[CR] Slow life with My wife @Beyond Resort Krabi

ก่อนอื่นขออนุญาตออกตัวล้อฟรีก่อนเลยนะครับว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขียนรีวิว รูปอาจไม่สวย เนื้อหาสาระและรายละเอียดอาจมีไม่ครบถ้วน หากมีข้อผิดพลาดประการใด ผมต้องอภัยไว้ล่วงหน้าเลยนะครับ

เรื่องมีอยู่ว่าผมและภรรยาแต่งงานกันมาได้สองปีครึ่งแล้ว เราทั้งสองต่างก็ชอบการท่องเที่ยว หลังจากที่เราแต่งงานกัน..เราก็ไปเที่ยวมาหลายทริปทั้งในและต่างประเทศ โดยแต่ละทริปที่เราได้ไปนั้น ผมรู้สึกว่าเราต้องเที่ยวอย่างเร่งรีบ มีหลายภารกิจให้ต้องพิชิต และมีหลายสถานที่ให้ต้องเหยียบ ผมเลยตั้งใจว่าอยากจะพาภรรยาไปพักผ่อนแบบสบายๆ ชิลล์ๆ ไม่ต้องเร่งรีบสักครั้ง จึงเป็นที่มาของชื่อทริปในครั้งนี้ว่า “Slow life with My wife” ซึ่งปกติแล้วภรรยาผมเป็นคนที่ชอบทะเลมาก ผมเลยตั้งใจว่าจะเซอร์ไพรส์เธอด้วยการพาไปฉลองครบรอบแต่งงานสองปีครึ่งที่จังหวัดกระบี่ซะเลย


ทำไมต้องจังหวัดกระบี่? ..ตอบง่ายๆ เพราะตอนนั้นสายการบินไทยแอร์เอเชียกำลังมีโปรโมชั่นพอดีครับ จังหวะเหมาะ เวลาดี ราคาถูก ก็เลยแอบจัดไป จุ๊ๆ..อย่าให้ภรรยารู้


คำถามต่อมาคือ..จะพักที่ไหน? ผมทำการบ้านอยู่นานว่าจะพักที่ไหนดี สุดท้ายตัดสินใจเลือกที่นี่ครับ “Beyond Resort Karbi” ส่วนเหตุผลที่เลือกพักที่นี่เพราะรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนหาดคลองม่วง ซึ่งเป็นหาดที่ค่อนข้างสงบ เป็นส่วนตัว ไม่วุ่นวาย ตรงตามคอนเซ็ปที่ตั้งไว้ว่า การไปเที่ยวครั้งนี้ผมอยากจะไปใช้ชีวิตแบบผ่อนคลาย สบายๆ กับภรรยากันสองคน โดยไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นอกจากการพักผ่อนจริงๆ


สำหรับห้องพักที่ Beyond Resort Krabi นั้นมีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นห้อง Cottage หรือเป็นหลังๆแบบ Villa หรือห้อง Deluxe Seaview แบบเห็นวิวทะเล หรือบ้านแบบ Villa Pamukale ที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว ริมทะเลสุดๆ ส่วนห้องที่ผมเลือกไปพักคือห้องแบบ The Grand Seaview Suite ซึ่งสิ่งที่ผมชอบห้องนี้ก็คือ อ่างจากุชชี่ขนาดใหญ่ภายในห้อง และระเบียงยาว ทำให้สามารถมองเห็นวิวของทะเลอันดามันได้เกือบ 180 องศาเลยทีเดียว (ขอบคุณภาพห้องพักจาก www.katagroup.com/beyond-krabi)


คำถามถัดมาคือ...จะไปรีสอร์ทยังไง? การเดินทางจากสนามบินไปยังรีสอร์ท ซึ่งมีระยะทางโดยประมาณ 30 กิโลเมตรกว่าๆนั้น ถือว่าใช้เวลาเดินทางไม่นานมากสำหรับการเดินทางในต่างจังหวัด ผมจึงเลือกวิธีเช่ารถของค่าย AVIS ซึ่งขณะนั้นกำลังมีโปรโมชั่นในงาน “ไทยเที่ยวไทย” อยู่พอดี รถใหม่ ราคาไม่แพง ก็เลยจัดไปครับ (ขอบคุณข้อมูลจาก Google Map) นอกจากการเช่ารถแล้ว ทางรีสอร์ทเองก็ยังมีบริการรถรับ-ส่งสนามบินด้วย ส่วนเรื่องของค่าบริการก็ลองติดต่อสอบถามกับรีสอร์ทโดยตรงได้เลยครับ


