คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ไม่ต้องรับผิดแล้วครับ
เพราะไฟแนนซ์ได้รับค่าเสียหายไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว
ผมเห็นว่าไฟแนนซ์ไม่อาจเรียกส่วนที่เหลือได้อีกแล้ว (ค่าเสียหาย)
เพราะตามกฎหมาย ปพพ มาตรา 567 ทรัพย์สินที่เช่าสูญหาย สัญญาเช่าระงับ
การเช่าซื้อ คือ สัญญาเช่า + คำมั่นว่าจะขายให้ เมื่อชำระราคาครบถ้วน
ดังนั้นจึงต้องนำกฎหมายว่าด้วยการเช่ามาบังคับใช้ในเรื่องเช่าซื้อด้วย
ข้อเท็จจริงปรากฎว่า รถหาย... สัญญาเช่าซื้อจึงระงับ
ส่งผลให้ไฟแนนซ์ไม่อาจเรียกเงินค่างวดที่เหลือทั้งหมดได้เลย
แต่ถ้าสัญญากำหนดไว้ว่า หากรถหายเรายังต้องรับผิดค่าเสียหายอยู่จนครบ
ตรงนี้คือการกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้า จึงเป็นเบี้ยปรับ
เมื่อเบี้ยปรับสูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจลดลงได้
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อปรากฎว่าไฟแนนซ์ได้เข้าเป็นผู้รับประโยชน์จากประกันวินาศภัยทั้งหมดแล้ว
เงินในส่วนนี้จึงถือได้ว่าเป้นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายตามสัญญา
เมื่อไฟแนซ์ได้รับไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว
จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเอาจากผู้เช่าซื้ออีกได้................ ยกฟ้อง
เพราะไฟแนนซ์ได้รับค่าเสียหายไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว
ผมเห็นว่าไฟแนนซ์ไม่อาจเรียกส่วนที่เหลือได้อีกแล้ว (ค่าเสียหาย)
เพราะตามกฎหมาย ปพพ มาตรา 567 ทรัพย์สินที่เช่าสูญหาย สัญญาเช่าระงับ
การเช่าซื้อ คือ สัญญาเช่า + คำมั่นว่าจะขายให้ เมื่อชำระราคาครบถ้วน
ดังนั้นจึงต้องนำกฎหมายว่าด้วยการเช่ามาบังคับใช้ในเรื่องเช่าซื้อด้วย
ข้อเท็จจริงปรากฎว่า รถหาย... สัญญาเช่าซื้อจึงระงับ
ส่งผลให้ไฟแนนซ์ไม่อาจเรียกเงินค่างวดที่เหลือทั้งหมดได้เลย
แต่ถ้าสัญญากำหนดไว้ว่า หากรถหายเรายังต้องรับผิดค่าเสียหายอยู่จนครบ
ตรงนี้คือการกำหนดค่าเสียหายล่วงหน้า จึงเป็นเบี้ยปรับ
เมื่อเบี้ยปรับสูงเกินส่วน ศาลมีอำนาจลดลงได้
แต่อย่างไรก็ดี เมื่อปรากฎว่าไฟแนนซ์ได้เข้าเป็นผู้รับประโยชน์จากประกันวินาศภัยทั้งหมดแล้ว
เงินในส่วนนี้จึงถือได้ว่าเป้นส่วนหนึ่งของค่าเสียหายตามสัญญา
เมื่อไฟแนซ์ได้รับไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว
จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเอาจากผู้เช่าซื้ออีกได้................ ยกฟ้อง
แสดงความคิดเห็น
รถมอเตอร์ไซค์ถูกขโมย หลักการคิดค่าส่วนต่างที่ไฟแนนซ์เรียกเก็บ คำนวณจากราคารถหรือค่างวดทั้งหมดที่บวกดอกเบี้ยแล้ว?
คือรถมอไซค์ดิชั้นเพิ่งถูกขโมยไปเมื่อวันที่ 4/8/58 ราคารถ 56,100 ดอกเบี้ย 1.59% เลือกผ่อน 24 งวด ผ่อนไปได้ 5 งวด รถถูกขโมย
คุยกับไฟแนนซ์ แจ้งว่าประกันเคลมประมาณ 44,880
หากบวกเงินที่ผ่อนไป ประมาณ 16,145 + 44,880 = 61,025 แต่ทางไฟแนนซ์ยังแจ้งว่ามีส่วนต่างให้จ่ายอีก 16,470.83 (ซึ่งคิดจากค่างวด 24 งวดแล้วมาหักเงินที่ได้รับออก)
อยากทราบว่าตามความเป็นจริง ควรคิดที่ราคารถ 56,100 แล้วหักเงินผ่อน+ประกันจ่าย แล้วค่อยมาดูว่าไฟแนนซ์ขาดทุนหรือไม่ หรือว่าคิดตามค่างวดที่ไฟแนนซ์บวกดอกเบี้ยแล้วค่ะ
ประเด็นคือ หากคิดที่ราคารถ 56,100 เท่ากับว่าไฟแนนซ์ได้เงินจากการผ่อนค่างวดไปแล้ว 5 งวด = 16,145 และประกันเคลมให้ 80% อีก 44,880 รวมเป็นเงิน 61,025 ซึ่งเกินราคารถแล้ว ซึ่งแสดงว่าไฟแนนซ์ไม่ขาดทุน แต่ยังเรียกเก็บค่าส่วนต่างอีก 16,470.83 ซึ่งคือยอดที่ไฟแนนซ์คำนวณจากค่างวดทั้งหมด 24 งวด+ดอกเบี้ย แล้วมาหักเงินที่ผ่อน+ประกันที่ได้ คือ 77,495.83 กำลังคิดว่ามันไม่ถูกที่จะมาคิดดอกเบี้ยล่วงหน้าอีก 19 งวดที่เหลือ ควรคิดที่ราคารถแล้วหักลบแล้วค่อยมาดูว่าขาดทุนก็เรียกค่าส่วนต่างเพิ่มไป ไม่ขาดทุนทำไมยังเรียกเก็บเพิ่ม เพราะทรัพย์คือรถได้ถูกขโมยไปแล้ว
รบกวนสอบถามว่าตามหลักกฏหมายคิดเช่นนี้ถูกหรือไม่?
ขอบคุณค่ะ