---ใครที่ใจไม่เปิดกว้าง และยึดมั่นในแนวคิดเป็นของตนเอง กรุณาข้ามกระทู้นี้ไปนะครับ ผมไม่ได้ขอร้องให้พวกคุณมาอ่าน---

มิยาซากิเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง พ่อของเขาเป็นผู้บริหารบริษัททำเครื่องบินที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แม่ของเขาล้มป่วยและชีวิตจากโรควัณโรคลุกลามไปที่กระดูกสันหลัง ซึ่งหากพูดไปวัณโรคก็สามารถรักษาให้หายได้ เพียงแต่ในช่วงนั้นญี่ปุ่นผ่ายแพ้สงคราม บ้านเมืองประสบกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส นั่นยังไม่รวมถึงระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ การพยาบาลในช่วงเวลานั้นคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก หรือพูดให้ง่าย ถ้าไม่มีสงคราม แม่ของเขาก็คงไม่จบชีวิตด้วยความทุกข์ทรมาน และความทรงจำในวัยเด็กของเขาก็คงไม่น่าเศร้าสลดอย่างที่มันเป็น
My Neighbor Totoro สำหรับเราแล้วมันซุกซ่อนความหมายไว้อย่างแยบยล การ์ตูนของจิบลิมักปูเรื่องด้วยการให้ตัวละครหลักย้ายบ้านจากสังคมเมืองมาสู่ชนบท นั่นสะท้อนถึงความรู้สึกต้องการหวนคืนสู่ธรรมชาติของสังคมพัฒนาของญี่ปุ่น (ภายหลังสงครามโลก) บ้านที่ครอบครัว สัตซึเกะ เมย์และพ่อของพวกเธอ ย้ายมาอยู่ก็มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก เปรียบได้กับประเทศญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามวัฒนธรรมต่างชาตินั่นรวมไปถึงชาติตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาทดแทนธรรมชาติดั้งเดิมของพวกเขา ตัวเขม่าดำในบ้านก็ดูเหมือนจะสื่อถึงเขม่าดินปืนในสงคราม

พ่อของหญิงสาวทั้งคู่ทำงานเป็นอาจารย์มหาลัยในเมือง เขามีชีวิตที่วุ่นวาย ทำงานวิจัย ซึ่งเราเข้าใจว่าก็คงเป็นไปเพื่อเร่งพัฒนาชาติ หรืออีกนัยหนึ่งพ่อในเรื่องก็สะท้อนถึงพ่อของมิยาซากิ เขามุ่งประดิษฐ์คิดค้นเครื่องบินในช่วงสงคราม พ่อของทั้งคู่จึงแทนไปถึงพ่อของสังคมญี่ปุ่นที่ไม่มีเวลาให้ลูกหรือภรรยา มุ่งสร้างฐานะ กอบกู้ศักดิ์ศรีที่เสียไปจากสงคราม
แม่ของหญิงสาวอย่างไม่ต้องอธิบายอะไรมาก มิยาซากิออกแบบตัวละครให้คล้ายคลึงกับแม่ของตนเอง เธอล้มป่วยแม้ในเรื่องจะไมได้บอกสาเหตุที่มาที่ไป ชีวิตของเธอที่เหลืออยู่บนเตียง นั่นจึงหมายความว่าเด็กทั้งสองต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง หลายครั้งที่พ่อของเธอต้องเอาลุกไปฝากให้ยายแก่แถวบ้านเลี้ยง ซึ่งยายแก่เราว่ามันก็สื่อถึงรากเหง้าหรือวัฒนธรรมดั้งเดิมได้ดี

