กระทู้รีวิวครั้งแรกนะครับ ผิดพลาดอย่างไรขออภัย ณ ที่นี้ครับ
เนื่องในวโรกาสวันครบรอบของผมและแฟน เราจึงตกลงปลงใจกันว่าจะทำอะไรง่ายๆฉลองกันสักอย่าง
กวางน้อยของผมจึงเสนอ "บลูเบอร์รี่ชีสพาย" (เพราะบลูเบอร์รีที่ซื้อมานาน กำลังจะสิ้นอายุขัยลงครับ)
แต่ขอบอกไว้ก่อนครับว่าเป็น บลูเบอร์รี่ชีสพาย แบบ on budget นะครับผม
ตัดส่วนผสม(ที่ผมคิดว่าไม่น่าจำเป็นออก) ทำง่ายๆ กินง่ายๆ สบายกระเป๋า
เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่าครับ บลูเบอร์รี่ชีสพาย ที่ใช้วัตถุดิบน้อย แต่การันตีความอร่อยคับถ้วย : )
เริ่มที่วัตถุดิบหลักครับ
1. แครกเกอร์ ตรา HUB SENG >> ราคา 45 บาท
2. ครีมชีส ตรา Philadelphia >> ราคา 149 บาท
3. เนยจืด ตรา Imperial >> ราคา 76 บาท
4. บลูเบอร์รี่ ตรา Wilderness >> ราคา 145 บาท
5. นมข้นหวาน Carnation >> ราคา 20 บาท
6. มะนาว (เตรียมสัก 2-3 ลูก) >> ราคา 6 บาท
ถ้าเตรียมกันครบแล้วมาดูวิธีทำกันอย่างละเอียดกันเลยครับ
:: Step 1 :: บดแครกเกอร์
ใช่แล้วครับ! บดแครกเกอร์นั่นเอง หลายคนอาจจะบ่นว่า เหนื่อยแน่ๆกว่าจะบดจนละเอียด ใช่ครับเหนื่อยพอดูเหมือนกัน
แต่ให้มองซะว่าเป็นการออกกำลังกายครับ สามารถเปิดเพลง แล้วใช้ช่วงล่างเต้นดุ้กดิ้กๆตามไปครับ แต่มืออย่าลืมบดไปด้วยนะครับ
เดี๋ยวไม่เสร็จแล้วคนข้างๆจะหงุดหงิดเอานะครับ ส่วนความละเอียดขึ้นอยู่กับความชอบเลยครับ (ของผมชอบแบบไม่ละเอียดมากครับ)
ทั้งหมดนี้ผมใช้แครกเกอร์ประมาณ 2 แถวจาก 3 แถว นะครับ
::Step 2 :: ละลายเนย
หั่นเนยออกเป็นก้อนๆ เวลาใส่ไมโครเวฟจะได้ละลายง่ายๆครับ
ใช้ความร้อนปานกลาง ตั้งเวลาสัก 1 นาที ก็พอครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อ้อ!อย่าลืมหาฝาครอบนะครับ เพราะเนยอาจจะระเบิด จนเลอะไมโครเวฟได้
พอเนยละลายหมดแล้ว ก็ใช้ช้อนคนๆๆๆๆๆให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
:: Step 3 :: คลุกเนยเข้ากับแครกเกอร์
เทเนยลงไป แล้วคลุกเคล้าเนยกับแครกเกอร์ให้เข้ากัน อย่าให้แครกเกอร์แห้งไปหรือแฉะไปนะครับ
พอคลุกจนเข้ากันดีแล้ว จะได้ประมาณนี้ครับ
ประหนึ่งว่าเหมือน กองทรายชุ่มน้ำครับ (สำบัดสำนวนซะเหลือเกินผมนี่)
:: Step 4 :: อัดแครกเกอร์ลงภาชนะ
จากนั้นหยิบถาดฟรอยที่เตรียมไว้ได้เลยครับ หรือถ้าหากกินอยู่ที่บ้านจะหาจานหรือทัพเพอร์แวร์มาใส่แทนก็ยังได้ครับ
และบรรจงนำแครกเกอร์คลุกเนยที่ได้ ใส่ลงไปในถาดให้ได้ปริมาณที่ต้องการครับ อยากได้ชั้นหนาขนาดไหนก็จัดไปครับ
อย่าลืมที่จะอัดให้แน่นด้วยนะครับ เวลาตักกินจะได้ไม่ร่วนครับ และหากใช้ถาดฟรอยด์อย่าออกแรงเยอะเกินไปนะครับ
สังเกตุว่าจะมีบางถ้วยมันเบี้ยวๆ ใช่ครับ ผมเป็นคนใส่ทั้งหมด ส่วนถ้วยที่สวยๆ ฝีมือกวางน้อยผมทั้งนั้นครับ
:: Step 5 :: แช่ "พาย" ในตู้เย็น
นำพายทีได้ไปแช่ช่อง Freeze หรือ ใต้ข่อง Freeze ครับ
ฮูเล่! เพียงเท่านี้ถือว่าเราลุล่วงไปกว่าครึ่งทางแล้วครับ เพราะเราได้ทำส่วนของ "พาย" เสร็จสิ้นแล้ว (ปรบมือให้ตัวเอง แปะๆๆๆๆ)
:: Step 6 :: หั่นครีมชีส
และแล้วก็ได้เวลาของครีมชีสตัวเอกของงานแล้วครับ โดยส่วนตัวชอบกินครีมชีสมากอยู่แล้ว
