เพราะการจะมีอะไรแบบ Conflict Kitchen มันต้องใจกว้างสุดๆครับ
เนื่องจากเราต้อง "เปิดใจ"
ในการยอมรับ "ความต่าง" ของคนอื่น
ไม่ว่าจะด้านวัฒนธรรม , อาหารการกิน หรือ แนวคิดทางการเมือง ...!!!!!
Conflict Kitchen เกิดขึ้นที่อเมริกา
ดินแดนที่ (ว่ากันว่า) เสรีสุดๆในด้านการแสดงออก
และ เปิดกว้างให้กับ "ความเห็นที่แตกต่าง" ของทุกผู้คน
มันคือรัานอาหาร
ที่ขายอาหารจากประเทศที่เป็น "คู่กรณี" ของไอ้กันครับ
ไม่ว่าจะเป็น คิวบา , ปาเลสไตน์ , อัฟกานิสถาน , อิหร่าน , เกาหลีเหนือ , เวเนซูเอล่า ฯลฯ
ล้วนแล้วแต่มีเมนูให้ได้ลองชิมทั้งนั้น......
ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีเมนู "อาหารไทย" หรือเปล่า
เพราะเห็นพี่ไทยฮึ่มๆจะเป็นอริกับพวกอเมริกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน (ฮา....)
Concept ที่ทำให้เกิด Conflict Kitchen นั้น
เพราะเขามองว่าแม้คนเราจะเห็นต่าง คิดต่าง และ เชื่อต่างกัน
แต่เราสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีอารยะด้วยการ "เรียนรู้" กันและกัน
ซึ่งการเรียนรู้กันที่ง่ายที่สุดก็คงไม่พ้นวัฒนธรรมด้านอาหารการกินนั่นเอง
แหมมมมมมมมมม....
คนเราพอข้าวตกถึงท้องแล้วมันก็คุยกันง่ายขึ้น.....ว่างั้นเหอะ
http://conflictkitchen.org
ดังนั้นมันจึงไม่แปลก
ที่ร้านอาหารนี้จะนิยามตัวเองง่ายๆว่า
พวกเขาคือร้านที่ "serves cuisine from countries with which the United States is in conflict."
แต่ "นัยยะแฝง" ของมัน
คือการ "เปิดพื้นที่" ให้กับผู้คน
เพื่อที่จะได้มาเจอกัน และ พูดจาถกเถียงแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกัน
การได้พูดคุยกับคนที่ทั้งคิดเหมือนกัน และ คิดต่าง
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรนั้น สิ่งหนึ่งที่เราจะได้แน่ๆก็คือการ "เปิดมุมมองใหม่" ครับ
ขอเพียงแค่เราใจกว้างที่จะฟังในสิ่งที่เขาพูด
บรรยากาศของร้านก็ไม่ได้หรูหราอะไรเลย
แต่มันมี mood ที่สามารถยั่วล้อให้คอการเมืองได้แลกเปลี่ยนกัน
ขนาดกระดาษห่ออาหารมันยังพิมพ์เรื่องราวของคิวบาลงไปเพื่อให้คนอเมริกันได้เรียนรู้เลย
สาวคิวบัน
เรื่องแบบนี้อาจจะยากมาก
ที่จะเกิดขึ้นในประเทศเราครับ
เพราะมันต้องยอมรับว่าคนเอเชียส่วนใหญ่ไม่เปิดใจเหมือนพวกตะวันตก
เราไม่คุ้นชินกับการแลกเปลี่ยนถกเถียงกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วด้วยซ้ำไป...!!!
