′ทีเอชเอ′เผยแก๊งต่างชาติหัวใสกว้านซื้อห้องพักหัวเมือง ท่องเที่ยวหลักทำโรงแรม กินรวบธุรกิจทัวร์-ที่พัก-ร้านอาหาร เบียดผู้ประกอบการไทย ชี้เศรษฐกิจฝืด มนุษย์เงินเดือนเขียมลดทานตามร้านอาหาร เลือกกินริมถนนแทน ฉุด รายได้หาย 40%
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มมีชาวต่างชาติกว้านซื้ออพาร์ตเมนต์ตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน เพื่อทำเป็นโรงแรมและหวังผูกขาดการทำธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งการนำนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยและให้พำนักที่อพาร์ตเมนต์ของตนเอง ส่งผลให้ไทยรับรายได้จากการท่องเที่ยวไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งที่พักดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมาย โดยกลุ่มที่ใช้บริการจะเป็นกลุ่มใช้จ่ายน้อย ไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพตามที่รัฐบาลต้องการ
"การนำนักท่องเที่ยวมาเข้าพักในอพาร์ตเมนต์มีการตัดราคาด้วย ส่งผลให้ราคาห้องพักไม่สามารถปรับขึ้นได้ ปี 2557 ราคาห้องพักลดลง 10% และคาดว่าปีนี้อาจจะลดลงอีก 10%" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า ส่วนเรื่องการขาดแคลนแรงงานภาคธุรกิจโรงแรม สมาคมมีแนวคิดจะเสนอภาครัฐนำผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่างๆ ของ โรงแรมไปฝึกหัดให้ผู้ใช้แรงงานต่างชาติ ทั้งกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) ที่ยังมีอัตราว่างงานอยู่
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ภาพรวมรายได้ ธุรกิจร้านอาหารช่วงครึ่งปีแรกหายไปประมาณ 30-40% แม้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน แต่ภาวะเศรษฐกิจกลับไม่มีสัญญาณดีขึ้น คงต้องหากลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายให้มากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดให้ได้ "พฤติกรรมลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนจะทานอาหารริมถนนมากขึ้น ลดการทานอาหารตามสวนอาหารลง เฉลี่ยวันทำงานจะเหลือ 1-2 ครั้ง จากปกติทาน 3-4 ครั้ง ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เหลือ 1-2 ครั้งต่อเดือน" นางฐนิวรรณกล่าว และว่า ช่วงเศรษฐกิจดีค่าใช้จ่ายการรับประทานต่อหัวสูงถึง 300-350 บาทต่อครั้ง แต่ตั้งแต่ต้นปีเหลือเพียง 150-200 บาท ต่อหัวต่อครั้ง และคาดว่าทั้งปีนี้จะอยู่ในระดับนี้ เนื่องจากลูกค้าจะสั่งเมนูอาหารน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และเร็วๆ นี้สมาคมจะช่วยโปรโมตร้านอาหารโดยเฉพาะร้านระดับเล็ก ผ่านสื่อโซเชียล ที่ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยว มากนัก เพราะบริษัททัวร์มักพาลูกทัวร์ ไปใช้บริการของเครือข่ายตัวเอง
JJNY : เศรษฐกิจฝืด ร้านอาหารตบยุง พนง.ออฟฟิศเลือกทานร้านริมถนนมากขึ้น
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเริ่มมีชาวต่างชาติกว้านซื้ออพาร์ตเมนต์ตามหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน เพื่อทำเป็นโรงแรมและหวังผูกขาดการทำธุรกิจท่องเที่ยวทั้งหมด ทั้งการนำนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยและให้พำนักที่อพาร์ตเมนต์ของตนเอง ส่งผลให้ไทยรับรายได้จากการท่องเที่ยวไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งที่พักดังกล่าวถือว่าผิดกฎหมาย โดยกลุ่มที่ใช้บริการจะเป็นกลุ่มใช้จ่ายน้อย ไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวศักยภาพตามที่รัฐบาลต้องการ
"การนำนักท่องเที่ยวมาเข้าพักในอพาร์ตเมนต์มีการตัดราคาด้วย ส่งผลให้ราคาห้องพักไม่สามารถปรับขึ้นได้ ปี 2557 ราคาห้องพักลดลง 10% และคาดว่าปีนี้อาจจะลดลงอีก 10%" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า ส่วนเรื่องการขาดแคลนแรงงานภาคธุรกิจโรงแรม สมาคมมีแนวคิดจะเสนอภาครัฐนำผู้เชี่ยวชาญฝ่ายต่างๆ ของ โรงแรมไปฝึกหัดให้ผู้ใช้แรงงานต่างชาติ ทั้งกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (ซีแอลเอ็มวี) ที่ยังมีอัตราว่างงานอยู่
นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวว่า ภาพรวมรายได้ ธุรกิจร้านอาหารช่วงครึ่งปีแรกหายไปประมาณ 30-40% แม้สถานการณ์ทางการเมืองมีความชัดเจน แต่ภาวะเศรษฐกิจกลับไม่มีสัญญาณดีขึ้น คงต้องหากลยุทธ์กระตุ้นการใช้จ่ายให้มากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดให้ได้ "พฤติกรรมลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์เงินเดือนจะทานอาหารริมถนนมากขึ้น ลดการทานอาหารตามสวนอาหารลง เฉลี่ยวันทำงานจะเหลือ 1-2 ครั้ง จากปกติทาน 3-4 ครั้ง ส่วนวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เหลือ 1-2 ครั้งต่อเดือน" นางฐนิวรรณกล่าว และว่า ช่วงเศรษฐกิจดีค่าใช้จ่ายการรับประทานต่อหัวสูงถึง 300-350 บาทต่อครั้ง แต่ตั้งแต่ต้นปีเหลือเพียง 150-200 บาท ต่อหัวต่อครั้ง และคาดว่าทั้งปีนี้จะอยู่ในระดับนี้ เนื่องจากลูกค้าจะสั่งเมนูอาหารน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และเร็วๆ นี้สมาคมจะช่วยโปรโมตร้านอาหารโดยเฉพาะร้านระดับเล็ก ผ่านสื่อโซเชียล ที่ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยว มากนัก เพราะบริษัททัวร์มักพาลูกทัวร์ ไปใช้บริการของเครือข่ายตัวเอง