หลังจากที่เราดูหนังจบ เราก็มีโอกาสได้ไปหาข้อมูล พบว่ามีคนตีความเรื่องราวที่ปรากฏในเรื่องไปตรงกับคดีฆาตกรรมที่เมืองซายาม่า เนื้อหาตรงนั้นหาอ่านได้ทั่วไป และก็มีข่าวลือว่า ทางจิบลิก็ออกมาปฏิเสธว่าหนังไม่ได้มีเจตนาจะสื่อไปถึงเรื่องราวอันน่าโศกเศร้าดังกล่าว ถึงแม้จะเรียกได้ว่าหลักฐานหลายอย่างในหนังจะชวนให้คิดอย่างอดไม่ได้ อย่างกล่องในช่วงที่ครอบครัวย้ายบ้านก็มีชื่อเมืองซายาม่าแปะอยู่ ตอนจบเมย์นั่งอยู่กับรูปปั้น Ojizou-san ซึ่งเป็นรูปปั้นตัวแทนเทวดาที่ดูแลเด็กๆ มักพบอยู่ข้างทางบริเวณที่เคยมีเด็กเสียชีวิต หรือจะเป็นการที่มีเพียงเด็กน้อยสองคนและแม่ของเธอเห็นโทโทโร่ นั่นก็อาจสื่อไปว่าโทโทโร่เองที่เรามองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งป่าหรือธรรมชาติ อาจกลายเป็นซาตานหรือยมทูตที่จะมีเพียงผู้ที่ใกล้ความตายหรือตายไปแล้วเห็นได้เท่านั้น
ในส่วนที่เด็กทั้งสองสร้างเรื่องราวว่าได้พบโทโทโร่นั่นก็ไปคล้ายกับโอฟีเลียใน Pan's Labyrinth (2006) แต่เรื่องหลังก็ชี้ชัดเจนว่าเด็กถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยว เธอปฏิเสธของความจริงที่โหดร้าย แล้วหันไปสร้างโลกจินตนาการที่ทุกอย่างสวยงาม ? ใน My Neighbor Totoro ก็เป็นไปได้ว่าเด็กสาวทั้งสองคนรู้สึกโดดเดี่ยวและพยายามสร้างเรื่องราวมาเพื่อเรียกร้องความรักจากพ่อ และเลวร้ายที่สุดเมื่อเมย์ทราบว่าอาการของแม่เธอทรุดหนักลง เธอรู้สึกอ้างว้างมากขึ้นเพราะลำพังพ่อของเธอก็ไม่สนใจเธอ การที่เธอเสียแม่ไป นั่นก็อาจเรียกได้ว่าขาดที่ยึดเหนี่ยวในชีวิต เราก็ไม่รู้ว่าเมย์วิ่งหนีพี่สาวเธอไปนั้น และหายตัวไปเธอฆ่าตัวตายหรือบังเอิญตกลงไปในสระน้ำ เมื่อพี่สาวของเธอหลังทราบว่าเมย์จมน้ำ (ตรงนี้เราคิดว่ารองเท้าคู่นั้นน่าจะเป็นของเมย์แต่เธอรับไมได้) เธอตามหาโทโทโร่ เพื่อจะได้พบน้องอีกครั้ง การเด็กทั้งสองได้ธรรมชาติและศาสนาเป็นที่พึ่ง (ฉากที่ฝนตก พี่น้องคู่นี้ก็ได้ศาลของ Ojizou-san เป็นที่หลบฝน) ณ ตรงนี้ก็สื่อถึงแนวคิดการหวนหาธรรมชาติในสังคมโมเดิร์นของญี่ปุ่น เด็กทั้งคู่ก็แทนถึงคลื่นลูกใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่แนวคิดของคนรุ่นเก่า (พ่อของเธอ) ที่สนใจแต่การสร้างความเจริญให้กับประเทศ
