คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
สมัยเรียนผมก็งงอยู่นานเหมือนกันครับ
DNA มันคือชื่อ "กรด" นี่คือเส้นที่เราเห็นรูปเป็นเกลียวๆ ทั้งเส้นเลยครับ (เห็นเส้นๆ แบบนี้ มันมีคุณสมบัติเป็นกรดครับ)
ที่นี้ดีเอ็นเอนี่ ปกติมันจะไม่ได้เป็นเส้นเดียว (หมายถึงเกลียวคู่เดียว) ยาวยืดอยู่ในนิวเคลียสของเซล แต่จะมีหลายๆ เกลียว แล้วแต่สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ทีนี้ตอนที่เซลกำลังแบ่งตัว ไอ้เกลียวยาวยืด (เขาว่ายาวเป็นพันๆ กิโลเมตรเลยมั้ง ผมจำไม่ได้) มันก็จะขมวดๆๆๆ จนดูเหมือนกับเป็นแท่งสั้นๆ ที่มองเห็นได้ในกล้องจุลทรรศน์ (นึกภาพเหมือนเราเอาด้ายมาหมุนๆๆๆ ขมวดๆๆๆ มันจะอ้วนขึ้นและแน่นขึ้นแต่สั้นลงกว่าเดิม) ไอ้แท่งๆ นี่เขาเรียกว่า โครโมโซมครับ ของคนเรามี 46 แท่ง (23 คู่ มาจากพ่อ 23 แท่ง จากแม่ 23 แท่ง)
กลับไปที่ดีเอ็นเอ สายยาวๆ นี่มันจะประกอบด้วยหน่วยย่อยๆ เรียงต่อกันเหมือนตู้รถไฟแต่ละตู้ต่อกันเป็นขบวนครับ หน่วยแต่ละหน่วยนี่เรียกว่าเบส มันจะมีโค้ดประจำตัวเหมือนกับตัวอักษร (แต่มีแค่ 4 ตัวนะ C, G, A, T ไม่ได้มีครบจากเอถึงแซ่ด) เบสสามตัวต่อกัน (เทียบกับตู้รถไฟสามตู้เรียงกัน) ก็จะนับเป็นคำนึง พอมีหลายๆ คำเรียงต่อกันก็จะเป็นโค้ดสำหรับทำอะไรซักอย่างครับ เช่น สร้างฮอร์โมนอินซูลิน (คนที่สร้างตัวนี้ไม่ได้ก็จะเป็นโรคเบาหวาน)
คำว่า ยีน หมายถึงโค้ดแต่ละตัวครับ โค้ดบางตัวอาจจะสั้นๆ แค่ร้อยคำ (สามร้อยตัวอักษร) ไปจนถึงหลายแสนคำ (มากกว่าสองล้านตัวอักษร) ยีนหรือโค้ดเหล่านี้ บางยีนก็จะทำให้เกิดลักษณะต่างๆ เช่น สีผม สีตา บางยีนก็สร้างฮอร์โมนอย่างอินซูลินที่ว่า บางยีนก็ต้องทำงานร่วมกับยีนอื่นๆ
ทีนี้ยีนแต่ละตัว (หมายถึงโค้ดแต่ละช่วงของดีเอ็นเอ เช่น ตู้ที่ 300 ถึงตู้ที่ 599 เป็นต้น) มันก็มีได้หลายแบบครับ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกคน ตัวอย่างที่ชัดเจนและหนังสือเรียนนิยมใช้คือ ในเมล็ดถั่วประเภทที่เป็นฝักเขียว (เรียกว่า pea พวกอะไรนะ ถั่วลันเตาแบบนั้นรึเปล่า ที่เราเอามาอบทำเป็นขนมขบเคี้ยวเม็ดเขียวๆ กลมๆ) จะมียีนตัวหนึ่งกำหนดว่าผิวของเมล็ดถั่วนั้นจะเรียบตึงเหมือนลูกปัด หรือจะย่นๆ เหี่ยวๆ แบบลูกเกด
Allele นั้นหมายถึงรูปแบบต่างๆ ของยีนแต่ละตัวครับ อย่างกรณีถั่วลันเตาก็จะบอกว่ายีนตัวนี้มี 2 อัลลีล อันนึงคืออัลลีลผิวเรียบกลมเด๊ะ อีกอันคืออัลลผิวเหี่ยวย่นครับ
