ตอนที่ 2 อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้า.....
ผมจะมา เล่าต่อถึง ความคืบหน้าหลังจากวันที่ 28 กรกฎาคม สืบเนื่องจากตอนที่ 1.. ผมได้รับการแจ้งจากศูนย์อีกครั้งว่าสามารถไปรับเครื่องที่ส่งซ่อมได้แล้ว และผมก็ได้คุยกับช่างที่ศูนย์โดยตรง ข้อมูลที่ได้คือ 1. ช่างได้ทดสอบดูหลังจากวันที่ 28 โดยเปลี่ยนซิมใหม่หลายค่าย พบว่าอาการไม่มีอะไรผิดปกติสามารถเล่นได้ แต่เนื่องจากความเชื่อว่า software ที่ update เป็น Lollipop 5.1.1 นั้นน่าจะไม่เสถียร และอาจจะมีความไม่สมบูรณ์ ดังนั้นช่างจึงแจ้งว่า การ update ไปแล้วไม่สามารถ downgrade ลงมาได้ จึงเปลี่ยน mainboard ให้ใหม่ (แกะเครื่องแล้วเปลี่ยนอีกเป็นรอบที่สอง???) แล้วลง software ให้เป็น Lollipop ตัวที่ออกมาจากโรงงานคือ 5.0.0 ซึ่งช่างได้แจ้งให้รับทราบว่าควรจะใช้ตัวนี้ไปก่อน และช่างได้ลองทดสอบเครื่องแล้วสามสี่วัน ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ จึงน่าจะใช้ได้ดี ดังนั้น ผมจึงได้ไปรับเครื่อง วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 เวลาประมาณ 11 น. แล้วก็คิดว่าปัญหาอาจจะจบได้ ซึ่งก็เสียความรู้สึกเล็ก ๆ ว่าจะต้องใช้ ระบบปฏิบัติการเก่าไปโดยไม่สามารถ upgrade ได้ตอนนี้ และยังไมรู้ว่าจะต้องใช้ไปอีกนานเท่าไหร่ และเครื่องของเราก็ถูกชำแหละเปลี่ยน mainboard มาแล้วสองรอบ แต่ก็โอเคดีกว่าไม่มีเครื่องใช้ และเมื่อรับเครื่องมาแล้วผมก็เสียบซิมเข้าไปด้วยใจระทึก...(ในระหว่างสี่วัน ที่ช่างเอาเครื่องไปซ่อม ผมก็เอาซิมของผมไปใส่ในโทรศัพท์รุ่นโบราณที่ผมเก็บเอาไว้เพราะมันทำอะไรไม่ได้นอกจากโทร และใช้ซิมนี้มาตลอดไม่เคยมีปัญหาสัญญาณผิดปกติเลยแม้แต่ครั้งเดียว) เมื่อออกจากศูนย์ ผมยังได้ย้ำกับทางศูนย์อีกครั้งว่าหากเกิดปัญหาเดิมอีกจะทำอย่างไร เพราะมันสยองไม่หาย เขาบอกว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอีก แต่ถ้ามีอีกก็ให้กลับมาอีก ...!!! โอ้พระเจ้า ชีวิตนี้ต้องผูกติดกับศูนย์ Samsung ไปอีกกีรอบเนี่ย... ผมก็จัดการทดสอบเครื่องไม่ว่าทุกระบบจะทำได้ เช่นเดียวกับคราวแรก .....OMG!! นรกมีจริง เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ผมนั่งกินข้าวอยู่ที่มาบุญครองไม่กล้ากลับบ้าน ทดสอบมือถือแถว ๆ นั้นนั่นแหละ ฉับพลัน หน้าจอเดิมกลับมาอีกแล้ว ...”ไม่ได้ลงทะเบียนเครือข่าย ... โทรเข้าออกไม่ได้!!!!! ผมรีบเดินกลับไป ที่ศูนย์อีกทันที วันที่ 31 กรกฎาคมนั่นแหละครับ หน้าตาของช่างที่มารับเครื่อง ผู้จัดการศูนย์หรือไม่รู้ใครต่อใคร บอกอาการเซ็งความประพฤติทันที คำตอบที่ได้รับคือ จำเป็นต้องทิ้งเครื่องไว้อีกรอบ ผมจึงแจ้งกับศูนย์ว่า ผมจะไม่กลับมารับเครื่องห่วยแตกเครื่องนี้กลับอีกแล้ว ในใจของผมตอนนั้นปรี๊ดแตก....