สวัสดีค่า กระทู้นี้จะเป็นการรีวิวทริปเซี่ยงไฮ้ที่เราได้มีโอกาสไปในฐานะตัวแทนเยาวชนของกรุงเทพมหานคร โดยเราจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นตอนๆ ตั้งแต่การเตรียมตัวสอบข้อเขียน เตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ และสิ่งที่เราได้ทำในแต่ละวันของทริปค่ะ
สมัครร่วมโครงการ- โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนเมืองพี่เมืองน้อง มีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือกองการต่างประเทศ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร มีหลายประเทศให้เลือก โดยแต่ละที่ก็มีspecific requirement อย่างเซี่ยงไฮ้ ในใบสมัครระบุไว้ว่าต้องเป็นผ็ใช้ภาษาอังกฤษในระดับดีมาก จขกท.เห็นว่าคำ(ขู่)นี้น่ากลัว คนน่าจะสมัครน้อย โอกาสได้เยอะกว่า เลยตัดสินใจสมัครโครงการนี้ค่ะ อีกเหตุผลที่เลือกเซี่ยงไฮ้ก็เพราะเป็นค่ายนานาชาติ คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำความรู้จักเพื่อนจากหลายๆประเทศ
สอบข้อเขียน- ที่รร.วัดราชาธิวาส ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อาจใกล้ช่วงเทศกาลสอบปลายภาคของหลายๆคน เราก็เช่นกัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาสอบ และผลก็ออกมาคุ้มค่ามากค่ะ คะแนนปลายภาคเราก็โอเค เพราะงั้นแบ่งเวลาดีๆค่ะ การสอบทั้งหมด 2 วิชา คือ ภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไป ภาษาอังกฤษเป็นข้อกาทั้งหมด 50 ข้อ แอบได้ยินพี่ที่คุมสอบกระซิบว่าเป็นแนวข้อสอบTU-GET ก็ลองหาข้อสอบมาซ้อมมือดู ส่วนวิชาความรู้ทั่วไปนี่กว้างมาก อ่านยังไงก็ไม่น่าจะตรง ทุกคนก็ทำไม่ได้เท่าๆกัน เพราะฉะนั้นใครจะผ่านหรือไม่ผ่านข้อเขียน ตัดกันที่ภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เราจะบอกแนวข้อสอบปีเราคร่าวๆนะคะ ความรู้ทั่วไปแบ่งออกเป็น4ตอน ได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกรุงเทพฯ(เช่น ใครไม่เคยเป็นผู้ว่าฯกทม.มั่ง, ต้นไม้ประจำกรุงเทพฯ, เขตในกรุงเทพฯ) ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศไทย ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับชาติตะวันออก(เช่น ตัวอักษรเกาหลีเรียกว่าอะไร, ใครในตัวเลือกขัอใดที่เป็นคนญี่ปุ่นที่ได้รับยศเจ้าพระยาในสมัยอยุธยา, ประธานาธิบดีคนใดของเกาหลีที่ปกครองแบบสังคมนิยมแต่ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า) และสุดท้ายคือ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาเซียน(**ออกเยอะมากกก แนะนำให้ไปหาpocketbook มาอ่าน)
สอบสัมภาษณ์- ปีเรามีคนผ่าน 8 คน เอา 5 คน โดยแบ่งการสอบออกเป็นสองรอบ แต่ละรอบมีกรรมการประมาณ 3-5คน รอบแรกเป็นการทดสอบความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ กรรมการจะเอาใบสมัครเรามาและถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขียนในนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนรอบที่สอง ถามเป็นภาษาไทย ทดสอบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทดสอบว่าจะอยู่ได้ไหมหากได้ไปจริงๆ ตอนนี้แหละที่เราจะได้แสดงความสามารถทางศิลปวัฒนธรรมไทย(ซึ่งไม่มีก็ได้ แต่คิดไปหน่อยก็ดีว่าจะทำอะไรหากต้องแสดงโชว์แนะนำประเทศไทย) เราแอบไปสืบมาพบว่าทางกรุงเทพฯต้องการคน"ปกติ" ไม่อีโก้สูงเกิ้น ไม่ติ่งเกิ้น เฟรนด์ลี่มนุษยสัมพันธ์ดี และถ้าผ่านรอบสัมภาษณ์ จะมีการเรียกรวมเยาวชนตัวแทนแต่ละประเทศเพื่อปฐมนิเทศน์ แนะนำการปฏิบัติตัว brainstormและซักซ้อมเกี่ยวกับโชว์ที่จะไปแสดงในพิธิปิด
การเตรียมตัวก่อนไป- ซื้อของฝากให้host familyและเพื่อนที่อาจจะเจอในค่าย