DNA มันคือชื่อ "กรด" นี่คือเส้นที่เราเห็นรูปเป็นเกลียวๆ ทั้งเส้นเลยครับ (เห็นเส้นๆ แบบนี้ มันมีคุณสมบัติเป็นกรดครับ)
ที่นี้ดีเอ็นเอนี่ ปกติมันจะไม่ได้เป็นเส้นเดียว (หมายถึงเกลียวคู่เดียว) ยาวยืดอยู่ในนิวเคลียสของเซล แต่จะมีหลายๆ เกลียว แล้วแต่สิ่งมีชีวิตแต่ละชนิด ทีนี้ตอนที่เซลกำลังแบ่งตัว ไอ้เกลียวยาวยืด (เขาว่ายาวเป็นพันๆ กิโลเมตรเลยมั้ง ผมจำไม่ได้) มันก็จะขมวดๆๆๆ จนดูเหมือนกับเป็นแท่งสั้นๆ ที่มองเห็นได้ในกล้องจุลทรรศน์ (นึกภาพเหมือนเราเอาด้ายมาหมุนๆๆๆ ขมวดๆๆๆ มันจะอ้วนขึ้นและแน่นขึ้นแต่สั้นลงกว่าเดิม) ไอ้แท่งๆ นี่เขาเรียกว่า โครโมโซมครับ ของคนเรามี 46 แท่ง (23 คู่ มาจากพ่อ 23 แท่ง จากแม่ 23 แท่ง)
กลับไปที่ดีเอ็นเอ สายยาวๆ นี่มันจะประกอบด้วยหน่วยย่อยๆ เรียงต่อกันเหมือนตู้รถไฟแต่ละตู้ต่อกันเป็นขบวนครับ หน่วยแต่ละหน่วยนี่เรียกว่าเบส มันจะมีโค้ดประจำตัวเหมือนกับตัวอักษร (แต่มีแค่ 4 ตัวนะ C, G, A, T ไม่ได้มีครบจากเอถึงแซ่ด) เบสสามตัวต่อกัน (เทียบกับตู้รถไฟสามตู้เรียงกัน) ก็จะนับเป็นคำนึง พอมีหลายๆ คำเรียงต่อกันก็จะเป็นโค้ดสำหรับทำอะไรซักอย่างครับ เช่น สร้างฮอร์โมนอินซูลิน (คนที่สร้างตัวนี้ไม่ได้ก็จะเป็นโรคเบาหวาน)
คำว่า ยีน หมายถึงโค้ดแต่ละตัวครับ โค้ดบางตัวอาจจะสั้นๆ แค่ร้อยคำ (สามร้อยตัวอักษร) ไปจนถึงหลายแสนคำ (มากกว่าสองล้านตัวอักษร) ยีนหรือโค้ดเหล่านี้ บางยีนก็จะทำให้เกิดลักษณะต่างๆ เช่น สีผม สีตา บางยีนก็สร้างฮอร์โมนอย่างอินซูลินที่ว่า บางยีนก็ต้องทำงานร่วมกับยีนอื่นๆ
ทีนี้ยีนแต่ละตัว (หมายถึงโค้ดแต่ละช่วงของดีเอ็นเอ เช่น ตู้ที่ 300 ถึงตู้ที่ 599 เป็นต้น) มันก็มีได้หลายแบบครับ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทุกคน ตัวอย่างที่ชัดเจนและหนังสือเรียนนิยมใช้คือ ในเมล็ดถั่วประเภทที่เป็นฝักเขียว (เรียกว่า pea พวกอะไรนะ ถั่วลันเตาแบบนั้นรึเปล่า ที่เราเอามาอบทำเป็นขนมขบเคี้ยวเม็ดเขียวๆ กลมๆ) จะมียีนตัวหนึ่งกำหนดว่าผิวของเมล็ดถั่วนั้นจะเรียบตึงเหมือนลูกปัด หรือจะย่นๆ เหี่ยวๆ แบบลูกเกด
Allele นั้นหมายถึงรูปแบบต่างๆ ของยีนแต่ละตัวครับ อย่างกรณีถั่วลันเตาก็จะบอกว่ายีนตัวนี้มี 2 อัลลีล อันนึงคืออัลลีลผิวเรียบกลมเด๊ะ อีกอันคืออัลลผิวเหี่ยวย่นครับ
แสดงความคิดเห็น
อยากรู้ว่ามันต่างกันยังไง gene DNA allele