
หลังจากที่ห่างหายไปนาน วันนี้กลับมาแล้วครับ ไปเที่ยวบ่อยอยู่แต่ไม่ค่อยมีเวลามาเล่าสู่ฟังครับ
วันนี้เลยถือโอกาสมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางในต่างแดนครับผม
ปลายเดือน พ.ค. 2558 เราได้เริ่มชักชวนกันในกลุ่มเล็กๆ ในวงคนรู้จักกัน ว่าช่วงนี้มีตั๋วราคาถูก
บินลงโอซาก้า ตรงกับวันหยุดด้วย ลาแค่ 2 วัน หว่านล้อมต่างๆ นาๆ สายธรรมะบางคนเราก็
บอกว่าป่ะไปแห่เทียนพรรษาที่วันคินคาคูจิ จนในที่สุดก็มีคนหลวมตัวมาทั้งหมด 9 คน
ทีมเรานั้นมาจากทั่วสารทิศของประเทศไทยครับ ได้แก่
- เชียงราย
- อุบลราชธานี
- ระยอง
- มหาสารคาม
และ ขอนแก่น
เป็นความหลากหลายทางชาติพันธุ์ก็ว่าได้ครับ เมื่อทุกคนตัดสินใจไป เราก็ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินทันทีเลยครับ
ขาไป 28 JULY 2015 XJ610 DMK-KIX เวลา 15.20 – 22.40 น.
ขากลับ 1 AUGUST 2015 XJ611 KIX-DMK เวลา 00.10 – 04.00 น.
ในระหว่างนั้นที่เหลือเวลาไม่มาก เราก็เตรียมตัวเป็นอย่างดีเลยครับ
- เขียนทริป
อันนี้ร่างไปก็จะดีมากครับ อย่างน้อยเราก็มีแนวทางในการเดินทาง แล้วค่อยปรับตามบริบทที่พบเจอ
- หาโรงแรม
โรงแรมก็สำคัญไม่แพ้กัน แนวคิดทีมพวกผมคือ ใกล้สถานีรถไฟ เพื่อสะดวกในการเดินทางครับ
- หา Pass ต่างๆ เพื่อเหมาะสมกับการเดินทาง
พวกผมเลือก KANSAI AREA PASS (JR) 3 วัน และ Kansai Thru Pass 3 วัน มีครบ 2 ใบนี้โดยสารฟรีเกือบทุกอย่าง
โดยไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเลยครับ ยกเว้นชินคังเซ็นไม่รวมนะครับ รถไฟสายโรแมนติกก็ไม่รวม
- จองอาหารบนเครื่อง
อันนี้หลายๆคน ที่โดยสารบนเครื่องจะไม่ค่อยชอบจองอาหาร อยากจะบอกว่า พอเขาเสิร์ฟแล้วกลิ่นมันจะ
หอมรันจวนมาก ระวังกลืนน้ำลายตามไม่ทันนะครับ จองไปล่วงหน้าประหยัดด้วยนะครับ ชุดละประมาณ 150 บาท
- ซื้อน้ำหนักกระเป๋า
อันนี้ก็เหมาะสำหรับคนชอบซื้อของ ควรซื้อไว้เลย 20 kgs ขาละ 700 บาท
- เลือกที่นั่ง
กรุ๊ปเราใหญ่เลยถูกสุ่มให้นั่งหลังสุดเลยได้แถวที่ 50 - 51 แบบว่าสามารถไปรับงานพิเศษ เข็นรถอาหารช่วยแอร์ได้เลย
มีพี่ๆ สองคน ที่ไม่ค่อยชอบเสียงเครื่องยนต์ข้างหลัง ย้ายไปนั่งข้างหน้า โดยเสียค่าเปลี่ยนที่นั่ง คนละ 400 บาท
- ศึกษาเส้นทางเที่ยว