นี่มัน SAMSUNG S 6 นะครับ ไม่ใช่ของราคาบาทสองบาท เป็นมือถือที่ใคร ๆ ก็ถูกกล่อมว่าเป็นมือถือ android ระดับเรือธงของค่ายนี้แล้ว ดีที่สุดในตลาดชั่วโมงนี้ แล้วหากมันมีปัญหาจุกจิกแบบนี้ ทางบริษัทควรต้องรับความรู้สึกของลูกค้าด้วยว่าเขาต้องใช้งานมือถือทุกวัน ไม่ใช่จะมาเดินเข้าเดินออกศูนย์บริการที่ไม่สามารถซ่อมได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า มันต้องเปลี่ยนเครื่องไปเลยไม่ใช่รอส่งไปส่งมา ส่งเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบอีกไม่รู้จบ ทางศูนย์แจ้งว่าเขาทำได้ดีที่สุดคือ เขาจะส่งให้บริษัทวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม นี้แล้วขอให้เราก็ รอ รอ รอ ... จนกว่าคำตอบจะมา
เรามารอดูกันอีกในตอนที่ 3 ว่าเรื่องนี้จะจบแบบไหน จะเป็นโศกนาฏกรรมหรือ happy ending…
แต่ถึงชั่วโมงนี้ผมก็ยังคงยืนยันในคำพูดคำเดิมสำหรับมือถือ SAMSUNG S6 ครับ
อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้าคุณ..ไม่มีเวลาเดินเอาเครื่องเข้าศูนย์และรับเครื่องได้ทุกวัน (จนเจ้าหน้าที่ศูนย์ซ่อมจำหน้าคุณได้)
อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้าคุณ...มีดวงไม่ดีพอ เพราะคุณอาจจะได้เครื่องห่วยที่ซ่อมแล้วซ่อมอีกก็ยังไม่หาย
อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้าคุณ... มีทางเลือกที่ดีกว่านี้และฉลาดกว่านี้
แล้วเรามาติดตามตอนต่อไปกันว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ 3
ตอนที่ 2 อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้า.................
ผมจะมา เล่าต่อถึง ความคืบหน้าหลังจากวันที่ 28 กรกฎาคม สืบเนื่องจากตอนที่ 1.. ผมได้รับการแจ้งจากศูนย์อีกครั้งว่าสามารถไปรับเครื่องที่ส่งซ่อมได้แล้ว และผมก็ได้คุยกับช่างที่ศูนย์โดยตรง ข้อมูลที่ได้คือ 1. ช่างได้ทดสอบดูหลังจากวันที่ 28 โดยเปลี่ยนซิมใหม่หลายค่าย พบว่าอาการไม่มีอะไรผิดปกติสามารถเล่นได้ แต่เนื่องจากความเชื่อว่า software ที่ update เป็น Lollipop 5.1.1 นั้นน่าจะไม่เสถียร และอาจจะมีความไม่สมบูรณ์ ดังนั้นช่างจึงแจ้งว่า การ update ไปแล้วไม่สามารถ downgrade ลงมาได้ จึงเปลี่ยน mainboard ให้ใหม่ (แกะเครื่องแล้วเปลี่ยนอีกเป็นรอบที่สอง???) แล้วลง software ให้เป็น Lollipop ตัวที่ออกมาจากโรงงานคือ 5.0.0 ซึ่งช่างได้แจ้งให้รับทราบว่าควรจะใช้ตัวนี้ไปก่อน และช่างได้ลองทดสอบเครื่องแล้วสามสี่วัน ไม่มีอาการอะไรผิดปกติ จึงน่าจะใช้ได้ดี ดังนั้น ผมจึงได้ไปรับเครื่อง วันที่ 31 กรกฎาคม 2558 เวลาประมาณ 11 น. แล้วก็คิดว่าปัญหาอาจจะจบได้ ซึ่งก็เสียความรู้สึกเล็ก ๆ ว่าจะต้องใช้ ระบบปฏิบัติการเก่าไปโดยไม่สามารถ upgrade ได้ตอนนี้ และยังไมรู้ว่าจะต้องใช้ไปอีกนานเท่าไหร่ และเครื่องของเราก็ถูกชำแหละเปลี่ยน mainboard มาแล้วสองรอบ แต่ก็โอเคดีกว่าไม่มีเครื่องใช้ และเมื่อรับเครื่องมาแล้วผมก็เสียบซิมเข้าไปด้วยใจระทึก...