ของไทยเราที่ใกล้เคียง Conflict Kitchen มากที่สุด
จ่าว่าน่าจะเป็นร้านในแนวร้านกาแฟที่อยู่ตามชนบทต่างๆ
ซึ่งเป็นที่ๆ "คนถิ่น" จะมานั่งกินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องต่างๆ
แต่นั่นมันก็คือในยุคสมัยที่การเมืองยังไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเหมือนทุกวันนี้
ขืนมีแบบ Conflict Kitchen
ก็คงได้วุ่นวายขายปลาช่อนแน่ๆ
เพราะขนาดไม่มีเรายังได้ยินข่าวพี่-น้อง , เพื่อนฝูง
ต้องมาต่อยตีกันหัวร้างข้างแตกเพราะ "การเมือง" อยู่บ่อยๆเลย
แค่เถียงกันผ่านโลกไซเบอร์
ในเรื่องของ ประชาธิปไตย-เผด็จการ
หรือ เถียงกันในเรื่องของ เสียงส่วนใหญ่-เสียงส่วนน้อย
แค่นี้ก็แทบจะฟาดปากกันแบบ "ไทยไฟ้ท์" ให้บัวขาวมันอายอยู่แล้ว
ขืนเจอแบบตัวเป็นๆคงดูไม่จืดแน่ๆ
ด้วยความที่แนวคิดของ Conflict Kitchen มัน "ฮิป"
มันก็เลยเจอลูกหมั่นใส้จากนักเลงโตที่ไม่รู้ไปเหม็นหน้าอะไรเข้า
เลยทำให้ครั้งหนึ่ง Conflict Kitchen ต้องประกาศปิดตัวลงชั่วคราว
เพราะเจอลูก "ขู่" ทางจดหมายจากคนที่น่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนพวกอิสราเอล
http://www.post-gazette.com/life/dining/2014/11/08/Conflict-Kitchen-closes-indefinitely-after-death-threat/stories/201411080153
เรื่องของเรื่องคือ
Conflict Kitchen ดันมีเมนูของปาเลสไตน์
และ เสิร์ฟอาหารปาเลสไตน์พร้อมกับ "บทสัมภาษณ์" คนปาเลสติเนี่ยน
เลยทำให้ร้านอาหารนี้โดนขู่เอาชีวิต
เพราะไอ้คนขู่มันมั่นใจว่าร้านนี้ "เป็นปฏิปักษ์ต่ออิสราเอล" !!!
สาวเชื้อสายยิว
Conflict Kitchen บอกว่า
"ไอ้ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ห่ะเหวอะไรกับใครเลย
ไอแค่อยากให้สังคมเรามีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆกัน
การสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ผู้คนคิด และ ตั้งคำถามออกมานั้น
มันก็ไม่ต่างอะไรเลยซักนิดกับการจัดงานเสวนาทางวิชาการดีๆขึ้นมาในสังคม"
เออออ.....จริงของมันว่ะ (อันนี้จ่าพูดเอง)
แถม Conflict Kitchen มันยังยืนยันด้วยว่า
"การปิดกั้นพื้นที่ทางความคิด , การไม่ยอมรับในความแตกต่าง ,
การไม่เคารพในกติกา และ สิ่งที่คนอื่นเป็นต่างหากที่เป็นความใจแคบ และ ขี้ขลาด"
แหมมมม...
จ่าว่าถ้ามาพูดแบบนี้ในเมืองไทย
สงสัยไอ้พวก Conflict Kitchen โดนเรียกไปเที่ยวที่หอประชุม ทบ.แน่ๆครัฟฟฟฟฟ.....55555......
แต่ที่แน่ๆ
การเกิดขึ้น และ คงอยู่ของ Conflict Kitchen นั้น
มันคือการพิสูจน์ว่าโลกเราอยู่ได้ก็เพราะความเห็นที่แตกต่าง !!!!
ขอบคุณพี่ผุยแห่งห้องย่อยบีเทิ่ลส์ ที่สละล็อคอินมาให้จ่าลุยต่อครับ
จ่าพิเชษฐ์
@@@@@----------.....เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.... ถ้ า เ มื อ ง ไ ท ย มี แ บ บ นี้ ค ง ตี กั น ต า ย แ น่ ๆ ว่ะ -------@@@@@
เนื่องจากเราต้อง "เปิดใจ"
ในการยอมรับ "ความต่าง" ของคนอื่น
ไม่ว่าจะด้านวัฒนธรรม , อาหารการกิน หรือ แนวคิดทางการเมือง ...!!!!!