1 สัปดาห์ก่อนที่จะถึงวันเดินทางจริง ภรรยาผมเห็นรูปเพื่อนใน instragram ไปเที่ยวกระบี่ แล้วเธอก็บ่นขึ้นมาว่า “อยากไปเที่ยวกระบี่” ผมเลยถามว่าเฮ้ย!!! รู้แล้วเหรอ? รู้ได้ไงอ่ะ? เธอก็ทำหน้างงๆ แผนก็แตกสิครับ ผมเลยต้องเฉลยเธอว่าจะพาไปฉลองครบรอบแต่งงานสองปีครึ่งที่กระบี่ แต่เธอไม่เชื่อครับ หาว่าผมโมเม 55+

เกริ่นมาซะเยอะ มาเริ่มเดินทางกันเลยดีกว่าครับ ผมได้ทำการเช็คอินล่วงหน้า ผ่านเวปไซต์มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วและไม่มีสัมภาระโหลดใต้ท้องเครื่อง พอถึงสนามบินดอนเมืองก็เดินเข้าไปข้างในได้เลยครับ ไม่ต้องแวะไปที่เคาน์เตอร์ของไทยแอร์เอเชียแล้ว เข้ามาข้างใน มีเวลาเหลือก็แวะเก็บรูปกับเครื่องบินสักหน่อยก่อนขึ้นเครื่อง ภรรยาผมพร้อมมากครับ


เมื่อภรรยาพร้อม สามีก็ต้องพร้อมสิครับ


วันนี้เครื่องดีเลย์ไปประมาณครึ่งชั่วโมง เนื่องจากต้องรอเครื่องบินขาเข้าครับ เมื่อได้เวลาฤกษ์งามยามดีแล้วเครื่องบินก็ Take off ครับ
อ่อ ลืมบอกไปว่าผมนั่งแถวที่ 19 ครับ วิวติดปีกเครื่องบินสวยกำลังดี


ขึ้นมาเหนือเมฆแล้วครับ ข้างบนฟ้าสดใสจริงๆ


ผ่านไปแค่ชั่วโมงเศษ เครื่องบินลดระดับใกล้จะ Landing แล้ว ทุ่งหญ้าเขียวชะอุ่ม แค่เห็นก็รู้สึกสดชื่นปอดแล้วครับ


หลังจากลงจากเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ผมก็ไปติดต่อเรื่องรถเช่าที่จองไว้ กำลังจะขับรถออกจากสนามบิน ป๊าด!! เพื่อนเก่าของภรรยาโทรมาหาพอดี บอกว่าตอนนี้ทำงานอยู่ที่กระบี่ จะพาไปหาของอร่อยทาน เรื่องกินมีเหรอเราจะพลาด! พอนัดพิกัดพบเจอกันเรียบร้อยก็ไปทานข้าวเย็นกัน แล้วก็ต่อด้วยโรตีน้ำชา.. อิ่ม อร่อย ที่สำคัญราคาไม่แพงครับ บอกตรงๆว่าไม่มีรูปของกินเลย เพราะถ่ายไว้ไม่ทันจริงๆครับ

หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือบไปดูนาฬิกาอีกที โอ้ว! สองทุ่มกว่าแล้วเหรอนี่!!! ผมเลยบอกภรรยาว่ารีบไปรีสอร์ทกันเถอะ เดี๋ยวจะดึกไปกว่านี้ แล้วเราก็รีบตรงดิ่งไปยังรีสอร์ท ถึงรีสอร์ทประมาณสามทุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่ดื่ม Welcome Drink และทาน Welcome Fruit ที่ดึกที่สุดเท่าที่เคยทานมาเลยครับ


หลังจากเช็คอินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พนักงานก็พาผมและภรรยาไปยังห้องพัก ซึ่งห้องที่ได้คือห้อง 4999 เมื่อได้เห็นห้องถึงกับอุทาน โอ้โห!..ห้องใหญ่มาก ใหญ่มากจริงๆครับ ในเวปไซต์ของรีสอร์ทระบุไว้ว่าห้องนี้มีขนาด 65 ตร.ม.
เรามาเริ่มสำรวจห้องกันดีกว่าครับ เริ่มจากเก้าอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนตรงบริเวณระเบียง นั่งฟังเสียงคลื่นน้ำทะเลกระทบชายฝั่ง ชิลล์จริงๆครับ


เข้ามาในห้องเจอเตียงขนาดใหญ่ 2 เตียงติดกัน จะให้นอนกันกี่คนเนี่ย


มองไปทางขวาก็เจออ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ น่าแช่มากๆ


โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า ซึ่งภายในก็จะมีตู้เซฟ ชุดคลุมอาบน้ำ แล้วก็ไม้แขวนให้ นอกจากนั้นยังมีรองเท้าสำหรับใส่เดินภายในห้อง และรองเท้าแตะฟองน้ำสำหรับไว้เดินไปชาดหายอีกด้วย ไม่ต้องเตรียมมาจากบ้านให้วุ่นวายเลยครับ