โดยเดิน Google street view อันนี้จะดีมากเลยครับ พอเราไปจอที่จริง เราจะร้องอ๋อ...จะจฃได้จดจำแลนด์มาร์คได้
แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะเลยครับ แม้กระทั่ง ซักซ้อมคำถามที่ ตม. อาจจะถามได้
แล้วที่สำคัญเราก็มี
ประกาศ ฉบับที่ 1 แนวทางการเตรียมตัวเยือนโอซาก้า
1.ออกกำลังกาย เน้นความแข็งแรงของขา เพราะเป็นการเดินทางไกล เน้นการเดินเที่ยวพอสมควร
2.รักษาสุขภาพด้วย ช่วงนี้เขาเน้นการตรวจควบคุมโรคก่อนเข้าประเทศ ถ้ามีไข้ ไม่สบาย อาจจะถูกกักตัวได้
3.โปรดเตรียมยาประจำตัว ที่มีบรรจุภัณฑ์ ฉลากอธิบาย ถ้าเช่นนั้นเวลาศุลกากรตรวจ จะนำเข้าประเทศมิได้
4.สำหรับคนที่ไม่โหลดกระเป๋า กรุณานำสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 kgs ในกระเป๋าจะต้องไม่มีวัตถุมีคม
วัตถุไวไฟ สเปรย์ และ ของเหลวที่มีปริมาตรเกิน 100 ml / 1 บรรจุภัณฑ์ ส่วนของเหลวที่น้อยกว่า 100 ml
นำขึ้นได้รวมกันไม่เกิน 1,000 ml
5.สำหรับสัมภาระที่โหลดได้ท้องเครื่อง โหลดของเหลว ของมีคมได้ตามปกติครับ
6. Power bank ไม่สามารถโหลดใต้ทุกเครื่องได้ทุกกรรณี ต้องถือขึ้นเครื่องเท่านั้น
ในการถือขึ้นเครื่อง ขนาดห้ามเกิน 32,000 mAh
- ขนาดต่ำกว่า 20,000 mAh ได้ไม่เกิน 20 ก้อน
-ขนาด 20,000 - 32,000 mAh ได้ไม่เกิน 2 ก้อน
7. เราจะต้องนอนสนามบิน เพื่อความสะดวกสบาย กรุณาพกหมอนรองคอ ผ้าปิดตา ผ้าห่มผืนเล็กไปด้วยนะครับ
8. ในการเตรียมของ
- เสื้อผ้า ชุดสบายๆ เหมาะกับหน้าร้อน
- ควรมีเสื้อแขนยาวสักตัวไว้กันแดด กันหนาวตอนอยู่บนเครื่อง และ รถไฟ
- อย่าลืมว่าเราเดินเยอะ หารองเท้ารองรับเท้าตนเอง ไม่แน่นไป ไปหลวมไป ใส่คู่เก่าไป ค่อยไปช็อปที่โน่นก็ได้
- ในการจัดกระเป๋า ควรจัดเรียง ของที่ใช้บ่อยๆ ให้หยิบจับง่ายนะครับ
9. ที่ขาดไม่ได้ อย่าลืมพกกระเป๋าเป้สะพายหลัง หรือ สะพายข้างเล็ก ไว้ใส่สำหรับ ใส่ของ ใส่กล้อง ใส่น้ำในการเดินเที่ยวนะครับ
10. หนึ่งห้องนอน ควรพกรางปลั๊กไฟไปด้วยนะครับ เพราะ สองคน ทั้งชาร์ต power bank ชาร์ตกล้อง ชาร์ตมือถือ
เกรงว่ารูปลั๊กในห้องจะไม่พอ ปล.รูปลั๊กในญี่ปุ่นที่สามารถเสียบได้ ค้นหาดูใน google นะครับ
นัดหมาย
ในวันเดินทาง เรานัดหมายกันที่สนามบินดอนเมือง เวลา 11.00 น. พอถึงวันจริง ทุกคนก็มาถึงกันประมาณ 10.00 น.
