอไซค์ ถือ วิทยุแดง มาส่งข้อมูลแจ้งเหตุกับ ศูนย์วิทยุฯ
ผมขี่รถรีบไปทำธุระแถวเอกมัย กลับมา น่าจะเกือบ 10 นาที ย้อนกลับผ่านทางเดิม เจอรถกู้ภัยฯ มาช่วยลำเลียงคนเจ็บส่ง รพ. (ตามประสงค์คนเจ็บ)
วินมอไซค์อีกคัน รีบช่วยเข็น จยย.คู่กรณี (รถลุงป้า) ไปไว้บนบาทวิถีในบริเวณที่ปลอดภัย
ผมต้องรีบไปทำธุระต่อ .... ช่วงเวลาเกิดเหตุ-ลำเลียงส่ง รพ. น่าจะกินเวลาประมาณ 20-30 นาที
มองไม่เห็น จนท.ตร. อยู่เลย ทั้งๆ ที่เป็นหน่วยงานแรกที่นึกถึง
ผมขอชื่นชม สดุดี และดีใจ ที่สังคมไทย ยังมีคนดีๆ ที่คอยช่วยเหลือกัน ยามพบเห็นผู้อื่นลำบาก
ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน พอเหตุการณ์คลี่คลาย ทุกอย่างจบลง "พลเมืองดี" ก็ทำหน้าที่ของตนต่อไป