Conflict Kitchen เกิดขึ้นที่อเมริกา
ดินแดนที่ (ว่ากันว่า) เสรีสุดๆในด้านการแสดงออก
และ เปิดกว้างให้กับ "ความเห็นที่แตกต่าง" ของทุกผู้คน
มันคือรัานอาหาร
ที่ขายอาหารจากประเทศที่เป็น "คู่กรณี" ของไอ้กันครับ
ไม่ว่าจะเป็น คิวบา , ปาเลสไตน์ , อัฟกานิสถาน , อิหร่าน , เกาหลีเหนือ , เวเนซูเอล่า ฯลฯ
ล้วนแล้วแต่มีเมนูให้ได้ลองชิมทั้งนั้น......
ไม่รู้ว่าในอนาคตข้างหน้าจะมีเมนู "อาหารไทย" หรือเปล่า
เพราะเห็นพี่ไทยฮึ่มๆจะเป็นอริกับพวกอเมริกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน (ฮา....)
Concept ที่ทำให้เกิด Conflict Kitchen นั้น
เพราะเขามองว่าแม้คนเราจะเห็นต่าง คิดต่าง และ เชื่อต่างกัน
แต่เราสามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีอารยะด้วยการ "เรียนรู้" กันและกัน
ซึ่งการเรียนรู้กันที่ง่ายที่สุดก็คงไม่พ้นวัฒนธรรมด้านอาหารการกินนั่นเอง
แหมมมมมมมมมม....
คนเราพอข้าวตกถึงท้องแล้วมันก็คุยกันง่ายขึ้น.....ว่างั้นเหอะ
http://conflictkitchen.org
ดังนั้นมันจึงไม่แปลก
ที่ร้านอาหารนี้จะนิยามตัวเองง่ายๆว่า
พวกเขาคือร้านที่ "serves cuisine from countries with which the United States is in conflict."
แต่ "นัยยะแฝง" ของมัน
คือการ "เปิดพื้นที่" ให้กับผู้คน
เพื่อที่จะได้มาเจอกัน และ พูดจาถกเถียงแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกัน
การได้พูดคุยกับคนที่ทั้งคิดเหมือนกัน และ คิดต่าง
ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรนั้น สิ่งหนึ่งที่เราจะได้แน่ๆก็คือการ "เปิดมุมมองใหม่" ครับ
ขอเพียงแค่เราใจกว้างที่จะฟังในสิ่งที่เขาพูด
บรรยากาศของร้านก็ไม่ได้หรูหราอะไรเลย
แต่มันมี mood ที่สามารถยั่วล้อให้คอการเมืองได้แลกเปลี่ยนกัน
ขนาดกระดาษห่ออาหารมันยังพิมพ์เรื่องราวของคิวบาลงไปเพื่อให้คนอเมริกันได้เรียนรู้เลย
สาวคิวบัน
เรื่องแบบนี้อาจจะยากมาก
ที่จะเกิดขึ้นในประเทศเราครับ
เพราะมันต้องยอมรับว่าคนเอเชียส่วนใหญ่ไม่เปิดใจเหมือนพวกตะวันตก
เราไม่คุ้นชินกับการแลกเปลี่ยนถกเถียงกันมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วด้วยซ้ำไป...!!!
