จบทริปนิวซีแลนด์ไปเกือบสามเดือน เพิ่งมีเวลามารีวิวร้านกาแฟที่เคยติดค้างไว้
จากกระทู้ที่แล้วที่ได้รีวิวร้านกาแฟในเมลเบิร์น
http://pantip.com/topic/33642141
วันนี้ข้ามฝั่งมานิวซีแลนด์ รีวิวร้านกาแฟใน Christchurch ให้อ่านกัน
อย่างที่รู้กัน หลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้เขต CBD ของเมือง Christchurch พังครืนลง
ความคึกคักของ Christchurch ก็เงียบเหงาลงมาก ทั้งจากนักท่องเที่ยวเองที่ใช้เมืองนี้เป็นแค่ทางผ่านขึ้นลงสนามบิน
และผู้คนในเมืองที่ต่างอยู่ในภาวะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าของกระทู้เคยมา Christchurch ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ตอนนั้นพื้นที่ CBD ถูกปิดล้อมรอบด้านด้วยรั้วเหล็กแน่นหนา
เป็นเขตห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ทำได้เพียงขับรถดูความสูญเสียจากรอบนอก มีเพียงพื้นที่ restart mall
ที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาจัดวางสำหรับร้านค้าที่ส่งผลกระทบให้ใช้พื้นที่นี้ในการขายของชั่วคราว
แต่เมื่อมา Christchurch อีกครั้งในปี 2015 เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงและสัญญาณบวกของ Christchurch อย่างเห็นได้ชัด
รั้วที่เคยกั้นรอบเขตแผ่นดินไหวถูกรื้อออก โรงแรม และร้านค้า เริ่มกลับมายึดพื้นที่เดิม เปิดให้บริการอีกครั้ง
รวมถึงร้านกาแฟที่เราจะมารีวิวในวันนี้ C1 Espresso
C1 Espresso กลับมาเปิดอีกครั้งในปี 2013 โดยใช้อาคารของไปรษณีย์เก่าเป็นทำเลใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งร้านเดิม
ทุกเช้า คาเฟ่แห่งนี้จะกลายเป็นที่ที่คึกคักมากที่สุดใน Christchruch บรรยากาศภายในร้านช่างแตกต่างและขัดแย้ง
กับบริเวณพื้นที่โดยรอบของร้าน ซึ่งยังอยู่ภายใต้การดำเนินการรื้อถอน และปรับสภาพพื้นที่
เรียกได้ว่า เป็นการจิบกาแฟ ชมซากปรักหักพังของเมืองก็ไม่ผิดนัก แต่นี่ก็กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ Christchruch ไปแล้ว
กาแฟที่นี่อาจไม่ดีเท่ากับเมืองที่จากมาอย่างเมลเบิร์น แต่ก็ได้มาตรฐาน
จริงๆนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีร้านกาแฟบริการทั่วเมือง ไม่ว่าเมืองเล็กเมืองใหญ่
เพียงแต่ดีกรีความเป็นมืออาชีพด้านกาแฟอาจยังเทียบกับเมลเบิร์นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่
ส่วนกาแฟเย็นของ C1 Espresso อาจออกแนวขนมมากกว่า เพราะมีท็อปปิ้งเป็นทั้งช็อกโกแลต และแมชมาโลว์
หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจัดการกับกาแฟ และอาหารเช้า
พวกเราก็เริ่มเดินชมย่าน CBD แห่งนี้ ซึ่งหากใครไม่อยากเดิน ทางเมืองได้มีรถรางสำหรับพานักท่องเที่ยวชม
แต่เราเลือกที่จะจอดรถไว้แถวร้านกาแฟ แล้วออกเดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงอย่างจริงจัง
จนรู้สึกดีใจแทนคนที่นี่ว่า อีกไม่นานความมีชีวิตชีวาของย่าน CBD นี้จะกลับมาให้เห็นอีกครั้ง
แต่ส่วนที่ยังเศร้าน่าใจหาย คือบริเวณโบสถ์ประจำเมือง ChristChurch Cathedal
ที่สภาพในปัจจุบันทำได้เพียงนำโครงเหล็กมายึดไว้ไม่ให้ตัวโบสถ์ทรุดไปมากกว่านี้
และยังมีผู้คนแวะนำดอกไม้มาวางเพื่อระลึกถึงผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับใครที่มาเที่ยวเกาะใต้ แวะมาให้กำลังใจ Christchurch กันได้
ไม่อยากให้มองว่า Christchurch เป็นเพียงทางผ่านขึ้น-ลงสนามบินเท่านั้น
เพราะนอกเหนือจากโซน CBD ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
ส่วนอื่นๆของ Christchurch ยังคงเหมือนเดิม เสาร์-อาทิตย์มีตลาดนัดให้ช้อป
สวนพฤกษศาสตร์ยังคงน่าเดินเที่ยวเล่น เป็นเมืองขนาดกำลังดีที่มองไปทางไหนก็รู้สึกสบายตาจริงๆ