(ในระหว่างสี่วัน ที่ช่างเอาเครื่องไปซ่อม ผมก็เอาซิมของผมไปใส่ในโทรศัพท์รุ่นโบราณที่ผมเก็บเอาไว้เพราะมันทำอะไรไม่ได้นอกจากโทร และใช้ซิมนี้มาตลอดไม่เคยมีปัญหาสัญญาณผิดปกติเลยแม้แต่ครั้งเดียว) เมื่อออกจากศูนย์ ผมยังได้ย้ำกับทางศูนย์อีกครั้งว่าหากเกิดปัญหาเดิมอีกจะทำอย่างไร เพราะมันสยองไม่หาย เขาบอกว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอีก แต่ถ้ามีอีกก็ให้กลับมาอีก ...!!! โอ้พระเจ้า ชีวิตนี้ต้องผูกติดกับศูนย์ Samsung ไปอีกกีรอบเนี่ย... ผมก็จัดการทดสอบเครื่องไม่ว่าทุกระบบจะทำได้ เช่นเดียวกับคราวแรก .....OMG!! นรกมีจริง เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ผมนั่งกินข้าวอยู่ที่มาบุญครองไม่กล้ากลับบ้าน ทดสอบมือถือแถว ๆ นั้นนั่นแหละ ฉับพลัน หน้าจอเดิมกลับมาอีกแล้ว ...”ไม่ได้ลงทะเบียนเครือข่าย ... โทรเข้าออกไม่ได้!!!!! ผมรีบเดินกลับไป ที่ศูนย์อีกทันที วันที่ 31 กรกฎาคมนั่นแหละครับ หน้าตาของช่างที่มารับเครื่อง ผู้จัดการศูนย์หรือไม่รู้ใครต่อใคร บอกอาการเซ็งความประพฤติทันที คำตอบที่ได้รับคือ จำเป็นต้องทิ้งเครื่องไว้อีกรอบ ผมจึงแจ้งกับศูนย์ว่า ผมจะไม่กลับมารับเครื่องห่วยแตกเครื่องนี้กลับอีกแล้ว ในใจของผมตอนนั้นปรี๊ดแตก....นี่มัน SAMSUNG S 6 นะครับ ไม่ใช่ของราคาบาทสองบาท เป็นมือถือที่ใคร ๆ ก็ถูกกล่อมว่าเป็นมือถือ android ระดับเรือธงของค่ายนี้แล้ว ดีที่สุดในตลาดชั่วโมงนี้ แล้วหากมันมีปัญหาจุกจิกแบบนี้ ทางบริษัทควรต้องรับความรู้สึกของลูกค้าด้วยว่าเขาต้องใช้งานมือถือทุกวัน ไม่ใช่จะมาเดินเข้าเดินออกศูนย์บริการที่ไม่สามารถซ่อมได้ ครั้งแล้วครั้งเล่า มันต้องเปลี่ยนเครื่องไปเลยไม่ใช่รอส่งไปส่งมา ส่งเข้าศูนย์เพื่อตรวจสอบอีกไม่รู้จบ ทางศูนย์แจ้งว่าเขาทำได้ดีที่สุดคือ เขาจะส่งให้บริษัทวันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม นี้แล้วขอให้เราก็ รอ รอ รอ ... จนกว่าคำตอบจะมา
เรามารอดูกันอีกในตอนที่ 3 ว่าเรื่องนี้จะจบแบบไหน จะเป็นโศกนาฏกรรมหรือ happy ending…
แต่ถึงชั่วโมงนี้ผมก็ยังคงยืนยันในคำพูดคำเดิมสำหรับมือถือ SAMSUNG S6 ครับ
อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้าคุณ..ไม่มีเวลาเดินเอาเครื่องเข้าศูนย์และรับเครื่องได้ทุกวัน (จนเจ้าหน้าที่ศูนย์ซ่อมจำหน้าคุณได้)
อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้าคุณ...มีดวงไม่ดีพอ เพราะคุณอาจจะได้เครื่องห่วยที่ซ่อมแล้วซ่อมอีกก็ยังไม่หาย
อย่าซื้อ SAMSUNG GALAXY S6 ถ้าคุณ... มีทางเลือกที่ดีกว่านี้และฉลาดกว่านี้
แล้วเรามาติดตามตอนต่อไปกันว่าสุดท้ายจะเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ 3