ก็ขึ้นไปหาอะไรทานก่อนครับ ราคาในสนามบิน ก็พอๆ บนเครื่องเลยครับ บอกเลย สนามบินบ้านเราอาหารแพงมาก
ระหว่างนั้นเราก็ส่งม้าเร็วไปเช็คเวลาที่เคาเตอร์เชคอินเปิด เขาบอกว่า 12.20 น. ก็เปิด เกือบเที่ยงเราก็ไปเข้าแถว
รอเลยครับ คนเริ่มเยอะแล้ว การเช็คอินไม่มีปัญหาอะไครับ
ปล. ถ้าใครเชคอินมาแล้ว เข้าอีกแถวนะครับที่เขียนมา เช็คอินอินแล้ว โหลดกระเป๋า อะไรประมาณนี้ แถวจะสั้นกว่า
เช็คอินใช้เวลานานพอควร จากนั้นก็ไปตรวจคนออกเมือง แล้วก็ไปเข้ารอที่ Gate เดินไปฝั่งซ้ายมือเกือบสุดเลยครับ
ในการรอแต่ละจุดของเราทุกครั้ง เราจะมองหาปลั๊กไฟ แล้วหยิบรางปลั๊กประจำทริปขึ้นมา เสียบไฟแล้วก็พ่วงพร้อมกัน
ได้ถึงคราวละ 10 คนเลยทีเดียว รอแล้วแป๊บเดียว...การเดินทางของพวกเราก็เริ่มขึ้น
ระหว่างการเดินทางก็ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรมากครับ จะขอผ่านไปเลยก็แล้วกัน แต่มีข้อแนะนำว่า บนเครื่องหนาวมาก
ถ้าอยากนอนอุ่นๆ สบายๆ ให้พกผ้าคลุมผืนเล็กมาด้วย ไม่ก็เช่าผ้าหุ่มของสายการบิน ราคา 100 บาท (แพงอยู่นะ)
การเดินทางล่าช้าเป็นชั่วโมงเลยครับ เรามาถึงดึก เกือบเที่ยงคืน ตม. ก็ตาจะปิดแล้ว เลยไม่ได้ซักไซร้อะไรมาก
ถ้าใครแพลนที่จะเดินทางเข้าเมืองต่อ ก็ควรมีแผนสำรองนะครับ ขณะนั้นเวลาหมดแล้ว แต่กลุ่มพวกผม ยินยอมพร้อมใจ
กันที่จะนอนสนามบินกันอยู่แล้ว โดยที่เรากำหนดเป้าหมายไว้ที่ KIX Airport Lounge บริเวณชั้นสอง แถวๆ ลอซ์สัน แมคโดนัล
พวกเราตรงดิ่งไปที่ KIX Airport Lounge ทันที โดยต้องจับทิศทางแป๊บหนึ่งนะครับ ก่อนจะวิ่งตามหา RC พอไปถึง
ปรากฎว่าเต็มครับพี่น้อง เต็มทั้งที่พักและห้องน้ำ แผนสำรองถัดมาของเราก็คือ หาที่ไหนก็ได้ ที่นอนได้
จุดที่เราได้ก็คือ หน้าจุดตรวจขาเข้า ในประเทศครับ พื้นสะอาดสะอ้านดี ไปถึงก็จัดแจงของลงทันที แบ่งกลุ่มเฝ้า
อีกกลุ่มไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ บางคนก็หิว ไปกินข้าว มีร้านเปิด 24 ชม. หรือ ร้านสะดวกซื้อก็ได้นะครับ
แล้วก็มีการพูดคุยถึงเส้นทางในวันถัดไป
เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็กล่าวฝันดี ราตรีสวัสดีกันครับ "โอยาสุมินาไซ"
รุ่งเช้า อากาศสดใส เราพากันตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะเตรียมตัว ตอนแรกเราแพลนว่า มาถึง
จะต้องไปซื้อ KANSAI JR PASS 3 วัน และ Kansai Thru Pass 3 วัน ไว้
แต่เรามาเลท ซื้อไม่ทัน ดังนั้นจึงตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้าคิว