ท้ายที่สุด ไม่ว่า My Neighbor Totoro จะถูกตีความไปในแง่ใด ตอนจบแม่และเด็กตาย หรือจบอย่างสงบสุขในแบบที่กลุ่มคนดูส่วนใหญ่เห็นอย่างนั้น การ์ตูนเรื่องนี้ก็ถือว่าไปไกลกว่าการ์ตูนที่กำเนิดมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ส่วนมากมักจมอยู่กับเนื้อหาซ้ำซาก อย่างมิตรภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ หรือความรัก ในขณะที่ My Neighbor Totoro กลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงกระเพื่อมแห่งจิตวิญญาณของโพสโมเดิร์นเช่นเดียวหนัง Live-Action ฝั่งยุโรปของมีเกลันเจโล อันโตนีโอนี ที่อย่างน้อยที่สุด นอกจากตัวละครถูกออกแบบให้มีหน้าตาน่ารัก และเนื้อเรื่องที่ชวนฝัน หนังเรื่องนี้ยังได้แตะต้องประเด็นที่การ์ตูนเรื่องอื่นไปไม่ถึง นั่นคือกระตุ้นให้เหล่าคนดูได้ฉุกคิดถึงผลร้ายของสงคราม ความสำคัญของธรรมชาติและศาสนา ในช่วงเวลาที่จำนวนต้นไม้ก็ลดน้อยลงไปและจิตใจของคนญี่ปุ่นก็ขาดแหล่งยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ

ในมุมมองของเรา My Neighbor Totoro เป็นการสะท้อนถึงความทรงจำที่แม้จะเกิดในช่วงสงครามของมิยาซากิ แต่เขาเลือกจะถ่ายทอดออกมาให้เหตุการณ์เกิดช่วงหลังสงคราม อนึ่งก็เพื่อวิพากย์สังคมในช่วงนั้น และในขณะเดียวกันหนังเองก็เป็นเสมือนแหล่งระบายความทุกข์โศกจากความทรงจำที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งมิยาซากิก็เหมือนกับหญิงสาวสองคน เขาวาดการ์ตูน ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะได้หลุดจากโลกของความจริงที่น่าหดหู่ใบนี้
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยนะครับ
https://www.facebook.com/survival.king
Tempy Movies Review รีวิวหนัง: My Neighbor Totoro {Hayao Miyazaki} [Japan], 1988
มิยาซากิเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่ง พ่อของเขาเป็นผู้บริหารบริษัททำเครื่องบินที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แม่ของเขาล้มป่วยและชีวิตจากโรควัณโรคลุกลามไปที่กระดูกสันหลัง ซึ่งหากพูดไปวัณโรคก็สามารถรักษาให้หายได้ เพียงแต่ในช่วงนั้นญี่ปุ่นผ่ายแพ้สงคราม บ้านเมืองประสบกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส นั่นยังไม่รวมถึงระเบิดที่ฮิโรชิม่าและนางาซากิ การพยาบาลในช่วงเวลานั้นคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก หรือพูดให้ง่าย ถ้าไม่มีสงคราม แม่ของเขาก็คงไม่จบชีวิตด้วยความทุกข์ทรมาน และความทรงจำในวัยเด็กของเขาก็คงไม่น่าเศร้าสลดอย่างที่มันเป็น