[CR] Coffe Journey: C1 Espresso จิบกาแฟท่ามกลางซากปรักหักพังของเมือง Christchurch
จากกระทู้ที่แล้วที่ได้รีวิวร้านกาแฟในเมลเบิร์น http://pantip.com/topic/33642141
วันนี้ข้ามฝั่งมานิวซีแลนด์ รีวิวร้านกาแฟใน Christchurch ให้อ่านกัน
อย่างที่รู้กัน หลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้เขต CBD ของเมือง Christchurch พังครืนลง
ความคึกคักของ Christchurch ก็เงียบเหงาลงมาก ทั้งจากนักท่องเที่ยวเองที่ใช้เมืองนี้เป็นแค่ทางผ่านขึ้นลงสนามบิน
และผู้คนในเมืองที่ต่างอยู่ในภาวะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เจ้าของกระทู้เคยมา Christchurch ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ตอนนั้นพื้นที่ CBD ถูกปิดล้อมรอบด้านด้วยรั้วเหล็กแน่นหนา
เป็นเขตห้ามเข้าโดยเด็ดขาด ทำได้เพียงขับรถดูความสูญเสียจากรอบนอก มีเพียงพื้นที่ restart mall
ที่ใช้ตู้คอนเทนเนอร์มาจัดวางสำหรับร้านค้าที่ส่งผลกระทบให้ใช้พื้นที่นี้ในการขายของชั่วคราว
แต่เมื่อมา Christchurch อีกครั้งในปี 2015 เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงและสัญญาณบวกของ Christchurch อย่างเห็นได้ชัด
รั้วที่เคยกั้นรอบเขตแผ่นดินไหวถูกรื้อออก โรงแรม และร้านค้า เริ่มกลับมายึดพื้นที่เดิม เปิดให้บริการอีกครั้ง
รวมถึงร้านกาแฟที่เราจะมารีวิวในวันนี้ C1 Espresso
C1 Espresso กลับมาเปิดอีกครั้งในปี 2013 โดยใช้อาคารของไปรษณีย์เก่าเป็นทำเลใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับตำแหน่งร้านเดิม
ทุกเช้า คาเฟ่แห่งนี้จะกลายเป็นที่ที่คึกคักมากที่สุดใน Christchruch บรรยากาศภายในร้านช่างแตกต่างและขัดแย้ง
กับบริเวณพื้นที่โดยรอบของร้าน ซึ่งยังอยู่ภายใต้การดำเนินการรื้อถอน และปรับสภาพพื้นที่
เรียกได้ว่า เป็นการจิบกาแฟ ชมซากปรักหักพังของเมืองก็ไม่ผิดนัก แต่นี่ก็กลายเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของ Christchruch ไปแล้ว
กาแฟที่นี่อาจไม่ดีเท่ากับเมืองที่จากมาอย่างเมลเบิร์น แต่ก็ได้มาตรฐาน
จริงๆนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีร้านกาแฟบริการทั่วเมือง ไม่ว่าเมืองเล็กเมืองใหญ่
เพียงแต่ดีกรีความเป็นมืออาชีพด้านกาแฟอาจยังเทียบกับเมลเบิร์นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่
ส่วนกาแฟเย็นของ C1 Espresso อาจออกแนวขนมมากกว่า เพราะมีท็อปปิ้งเป็นทั้งช็อกโกแลต และแมชมาโลว์
หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมงจัดการกับกาแฟ และอาหารเช้า
พวกเราก็เริ่มเดินชมย่าน CBD แห่งนี้ ซึ่งหากใครไม่อยากเดิน ทางเมืองได้มีรถรางสำหรับพานักท่องเที่ยวชม
แต่เราเลือกที่จะจอดรถไว้แถวร้านกาแฟ แล้วออกเดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ ที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงอย่างจริงจัง
จนรู้สึกดีใจแทนคนที่นี่ว่า อีกไม่นานความมีชีวิตชีวาของย่าน CBD นี้จะกลับมาให้เห็นอีกครั้ง
แต่ส่วนที่ยังเศร้าน่าใจหาย คือบริเวณโบสถ์ประจำเมือง ChristChurch Cathedal
ที่สภาพในปัจจุบันทำได้เพียงนำโครงเหล็กมายึดไว้ไม่ให้ตัวโบสถ์ทรุดไปมากกว่านี้
และยังมีผู้คนแวะนำดอกไม้มาวางเพื่อระลึกถึงผู้ที่จากไปจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับใครที่มาเที่ยวเกาะใต้ แวะมาให้กำลังใจ Christchurch กันได้
ไม่อยากให้มองว่า Christchurch เป็นเพียงทางผ่านขึ้น-ลงสนามบินเท่านั้น
เพราะนอกเหนือจากโซน CBD ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
ส่วนอื่นๆของ Christchurch ยังคงเหมือนเดิม เสาร์-อาทิตย์มีตลาดนัดให้ช้อป
สวนพฤกษศาสตร์ยังคงน่าเดินเที่ยวเล่น เป็นเมืองขนาดกำลังดีที่มองไปทางไหนก็รู้สึกสบายตาจริงๆ