เมื่อรู้ว่าสามีเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ระหว่างที่ดิฉันอุ้มลูกในท้องได้ 6 เดือน (ชีวิตติดดราม่า)

กระทู้สนทนา
เดือนมกราคม - เดือนเมษายน 2558 ก่อนหน้าที่จะรู้ว่าสามีเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ดิฉันแต่งงานกับสามีมา 6 ปี แต่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันนะคะ เป็นแบบรักระยะไกลคือ ต่างคนต่างทำงาน แต่ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ สามีจะมาหา หรือบางทีก็จะไปเที่ยวกัน เหมือนคู่รักทั่วไป แต่งงานแล้วเพียงแต่ไม่มีลูก จนเราได้บอกกับสามีว่า ไม่มีลูกก็ไม่เป็นไรเน๊าะ เราอยู่กันแค่ 2 คนนี่แหละ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว และแล้ววันนึงในเดือน กุมภาพันธ์ รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ ได้ 2 เดือนแล้ว เป็นอะไรที่ดีใจที่สุดใน 3 โลก รู้สึกเหมือนมาเติมเต็มชีวิต สามีก็มีเวลาให้มากขึ้น ไปเที่ยวกัน ชีวิตค่อนข้างจะสมบูรณ์แบบเลยแหละ พ่อแม่พี่น้อง แฮปปี้กันมากๆ จัดทริปไปเที่ยวทะเลตอนปลายเดือนเมษา

พอหลังจากนั้นไม่นาน ต้นเดือนพฤษภาคม สามีเริ่มมีอาการ ไข้ขึ้น ไม่สบาย เจ็บคอ ตัวร้อน สามีก็ไม่ได้นิ่งนอนใจไปหาหมอ ณ รพ แห่งหนึ่งใน กทม พอบอกอาการไป หมอก็จัดยามาให้กิน ฆ่าเชื้อ แก้อักเสบ ตามอาการที่บอกไป กินยาไป อาการก็ดีขึ้น แต่ก็ 3 วันดี 4 วันไข้ สามีเลยตัดสินใจไปหาหมออีกที่นึง เพราะกินยาที่เดิมไปจนหมดแล้วมันไม่หาย ตอนนี้เหมือนมีอาการมากกว่าเดิม เริ่มมีอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หมอก็จัดยาตามอาการมาเหมือนเดิม ยาฆ่าเชื้อ แก้อักเสบ แก้ไข้ เราก็เอะใจว่า อ่าว ไม่หายสักที ลองมาตรวจที่ รพ ที่พิดโลกดูไม๊ หมอเก่งนะ สามีบอกไว้ไปตรวจดูก็ได้