พอตื่นจากภวังค์ในดินแดนอันไม่คุ้นเคย ทุกคนงัวเงือกัน หันหน้าเข้ามุมอันสงบของตน เพื่อจัดองค์ทรงเครื่อง
แต่งหน้าทาปาก โดยเอาเคาเตอร์สนามบินนี่แหละ เป็นโต๊ะเครื่องแป้งไปเลย
ถึงแม้เราไม่ได้อาบน้ำ แต่เราก็ต้องเป๊ะไว้ก่อน
[CR] Osaka Kyoto Kobe on Summer หรรษาหน้าร้อนที่ภูมิภาคคันไซ
หลังจากที่ห่างหายไปนาน วันนี้กลับมาแล้วครับ ไปเที่ยวบ่อยอยู่แต่ไม่ค่อยมีเวลามาเล่าสู่ฟังครับ
วันนี้เลยถือโอกาสมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเดินทางในต่างแดนครับผม
ปลายเดือน พ.ค. 2558 เราได้เริ่มชักชวนกันในกลุ่มเล็กๆ ในวงคนรู้จักกัน ว่าช่วงนี้มีตั๋วราคาถูก
บินลงโอซาก้า ตรงกับวันหยุดด้วย ลาแค่ 2 วัน หว่านล้อมต่างๆ นาๆ สายธรรมะบางคนเราก็
บอกว่าป่ะไปแห่เทียนพรรษาที่วันคินคาคูจิ จนในที่สุดก็มีคนหลวมตัวมาทั้งหมด 9 คน
ทีมเรานั้นมาจากทั่วสารทิศของประเทศไทยครับ ได้แก่
- เชียงราย
- อุบลราชธานี
- ระยอง
- มหาสารคาม
และ ขอนแก่น
เป็นความหลากหลายทางชาติพันธุ์ก็ว่าได้ครับ เมื่อทุกคนตัดสินใจไป เราก็ตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบินทันทีเลยครับ
ขาไป 28 JULY 2015 XJ610 DMK-KIX เวลา 15.20 – 22.40 น.
ขากลับ 1 AUGUST 2015 XJ611 KIX-DMK เวลา 00.10 – 04.00 น.
ในระหว่างนั้นที่เหลือเวลาไม่มาก เราก็เตรียมตัวเป็นอย่างดีเลยครับ
- เขียนทริป
อันนี้ร่างไปก็จะดีมากครับ อย่างน้อยเราก็มีแนวทางในการเดินทาง แล้วค่อยปรับตามบริบทที่พบเจอ
- หาโรงแรม
โรงแรมก็สำคัญไม่แพ้กัน แนวคิดทีมพวกผมคือ ใกล้สถานีรถไฟ เพื่อสะดวกในการเดินทางครับ
- หา Pass ต่างๆ เพื่อเหมาะสมกับการเดินทาง
พวกผมเลือก KANSAI AREA PASS (JR) 3 วัน และ Kansai Thru Pass 3 วัน มีครบ 2 ใบนี้โดยสารฟรีเกือบทุกอย่าง
โดยไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มเลยครับ ยกเว้นชินคังเซ็นไม่รวมนะครับ รถไฟสายโรแมนติกก็ไม่รวม
- จองอาหารบนเครื่อง
อันนี้หลายๆคน ที่โดยสารบนเครื่องจะไม่ค่อยชอบจองอาหาร อยากจะบอกว่า พอเขาเสิร์ฟแล้วกลิ่นมันจะ
หอมรันจวนมาก ระวังกลืนน้ำลายตามไม่ทันนะครับ จองไปล่วงหน้าประหยัดด้วยนะครับ ชุดละประมาณ 150 บาท
- ซื้อน้ำหนักกระเป๋า
อันนี้ก็เหมาะสำหรับคนชอบซื้อของ ควรซื้อไว้เลย 20 kgs ขาละ 700 บาท
- เลือกที่นั่ง
กรุ๊ปเราใหญ่เลยถูกสุ่มให้นั่งหลังสุดเลยได้แถวที่ 50 - 51 แบบว่าสามารถไปรับงานพิเศษ เข็นรถอาหารช่วยแอร์ได้เลย
