"รักเขาข้างเดียว" VS "ไม่รู้ว่าเราคบกันแบบไหน"

“รักเขาข้างเดียว” VS “ไม่รู้ว่าเราคบกันแบบไหน”
ไม่รู้ว่าแบบไหนทุกข์กว่ากันนะครับ

“รักเขาข้างเดียว” เกิดได้หลายครั้ง ไม่เหมือนกับ
“รักครั้งแรก” ที่เกิดขึ้นได้ครั้งเดียว
และเป็นความทรงจำสุดประทับใจ ที่ไม่มีวันลืม
ถึงแม้จะสมหวังหรือผิดหวังก็ตาม

แต่โดยส่วนใหญ่ รักเขาข้างเดียว เราจะรู้สึก “เป็นสุข”
แค่เพียงได้แอบมอง รับรู้ว่าเค้าทำอะไรอยู่
ไม่จำเป็นต้องให้เขารู้ก็ได้ว่า เราแอบรักเขา
เราอาจจะอยากบอก แต่กลัวสูญเสียความเป็นเพื่อนไป

เหมือนอย่างที่ “ไข่ย้อย” ไม่กล้าบอกรัก “ดากานดา”
ในหนังเรื่อง “เพื่อนสนิท” ไงครับ

แต่บางครั้ง ความรักแบบนี้ ทำให้เราถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
เมื่อไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง
ยิ่งถ้าได้เห็นว่า เขามีแฟน คนรัก ยิ่งมีอาการเศร้า เสียใจ นอยด์
จนอาจเห็น “คุณค่า” ในตัวเองลดลง ทั้งที่มันยังมีอยู่เท่าเดิม

ส่วน “ไม่รู้ว่าเราคบกันแบบไหน” แบบในเพลงฮิตของวง Endorphin
ตามในเนื้อเพลง คือ มีความสุขใจกันสองคน
ถึงแม้คนอื่นจะไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร
แต่ในความเป็นจริง เราจะรับสภาพแบบนั้นได้จริง ๆ แน่หรือครับ

อย่างที่เค้าพูดกันว่า Love me, Love my dog
ถ้ารักเรา ก็ต้องรักคนที่อยู่รอบตัวเรา เพื่อน ญาติสนิท ไปด้วย
ถึงจะไม่คุ้นชิน ก็ควรที่จะ “ฝืน” ตัวเองบ้าง

เรามีความสุขกันอยู่สองคน โดยที่คนอื่นไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ของเรา
แปลว่า ความสัมพันธ์ นั้นมัน “คลุมเครือ”
บอกไม่ได้ว่า ต่างฝ่าย รู้สึกกันแบบไหน

ถึงจะบอกว่า เรารักกันแบบ “ติสท์” เหนือกฎเกณฑ์ คำอธิบาย ต่าง ๆ
แต่มันต้องมีบางเวลา ที่คุณอยากรู้
สถานะ ของคุณเองในความสัมพันธ์ ว่า เรา เป็น “คนพิเศษ”
,คนรักหรือว่าแฟน
มันต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยนะครับ สถานะทั้งสามอันนี้

คนพิเศษ น่าจะหมายถึง คนที่รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ
แต่ยังไม่อยู่ในฐานะแฟน
แฟน คือ กำลังศึกษาดูใจกันอยู่  เริ่มมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย เพราะผ่านช่วงโปรโมชั่นไปแล้ว
คนรัก คือ ศึกษาดูใจกันมาซักพักแล้ว เรียนรู้และยอมรับในข้อดีข้อเสีย
ของอีกฝ่ายมาได้ในระดับหนึ่ง

การคบกันโดยไม่รู้สถานะตัวเองจากอีกฝ่าย
ทำให้เหมือนมี “ช่องว่าง” ขนาดใหญ่วางอยู่ตรงกลางคนสองคน
การ “รัก” โดยไม่บอกคำว่า รัก ออกมา ถึงจะบอกว่า
แสดงออกด้วยการกระทำ แต่การได้ยินจากปากคนรักตัวเอง
ย่อมชื่นใจกว่ามากครับ

(อันนี้ใช้ได้กับทั้ง พ่อแม่พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหายนะคับ
ถ้ายังเขินไม่กล้าบอก ให้รีบบอกทั้ง ๆ ที่ยังมีโอกาสนะครับ
เพราะชีวิตคนเราไม่แน่นอน จะลาจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่
ก็ไม่สามารถบอกได้)

ไม่ว่าจะเป็นความรักในรูปแบบไหน ถ้าเราสามารถมี “สติ”
และมีความสุขเมื่อเห็นเขามีความสุข
เราจะไม่เป็นทุกข์ด้วยความรักอีก

พูดง่ายแต่ทำยากใช่ไหมครับ อันนี้ผมยอมรับว่า
ตัวเองก็ยังไม่สามารถทำได้
และเท่าที่เห็นคนรอบตัว ก็ยังมีอีกมากที่เป็นแบบเดียวกัน

ทุกอย่างต้องมี “ก้าวแรก” ทั้งนั้น
ถ้าเราไม่ลอง เราจะไม่มีทางรู้ว่า
ตัวเรามี “ศักยภาพและความเข้มแข็ง” มากกว่าที่เราเชื่อมากมายนัก

Cr. fanpage/รู้ไว้เพิ่มสุข
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่