ของไทยเราที่ใกล้เคียง Conflict Kitchen มากที่สุด
จ่าว่าน่าจะเป็นร้านในแนวร้านกาแฟที่อยู่ตามชนบทต่างๆ
ซึ่งเป็นที่ๆ "คนถิ่น" จะมานั่งกินกาแฟ อ่านหนังสือพิมพ์ พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องต่างๆ
แต่นั่นมันก็คือในยุคสมัยที่การเมืองยังไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเหมือนทุกวันนี้
ขืนมีแบบ Conflict Kitchen
ก็คงได้วุ่นวายขายปลาช่อนแน่ๆ
เพราะขนาดไม่มีเรายังได้ยินข่าวพี่-น้อง , เพื่อนฝูง
ต้องมาต่อยตีกันหัวร้างข้างแตกเพราะ "การเมือง" อยู่บ่อยๆเลย
แค่เถียงกันผ่านโลกไซเบอร์
ในเรื่องของ ประชาธิปไตย-เผด็จการ
หรือ เถียงกันในเรื่องของ เสียงส่วนใหญ่-เสียงส่วนน้อย
แค่นี้ก็แทบจะฟาดปากกันแบบ "ไทยไฟ้ท์" ให้บัวขาวมันอายอยู่แล้ว
ขืนเจอแบบตัวเป็นๆคงดูไม่จืดแน่ๆ
ด้วยความที่แนวคิดของ Conflict Kitchen มัน "ฮิป"
มันก็เลยเจอลูกหมั่นใส้จากนักเลงโตที่ไม่รู้ไปเหม็นหน้าอะไรเข้า
เลยทำให้ครั้งหนึ่ง Conflict Kitchen ต้องประกาศปิดตัวลงชั่วคราว
เพราะเจอลูก "ขู่" ทางจดหมายจากคนที่น่าจะเป็นฝ่ายสนับสนุนพวกอิสราเอล
http://www.post-gazette.com/life/dining/2014/11/08/Conflict-Kitchen-closes-indefinitely-after-death-threat/stories/201411080153
เรื่องของเรื่องคือ
Conflict Kitchen ดันมีเมนูของปาเลสไตน์
และ เสิร์ฟอาหารปาเลสไตน์พร้อมกับ "บทสัมภาษณ์" คนปาเลสติเนี่ยน
เลยทำให้ร้านอาหารนี้โดนขู่เอาชีวิต
เพราะไอ้คนขู่มันมั่นใจว่าร้านนี้ "เป็นปฏิปักษ์ต่ออิสราเอล" !!!
สาวเชื้อสายยิว
Conflict Kitchen บอกว่า
"ไอ้ไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ห่ะเหวอะไรกับใครเลย
ไอแค่อยากให้สังคมเรามีการพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องต่างๆกัน
การสร้างบรรยากาศกระตุ้นให้ผู้คนคิด และ ตั้งคำถามออกมานั้น
มันก็ไม่ต่างอะไรเลยซักนิดกับการจัดงานเสวนาทางวิชาการดีๆขึ้นมาในสังคม"
เออออ.....จริงของมันว่ะ (อันนี้จ่าพูดเอง)
แถม Conflict Kitchen มันยังยืนยันด้วยว่า
"การปิดกั้นพื้นที่ทางความคิด , การไม่ยอมรับในความแตกต่าง ,
การไม่เคารพในกติกา และ สิ่งที่คนอื่นเป็นต่างหากที่เป็นความใจแคบ และ ขี้ขลาด"
แหมมมม...
จ่าว่าถ้ามาพูดแบบนี้ในเมืองไทย
สงสัยไอ้พวก Conflict Kitchen โดนเรียกไปเที่ยวที่หอประชุม ทบ.แน่ๆครัฟฟฟฟฟ.....55555......
แต่ที่แน่ๆ
การเกิดขึ้น และ คงอยู่ของ Conflict Kitchen นั้น
มันคือการพิสูจน์ว่าโลกเราอยู่ได้ก็เพราะความเห็นที่แตกต่าง !!!!
ขอบคุณพี่ผุยแห่งห้องย่อยบีเทิ่ลส์ ที่สละล็อคอินมาให้จ่าลุยต่อครับ
จ่าพิเชษฐ์