มีพี่ๆ สองคน ที่ไม่ค่อยชอบเสียงเครื่องยนต์ข้างหลัง ย้ายไปนั่งข้างหน้า โดยเสียค่าเปลี่ยนที่นั่ง คนละ 400 บาท
- ศึกษาเส้นทางเที่ยว
โดยเดิน Google street view อันนี้จะดีมากเลยครับ พอเราไปจอที่จริง เราจะร้องอ๋อ...จะจฃได้จดจำแลนด์มาร์คได้
แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะเลยครับ แม้กระทั่ง ซักซ้อมคำถามที่ ตม. อาจจะถามได้
แล้วที่สำคัญเราก็มี ประกาศ ฉบับที่ 1 แนวทางการเตรียมตัวเยือนโอซาก้า
1.ออกกำลังกาย เน้นความแข็งแรงของขา เพราะเป็นการเดินทางไกล เน้นการเดินเที่ยวพอสมควร
2.รักษาสุขภาพด้วย ช่วงนี้เขาเน้นการตรวจควบคุมโรคก่อนเข้าประเทศ ถ้ามีไข้ ไม่สบาย อาจจะถูกกักตัวได้
3.โปรดเตรียมยาประจำตัว ที่มีบรรจุภัณฑ์ ฉลากอธิบาย ถ้าเช่นนั้นเวลาศุลกากรตรวจ จะนำเข้าประเทศมิได้
4.สำหรับคนที่ไม่โหลดกระเป๋า กรุณานำสัมภาระติดตัวขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 7 kgs ในกระเป๋าจะต้องไม่มีวัตถุมีคม
วัตถุไวไฟ สเปรย์ และ ของเหลวที่มีปริมาตรเกิน 100 ml / 1 บรรจุภัณฑ์ ส่วนของเหลวที่น้อยกว่า 100 ml
นำขึ้นได้รวมกันไม่เกิน 1,000 ml
5.สำหรับสัมภาระที่โหลดได้ท้องเครื่อง โหลดของเหลว ของมีคมได้ตามปกติครับ
6. Power bank ไม่สามารถโหลดใต้ทุกเครื่องได้ทุกกรรณี ต้องถือขึ้นเครื่องเท่านั้น
ในการถือขึ้นเครื่อง ขนาดห้ามเกิน 32,000 mAh
- ขนาดต่ำกว่า 20,000 mAh ได้ไม่เกิน 20 ก้อน
-ขนาด 20,000 - 32,000 mAh ได้ไม่เกิน 2 ก้อน
7. เราจะต้องนอนสนามบิน เพื่อความสะดวกสบาย กรุณาพกหมอนรองคอ ผ้าปิดตา ผ้าห่มผืนเล็กไปด้วยนะครับ
8. ในการเตรียมของ
- เสื้อผ้า ชุดสบายๆ เหมาะกับหน้าร้อน
- ควรมีเสื้อแขนยาวสักตัวไว้กันแดด กันหนาวตอนอยู่บนเครื่อง และ รถไฟ
- อย่าลืมว่าเราเดินเยอะ หารองเท้ารองรับเท้าตนเอง ไม่แน่นไป ไปหลวมไป ใส่คู่เก่าไป ค่อยไปช็อปที่โน่นก็ได้
- ในการจัดกระเป๋า ควรจัดเรียง ของที่ใช้บ่อยๆ ให้หยิบจับง่ายนะครับ
9. ที่ขาดไม่ได้ อย่าลืมพกกระเป๋าเป้สะพายหลัง หรือ สะพายข้างเล็ก ไว้ใส่สำหรับ ใส่ของ ใส่กล้อง ใส่น้ำในการเดินเที่ยวนะครับ
10. หนึ่งห้องนอน ควรพกรางปลั๊กไฟไปด้วยนะครับ เพราะ สองคน ทั้งชาร์ต power bank ชาร์ตกล้อง ชาร์ตมือถือ
เกรงว่ารูปลั๊กในห้องจะไม่พอ ปล.รูปลั๊กในญี่ปุ่นที่สามารถเสียบได้ ค้นหาดูใน google นะครับ
นัดหมาย
ในวันเดินทาง เรานัดหมายกันที่สนามบินดอนเมือง เวลา 11.00 น. พอถึงวันจริง ทุกคนก็มาถึงกันประมาณ 10.00 น.