จนกระทั่งกลางเดือน พฤษภาคม สามีไข้ขึ้น เพลียหนักขึ้นกว่าเดิมแล้วบอกเราว่า เสาร์ อาทิตย์นี้ขอพักผ่อนอยู่บ้านนะ ขับรถไปหาไม่ไหว เราก็แบบ นัดกันไว้แล้วมาสิ จะได้มาหาหมอด้วย สามีบอกขอพักอยู่ที่ กรุงเทพ ดีกว่า บอกไปหาไม่ไหว ด้วยความที่เราคนท้อง โดนขัดใจ ก็เลยแบบชวนทะเลาะ คือเอาจริงๆ อยากให้มาหาแหละ ร้องไห้ ฟูมฟาย จนกระทั่งสามีตัดสินใจมาในวันเสาร์ตอนบ่าย มาถึงก็ค่ำๆ พอมาแล้วเราก็หายโกรธเลย อิอิ นิสัยไม่ดีเน๊าะ แล้วเราก็ไปดูหนังกัน กลับถึงบ้านประมาณเที่ยงคืน สามีแอบบอกเราว่า อยากไปหาหมอ บอกอยากเชคให้แน่ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ไม่หายสักที เราก็โอเคๆ พอวันรุ่งขึ้น ก็พาสามีไป รพ แห่งหนึ่งในพิษณุโลก นั่งรอพบหมอ พอพบหมอก็บอกอาการหมอ ว่ามีอาการอะไรบ้าง หมอเลยบอกให้ตรวจเลือดดูก่อนนะ รอผลเลือดประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ แล้วหมอก็บอกว่า ต้องแอดมิดแล้วล่ะ เราก็ถามหมอว่าทำไมต้องแอดมิด สามีเป็นะไร หมอบอกว่า รอพบแพทย์เฉพาะทางดีกว่า ระหว่างที่รอนั้น ก็สงสัยกันว่าเป็นอะไร นั่งคุยกัน เราก็คิดว่า แค่ธรรมดา เดี๋ยวก็หาย รอจากเที่ยงๆ จนถึง ทุ่มกว่า หมอเฉพาะทางมาจากอีก รพ นึง ก็มา ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่กัน 2 คน กับสามี หมอมาตรงเค้าเตอร์พยาบาลก่อนจะเข้าห้องมาตรวจ เราก็เลยไปดักรอถามหมอก่อนที่หมอจะเข้าไปในห้องตรวจ พอถามหมอ
   หมอบอกว่า "สามีคุณเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาวนะ"  .... เหมือนฟ้าผ่ามาตรงกลางอก คือเป็นไปได้ยังไง คือเพิ่งอายุ 33 เองนะ จะเป็นได้ไง หมอมั่วอ่ะ T__T
ตอนนั้นคือถึงกับล้มทั้งยืน ขาสั่น แทบจะลงไปกองกับพื้น แล้วถามหมอต่อว่า "แล้วเป็นได้ยังไง ต้องรักษายังไง"
   หมอบอกว่า "ต้องคีโมคับ" แล้วถ้าไม่คีโมหล่ะ "คือมันต้องรักษาครับ ไม่งั้นคือจะตายภายในไม่กี่เดือน" ห๊ะ!!?? ขนาดนั้นเลยหรอ ... ไม่นะ
"งั้นก็อย่าเพิ่งบอกสามีนะคะ" หมอบอกว่า "ไม่ได้คับ คือต้องบอกครับ ให้คนไข้เขาได้รู้" แล้วหมอก็บอกว่าจะต้องเจาะไขกระดูกของสามี แล้วหมอก็เดินไปที่ห้องที่สามีอยู่
ตอนนั้นเราร้องไห้ พูดไม่รู้เรื่อง พยาบาลก็ตกใจ เราไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยโทรไปบอกแม่ โทรบอกพี่สาว และก็โทรบอกคุณอา ซึ่งเป็นอาของสามี ทุกคนตกใจกันหมด รีบขับรถมาหาที่ รพ. ระหว่างนั้นหมอก็เข้าไปบอกสามี เราก็ไปอยู่กับสามี แต่สามีเป็นคนที่นิ่งมากๆ สามีมาบอกหลังจากที่หมอบอกว่า เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว แบบเหมือนในหนังเลยคือ วิ้ง คำพูดของหมอไม่ได้เข้าหูเลย เหมือนหูอื้อ ติดสตั้น แต่เราสิ ขาสั่น ตัวสั่นไปทั้งตัว ร้องไห้ คือในความรู้สึกเรา เรารู้สึกว่าโรคมะเร็งเป็นโรคที่อันตราย รุนแรงมาก และไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ซึ่งเป็นสามีของเรา ระหว่างที่หมอเจาะไขกระดูก ทุกคนเริ่มทยอยมาหา แม่ พี่สาว พี่เขย คุณอา มากันเยอะมาก ทุกคนพยายามปลอบใจว่า ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็หาย มันมีทางรักษาให้หายขาดได้ คืนนั้นเราก็นอนเฝ้าสามี คือ นอนไม่หลับเลย ไม่ได้นอนทั้งคืนเลย กังวล พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ รู้เยอะดีกว่าไม่รู้เลยมั้งนะ ส่วนสามีก็ขยับแทบจะไม่ได้เพราะโดนเจาะไขกระดูกที่สะโพก แล้วก็หลับไป .... ยังมีต่อนะคะ เดี๋ยวมาเล่าต่อคะ


ตอนนี้ย้ายมา รพ รัฐบาล เพื่อทำการคีโม สรุป อยู่ รพ นาน 68 วัน ทำคีโม 2 รอบติด โดยรอบแรกให้ 3+7 กับรอบที่ 2 ให้ HIDAC การรักษาไม่ได้ผลค่ะ ดื้อยาทั้ง 2 รอบ ตอนนี้อยุ่ในระหว่างพักฟื้น เพื่อจะให้ยารอบคีโม รอบ 3 อยากทราบว่า ทำไมถึงดื้อยาคะ ... ดิฉันกลุ้มใจมาก เพราะโรคมันยังไม่หาย แล้วลูกก็จะคลอดเดือนนี้แล้ว ร่างกายก็ยิ่งแย่ เพราะท้องแก่มาก - -* เหนื่อยจังค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่