ป้ายต่างๆบนโต๊ะเครื่องแป้ง


รีสอร์ทนี้ห้ามนำมังคุดกับทุเรียนเข้ามารับประทานนะครับ


อ่างล้างหน้า พร้อมอุปกรณ์ต่างๆครบถ้วน ยกเว้น แปรงสีฟันและยาสีฟันที่ต้องนำมาเองนะครับ



สบู่ล้างมือพร้อมบอดี้โลชั่น


ยาสระผม ครีมนวดผม สบู่เหลว ก็มีให้พร้อม


พนักงานแจ้งว่าก่อนหน้าที่ผมจะเข้าพัก ฝนตกตลอดทุกวันเลย ผมเองก็เช็คพยากรณ์อากาศมาเป็นระยะๆ ฟ้าครึ้มกับฝนตกแทบทุกวัน เลยทำใจไว้ตั้งแต่ก่อนจะมาแล้วว่าคงต้องนอนเล่น ดูฝนตกอยู่ที่ห้องเป็นแน่ แต่ใครจะไปเชื่อล่ะว่า.. ตื่นเช้าขึ้นมาพร้อมกับสภาพอากาศที่สดใสมาก ถือว่าโชคดีมากจริงๆครับ ไม่มีวี่แววของเมฆฝนเลยแม้แต่นิด เปิดผ้าม่านออกมาก็เป็นแบบนี้เลยครับ
ระเบียงด้านหน้า


ระเบียงด้านข้าง


ออกมานอกห้องนอน ตรงบริเวณระเบียงบรรยากาศดีมากๆครับ


รีบล้างหน้าล้างตาแล้วลงไปทานอาหารเช้ากันดีกว่า อาหารเช้าที่นี่เป็นบุฟเฟ่ต์ ถือได้ว่าจัดเต็มครบทุกสไตล์ ตามมาตรฐานของโรงแรม ไม่ว่าจะเป็นเบคอน แฮม ไส้กรอก ชีส สลัด ไข้ต้ม ไข่ดาว ออมเล็ต ข้าวต้ม ข้าวผัด ผัดหมี่ ผัดผัก ขนมปัง เบเกอรี่ต่างๆ ผลไม้ต่างๆ น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร ชา กาแฟ เป็นต้น ต้องขออภัยเพราะที่เอ่ยมาทั้งหมดไม่มีรูปให้ดูเลยครับ ผมไม่เน้นถ่ายรูปอาหาร เน้นทานอย่างเดียวครับ 55+


หลังจากอิ่มกันแล้ว ก็ออกไปสำรวจบริเวณรอบๆรีสอร์ทกันต่อ



โขดหินริมชายหาด



ลงไปเดินเล่นที่ชายหาดกันบ้าง


เรือหางยาวมารอรับนักท่องเที่ยวไปดำน้ำตามเกาะต่างๆ


หลังจากเดินเล่นบนชายหาดจนเมื่อยขาแล้ว ก็มานั่งพักสักหน่อย ทางรีสอร์ทเตรียมเก้าอี้ไว้เยอะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีที่นั่งพัก



จากนั้นก็ไปเล่นน้ำในสระกันดีกว่า ซึ่งสระว่ายน้ำที่รีสอร์ทแห่งนี้ถือได้ว่าใหญ่พอควรเลยทีเดียว แถมมีอ่างจากุซชี่ในสระว่ายน้ำอีกด้วย




ว่ายน้ำไป ดูทะเลไป ชิลล์จริงๆ


ส่วนตัวผมเองไม่ได้ลงเล่นน้ำในสระ ก็นั่งๆนอนๆอยู่ริมสระน้ำ แอบส่องภรรยาตัวเองเล่นน้ำครับ 55+


หลังจากที่ภรรยาเล่นน้ำจนเปื่อยแล้วก็กลับขึ้นมาบนห้องพักของเราดีกว่า ระเบียงห้องใหญ่จริงๆ


ส่องจากระเบียงไปที่สระว่ายน้ำสักหน่อย อืม..วิวดีจริงๆครับ


พาโนราม่าจากระเบียงสักรูป เห็นทะเลแทบจะ 180 องศา เลยทีเดียวครับ


วิวสวยขนาดนี้ก็ต้องมองนานๆให้ภาพติดตากันไปเลย


เผลอหลับไปงีบนึง ตื่นขึ้นมาหาชา กาแฟทานกันดีกว่า ในห้องมีให้พร้อมเลยครับ


เนื่องจากทริปนี้ไม่ได้มีโปรแกรมออกไปเที่ยวไหนนอกจากใช้ชีวิตแบบ Slow Life พักผ่อนให้เต็มที่กับภรรยา ผมก็เลยชวนภรรยาลงอ่างครับ 55+ วิวสวย บรรยากาศดี ฟินเว่อร์จริงๆครับ

ชื่อสินค้า:   Beyond Resort Krabi
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  โรงแรมรีสอร์ท เที่ยวทะเล เที่ยวไทย Slow Life
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่