ก็ขึ้นไปหาอะไรทานก่อนครับ ราคาในสนามบิน ก็พอๆ บนเครื่องเลยครับ บอกเลย สนามบินบ้านเราอาหารแพงมาก
ระหว่างนั้นเราก็ส่งม้าเร็วไปเช็คเวลาที่เคาเตอร์เชคอินเปิด เขาบอกว่า 12.20 น. ก็เปิด เกือบเที่ยงเราก็ไปเข้าแถว
รอเลยครับ คนเริ่มเยอะแล้ว การเช็คอินไม่มีปัญหาอะไครับ
ปล. ถ้าใครเชคอินมาแล้ว เข้าอีกแถวนะครับที่เขียนมา เช็คอินอินแล้ว โหลดกระเป๋า อะไรประมาณนี้ แถวจะสั้นกว่า
เช็คอินใช้เวลานานพอควร จากนั้นก็ไปตรวจคนออกเมือง แล้วก็ไปเข้ารอที่ Gate เดินไปฝั่งซ้ายมือเกือบสุดเลยครับ
ในการรอแต่ละจุดของเราทุกครั้ง เราจะมองหาปลั๊กไฟ แล้วหยิบรางปลั๊กประจำทริปขึ้นมา เสียบไฟแล้วก็พ่วงพร้อมกัน
ได้ถึงคราวละ 10 คนเลยทีเดียว รอแล้วแป๊บเดียว...การเดินทางของพวกเราก็เริ่มขึ้น
ระหว่างการเดินทางก็ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรมากครับ จะขอผ่านไปเลยก็แล้วกัน แต่มีข้อแนะนำว่า บนเครื่องหนาวมาก
ถ้าอยากนอนอุ่นๆ สบายๆ ให้พกผ้าคลุมผืนเล็กมาด้วย ไม่ก็เช่าผ้าหุ่มของสายการบิน ราคา 100 บาท (แพงอยู่นะ)
การเดินทางล่าช้าเป็นชั่วโมงเลยครับ เรามาถึงดึก เกือบเที่ยงคืน ตม. ก็ตาจะปิดแล้ว เลยไม่ได้ซักไซร้อะไรมาก
ถ้าใครแพลนที่จะเดินทางเข้าเมืองต่อ ก็ควรมีแผนสำรองนะครับ ขณะนั้นเวลาหมดแล้ว แต่กลุ่มพวกผม ยินยอมพร้อมใจ
กันที่จะนอนสนามบินกันอยู่แล้ว โดยที่เรากำหนดเป้าหมายไว้ที่ KIX Airport Lounge บริเวณชั้นสอง แถวๆ ลอซ์สัน แมคโดนัล
พวกเราตรงดิ่งไปที่ KIX Airport Lounge ทันที โดยต้องจับทิศทางแป๊บหนึ่งนะครับ ก่อนจะวิ่งตามหา RC พอไปถึง
ปรากฎว่าเต็มครับพี่น้อง เต็มทั้งที่พักและห้องน้ำ แผนสำรองถัดมาของเราก็คือ หาที่ไหนก็ได้ ที่นอนได้
จุดที่เราได้ก็คือ หน้าจุดตรวจขาเข้า ในประเทศครับ พื้นสะอาดสะอ้านดี ไปถึงก็จัดแจงของลงทันที แบ่งกลุ่มเฝ้า
อีกกลุ่มไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ บางคนก็หิว ไปกินข้าว มีร้านเปิด 24 ชม. หรือ ร้านสะดวกซื้อก็ได้นะครับ
แล้วก็มีการพูดคุยถึงเส้นทางในวันถัดไป
เมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็กล่าวฝันดี ราตรีสวัสดีกันครับ "โอยาสุมินาไซ"
รุ่งเช้า อากาศสดใส เราพากันตื่นตั้งแต่ตีสี่ เพราะเตรียมตัว ตอนแรกเราแพลนว่า มาถึง
จะต้องไปซื้อ KANSAI JR PASS 3 วัน และ Kansai Thru Pass 3 วัน ไว้
แต่เรามาเลท ซื้อไม่ทัน ดังนั้นจึงตื่นแต่เช้าเพื่อไปเข้าคิว
พอตื่นจากภวังค์ในดินแดนอันไม่คุ้นเคย ทุกคนงัวเงือกัน หันหน้าเข้ามุมอันสงบของตน เพื่อจัดองค์ทรงเครื่อง
แต่งหน้าทาปาก โดยเอาเคาเตอร์สนามบินนี่แหละ เป็นโต๊ะเครื่องแป้งไปเลย
ถึงแม้เราไม่ได้อาบน้ำ แต่เราก็ต้องเป๊ะไว้ก่อน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น