My Neighbor Totoro สำหรับเราแล้วมันซุกซ่อนความหมายไว้อย่างแยบยล การ์ตูนของจิบลิมักปูเรื่องด้วยการให้ตัวละครหลักย้ายบ้านจากสังคมเมืองมาสู่ชนบท นั่นสะท้อนถึงความรู้สึกต้องการหวนคืนสู่ธรรมชาติของสังคมพัฒนาของญี่ปุ่น (ภายหลังสงครามโลก) บ้านที่ครอบครัว สัตซึเกะ เมย์และพ่อของพวกเธอ ย้ายมาอยู่ก็มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและตะวันตก เปรียบได้กับประเทศญี่ปุ่นในช่วงหลังสงครามวัฒนธรรมต่างชาตินั่นรวมไปถึงชาติตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาทดแทนธรรมชาติดั้งเดิมของพวกเขา ตัวเขม่าดำในบ้านก็ดูเหมือนจะสื่อถึงเขม่าดินปืนในสงคราม
พ่อของหญิงสาวทั้งคู่ทำงานเป็นอาจารย์มหาลัยในเมือง เขามีชีวิตที่วุ่นวาย ทำงานวิจัย ซึ่งเราเข้าใจว่าก็คงเป็นไปเพื่อเร่งพัฒนาชาติ หรืออีกนัยหนึ่งพ่อในเรื่องก็สะท้อนถึงพ่อของมิยาซากิ เขามุ่งประดิษฐ์คิดค้นเครื่องบินในช่วงสงคราม พ่อของทั้งคู่จึงแทนไปถึงพ่อของสังคมญี่ปุ่นที่ไม่มีเวลาให้ลูกหรือภรรยา มุ่งสร้างฐานะ กอบกู้ศักดิ์ศรีที่เสียไปจากสงคราม
แม่ของหญิงสาวอย่างไม่ต้องอธิบายอะไรมาก มิยาซากิออกแบบตัวละครให้คล้ายคลึงกับแม่ของตนเอง เธอล้มป่วยแม้ในเรื่องจะไมได้บอกสาเหตุที่มาที่ไป ชีวิตของเธอที่เหลืออยู่บนเตียง นั่นจึงหมายความว่าเด็กทั้งสองต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง หลายครั้งที่พ่อของเธอต้องเอาลุกไปฝากให้ยายแก่แถวบ้านเลี้ยง ซึ่งยายแก่เราว่ามันก็สื่อถึงรากเหง้าหรือวัฒนธรรมดั้งเดิมได้ดี
หลังจากที่เราดูหนังจบ เราก็มีโอกาสได้ไปหาข้อมูล พบว่ามีคนตีความเรื่องราวที่ปรากฏในเรื่องไปตรงกับคดีฆาตกรรมที่เมืองซายาม่า เนื้อหาตรงนั้นหาอ่านได้ทั่วไป และก็มีข่าวลือว่า ทางจิบลิก็ออกมาปฏิเสธว่าหนังไม่ได้มีเจตนาจะสื่อไปถึงเรื่องราวอันน่าโศกเศร้าดังกล่าว ถึงแม้จะเรียกได้ว่าหลักฐานหลายอย่างในหนังจะชวนให้คิดอย่างอดไม่ได้ อย่างกล่องในช่วงที่ครอบครัวย้ายบ้านก็มีชื่อเมืองซายาม่าแปะอยู่ ตอนจบเมย์นั่งอยู่กับรูปปั้น Ojizou-san ซึ่งเป็นรูปปั้นตัวแทนเทวดาที่ดูแลเด็กๆ มักพบอยู่ข้างทางบริเวณที่เคยมีเด็กเสียชีวิต หรือจะเป็นการที่มีเพียงเด็กน้อยสองคนและแม่ของเธอเห็นโทโทโร่ นั่นก็อาจสื่อไปว่าโทโทโร่เองที่เรามองว่าเป็นเทพเจ้าแห่งป่าหรือธรรมชาติ อาจกลายเป็นซาตานหรือยมทูตที่จะมีเพียงผู้ที่ใกล้ความตายหรือตายไปแล้วเห็นได้เท่านั้น
ในส่วนที่เด็กทั้งสองสร้างเรื่องราวว่าได้พบโทโทโร่นั่นก็ไปคล้ายกับโอฟีเลียใน Pan's Labyrinth (2006) แต่เรื่องหลังก็ชี้ชัดเจนว่าเด็กถูกทิ้งให้อยู่โดดเดี่ยว เธอปฏิเสธของความจริงที่โหดร้าย แล้วหันไปสร้างโลกจินตนาการที่ทุกอย่างสวยงาม ? ใน My Neighbor Totoro ก็เป็นไปได้ว่าเด็กสาวทั้งสองคนรู้สึกโดดเดี่ยวและพยายามสร้างเรื่องราวมาเพื่อเรียกร้องความรักจากพ่อ และเลวร้ายที่สุดเมื่อเมย์ทราบว่าอาการของแม่เธอทรุดหนักลง เธอรู้สึกอ้างว้างมากขึ้นเพราะลำพังพ่อของเธอก็ไม่สนใจเธอ การที่เธอเสียแม่ไป นั่นก็อาจเรียกได้ว่าขาดที่ยึดเหนี่ยวในชีวิต เราก็ไม่รู้ว่าเมย์วิ่งหนีพี่สาวเธอไปนั้น และหายตัวไปเธอฆ่าตัวตายหรือบังเอิญตกลงไปในสระน้ำ เมื่อพี่สาวของเธอหลังทราบว่าเมย์จมน้ำ (ตรงนี้เราคิดว่ารองเท้าคู่นั้นน่าจะเป็นของเมย์แต่เธอรับไมได้) เธอตามหาโทโทโร่ เพื่อจะได้พบน้องอีกครั้ง การเด็กทั้งสองได้ธรรมชาติและศาสนาเป็นที่พึ่ง (ฉากที่ฝนตก พี่น้องคู่นี้ก็ได้ศาลของ Ojizou-san เป็นที่หลบฝน) ณ ตรงนี้ก็สื่อถึงแนวคิดการหวนหาธรรมชาติในสังคมโมเดิร์นของญี่ปุ่น เด็กทั้งคู่ก็แทนถึงคลื่นลูกใหม่ที่กำลังเข้ามาแทนที่แนวคิดของคนรุ่นเก่า (พ่อของเธอ) ที่สนใจแต่การสร้างความเจริญให้กับประเทศ
ท้ายที่สุด ไม่ว่า My Neighbor Totoro จะถูกตีความไปในแง่ใด ตอนจบแม่และเด็กตาย หรือจบอย่างสงบสุขในแบบที่กลุ่มคนดูส่วนใหญ่เห็นอย่างนั้น การ์ตูนเรื่องนี้ก็ถือว่าไปไกลกว่าการ์ตูนที่กำเนิดมาในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ที่ส่วนมากมักจมอยู่กับเนื้อหาซ้ำซาก อย่างมิตรภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ หรือความรัก ในขณะที่ My Neighbor Totoro กลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงกระเพื่อมแห่งจิตวิญญาณของโพสโมเดิร์นเช่นเดียวหนัง Live-Action ฝั่งยุโรปของมีเกลันเจโล อันโตนีโอนี ที่อย่างน้อยที่สุด นอกจากตัวละครถูกออกแบบให้มีหน้าตาน่ารัก และเนื้อเรื่องที่ชวนฝัน หนังเรื่องนี้ยังได้แตะต้องประเด็นที่การ์ตูนเรื่องอื่นไปไม่ถึง นั่นคือกระตุ้นให้เหล่าคนดูได้ฉุกคิดถึงผลร้ายของสงคราม ความสำคัญของธรรมชาติและศาสนา ในช่วงเวลาที่จำนวนต้นไม้ก็ลดน้อยลงไปและจิตใจของคนญี่ปุ่นก็ขาดแหล่งยึดเหนี่ยวทางจิตวิญญาณ
ในมุมมองของเรา My Neighbor Totoro เป็นการสะท้อนถึงความทรงจำที่แม้จะเกิดในช่วงสงครามของมิยาซากิ แต่เขาเลือกจะถ่ายทอดออกมาให้เหตุการณ์เกิดช่วงหลังสงคราม อนึ่งก็เพื่อวิพากย์สังคมในช่วงนั้น และในขณะเดียวกันหนังเองก็เป็นเสมือนแหล่งระบายความทุกข์โศกจากความทรงจำที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งมิยาซากิก็เหมือนกับหญิงสาวสองคน เขาวาดการ์ตูน ส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะได้หลุดจากโลกของความจริงที่น่าหดหู่ใบนี้
ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์ทางเฟสได้เลยนะครับ https://www.facebook.com/survival.king