**คำเตือน อากาศร้อนมาก ควรนำกางเกงขาสั้นติดไปด้วย, อยากซื้อของฝากราคาถูก อย่าซื้อตามสถานที่ท่องเที่ยวและให้make friendกับคนจีนไว้ จะได้ช่วยต่อราคาได้ อิอิ
***ที่เซี่ยงไฮ้ใช้ Facebook, Line, Instagram, Twitter, Googleไม่ได้เน้อ แนะนำให้ใช้ wechat,viberแทน
แพ็คกระเป๋าไปเซี่ยงไฮ้กับโครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนเมืองพี่เมืองน้อง
สมัครร่วมโครงการ- โครงการแลกเปลี่ยนเยาวชนเมืองพี่เมืองน้อง มีหน่วยงานที่รับผิดชอบคือกองการต่างประเทศ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร มีหลายประเทศให้เลือก โดยแต่ละที่ก็มีspecific requirement อย่างเซี่ยงไฮ้ ในใบสมัครระบุไว้ว่าต้องเป็นผ็ใช้ภาษาอังกฤษในระดับดีมาก จขกท.เห็นว่าคำ(ขู่)นี้น่ากลัว คนน่าจะสมัครน้อย โอกาสได้เยอะกว่า เลยตัดสินใจสมัครโครงการนี้ค่ะ อีกเหตุผลที่เลือกเซี่ยงไฮ้ก็เพราะเป็นค่ายนานาชาติ คิดว่าน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการทำความรู้จักเพื่อนจากหลายๆประเทศ
สอบข้อเขียน- ที่รร.วัดราชาธิวาส ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ อาจใกล้ช่วงเทศกาลสอบปลายภาคของหลายๆคน เราก็เช่นกัน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจมาสอบ และผลก็ออกมาคุ้มค่ามากค่ะ คะแนนปลายภาคเราก็โอเค เพราะงั้นแบ่งเวลาดีๆค่ะ การสอบทั้งหมด 2 วิชา คือ ภาษาอังกฤษและความรู้ทั่วไป ภาษาอังกฤษเป็นข้อกาทั้งหมด 50 ข้อ แอบได้ยินพี่ที่คุมสอบกระซิบว่าเป็นแนวข้อสอบTU-GET ก็ลองหาข้อสอบมาซ้อมมือดู ส่วนวิชาความรู้ทั่วไปนี่กว้างมาก อ่านยังไงก็ไม่น่าจะตรง ทุกคนก็ทำไม่ได้เท่าๆกัน เพราะฉะนั้นใครจะผ่านหรือไม่ผ่านข้อเขียน ตัดกันที่ภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เราจะบอกแนวข้อสอบปีเราคร่าวๆนะคะ ความรู้ทั่วไปแบ่งออกเป็น4ตอน ได้แก่ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกรุงเทพฯ(เช่น ใครไม่เคยเป็นผู้ว่าฯกทม.มั่ง, ต้นไม้ประจำกรุงเทพฯ, เขตในกรุงเทพฯ) ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศไทย ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับชาติตะวันออก(เช่น ตัวอักษรเกาหลีเรียกว่าอะไร, ใครในตัวเลือกขัอใดที่เป็นคนญี่ปุ่นที่ได้รับยศเจ้าพระยาในสมัยอยุธยา, ประธานาธิบดีคนใดของเกาหลีที่ปกครองแบบสังคมนิยมแต่ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า) และสุดท้ายคือ ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาเซียน(**ออกเยอะมากกก แนะนำให้ไปหาpocketbook มาอ่าน)
สอบสัมภาษณ์- ปีเรามีคนผ่าน 8 คน เอา 5 คน โดยแบ่งการสอบออกเป็นสองรอบ แต่ละรอบมีกรรมการประมาณ 3-5คน รอบแรกเป็นการทดสอบความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ กรรมการจะเอาใบสมัครเรามาและถามเกี่ยวกับเรื่องที่เขียนในนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนรอบที่สอง ถามเป็นภาษาไทย ทดสอบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทดสอบว่าจะอยู่ได้ไหมหากได้ไปจริงๆ ตอนนี้แหละที่เราจะได้แสดงความสามารถทางศิลปวัฒนธรรมไทย(ซึ่งไม่มีก็ได้ แต่คิดไปหน่อยก็ดีว่าจะทำอะไรหากต้องแสดงโชว์แนะนำประเทศไทย) เราแอบไปสืบมาพบว่าทางกรุงเทพฯต้องการคน"ปกติ" ไม่อีโก้สูงเกิ้น ไม่ติ่งเกิ้น เฟรนด์ลี่มนุษยสัมพันธ์ดี และถ้าผ่านรอบสัมภาษณ์ จะมีการเรียกรวมเยาวชนตัวแทนแต่ละประเทศเพื่อปฐมนิเทศน์ แนะนำการปฏิบัติตัว brainstormและซักซ้อมเกี่ยวกับโชว์ที่จะไปแสดงในพิธิปิด
การเตรียมตัวก่อนไป- ซื้อของฝากให้host familyและเพื่อนที่อาจจะเจอในค่าย
**คำเตือน อากาศร้อนมาก ควรนำกางเกงขาสั้นติดไปด้วย, อยากซื้อของฝากราคาถูก อย่าซื้อตามสถานที่ท่องเที่ยวและให้make friendกับคนจีนไว้ จะได้ช่วยต่อราคาได้ อิอิ
***ที่เซี่ยงไฮ้ใช้ Facebook, Line, Instagram, Twitter, Googleไม่ได้เน้อ แนะนำให้ใช้ wechat,viberแทน