ดังนั้นแค่ได้กลิ่นน้ำลายก็สอแล้วครับ ทันใดนั้นระหว่างที่ผมยืนมโนถึง Cream cheese กับ Bagel ร้อนๆนั้น
ผมก็ได้ยินอะไรสักอย่างค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ ใช่แล้วครับ! ไม่ผิดแน่! เสียงด่าของกวางน้อยนั่นเองครับ
“โอ้ยยยยย..เล่นอยู่ได้ เมื่อไหร่จะเสร็จ”
เอาล่ะครับ เรากลับมาสนใจที่บลูเบอร์รี่ชีทพายกันต่อดีกว่า จัดแจงแกะห่อปุ๊ปก็หั่นๆให้เป็นก้อนๆครับ เพื่อเวลาที่เราตีจะได้ง่ายขึ้นครับ
ถ้าใครมีเครื่องแนะนำให้ใช้เครื่องตีนะครับ เพราะถ้าใช้มือมันจะหนักหนากว่าการบดแครกเกอร์ไปอีก 10 ระดับครับ
:: Step 7 :: ตีและปรุงครีมชีส
พอตีครีมชีส จนเนื้อครีมเริ่มเนียนแล้ว ก็มาเริ่มปรุงรสโดยการ...
- เติมนมข้น ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง
- เติมน้ำมะนาว ประมาณ 1.5 ช้อนโต๊ะ (หรือปรับระดับความเปรี้ยวตามความชอบเลยครับ)
ซึ่งเครื่องปรุงทั้ง 2 อย่างนี้ พอใส่ลงไปแล้วจะช่วยให้ตีครีมชีสได้ง่ายขึ้นครับ
แล้วก็ละเลงตีต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ... จนกว่าเนื้อครีมจะเนียนขาวสวยน่ากินครับ
...
..
.
เป็นอย่างไรบ้างครับข้อมือของทุกท่านระบมกันไปตามๆกันมั้ยครับ ?
ถึงในความจริงเราไม่ระบมมากครับ ให้เราแกล้งทำเป็นล้าสุดๆครับ คนข้างๆเค้าจะมาเอาใจเองครับ
ของผมนี่รีบถามเลยว่า “เมื่อยมั้ย ถ้าไม่ มาตีอีกนิดสิ มันยังไม่เนียนเลย!!!”
ถึงตรงนี้ก็รู้แล้วนะครับว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับ
:: Step 8 :: ปาดครีมชีส โรยหน้าด้วยบลูเบอร์รี่
พอตีครีมชีสเสร็จได้สมใจกวางน้อยแล้ว ไม่รอช้าครับ รีบหยิบแครกเกอร์ที่น่าจะแข็งได้ที่
มาละเลงครีมชีสด้านบน ตามด้วยเปิดกระป๋องบลูเบอร์รี่ แล้วละเลงไว้ด้านบนครีมอีกทีเลยครับ
อยากใส่เยอะใส่น้อยแค่ไหน เลือกเองได้เลยครับ ... จะได้ประมาณนี้คร้าบบบบ
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายครับ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือ แช่ตู้เย็นครับ
คือถ้าใครทำเสร็จแต่เก็บไว้ในตู้กับข้าวนี่บอกทำเดียวนะครับ เสีย!
แช่ตู้เย็นนะครับ ส่วนตัวเลือกแต่ช่อง Freeze ครับ แต่จริงๆ แค่ช่องใต้ Freeze ก็ได้แล้วนะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ ขั้นตอนไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ การทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย สามารถทำคนเดียวหรือทำเป็นหมู่คณะก็ได้ครับ
ขนม Homemade ไม่ได้อร่อยแค่รสชาตินะครับ กิจกรรมเหล่านี้ยังสามารถยกระดับความสัมพันธ์ของคู่รัก เพื่อน หรือคนในครอบครัวของเราได้อีกด้วยครับ
รอช้ากันอยู่ทำไมครับ วางมือถือลงและทำขนมกันเถอะครับ : )
กระผม "ปีโป้รสเฉาก๊วย" ขอจบความผอมแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ
[CR] ♡อวสานความผอม♡ : บลูเบอร์รีชีสพาย... สูตร ใช้เครื่องน้อย แต่อร่อยครบ
กระทู้รีวิวครั้งแรกนะครับ ผิดพลาดอย่างไรขออภัย ณ ที่นี้ครับ
เนื่องในวโรกาสวันครบรอบของผมและแฟน เราจึงตกลงปลงใจกันว่าจะทำอะไรง่ายๆฉลองกันสักอย่าง
กวางน้อยของผมจึงเสนอ "บลูเบอร์รี่ชีสพาย" (เพราะบลูเบอร์รีที่ซื้อมานาน กำลังจะสิ้นอายุขัยลงครับ)
แต่ขอบอกไว้ก่อนครับว่าเป็น บลูเบอร์รี่ชีสพาย แบบ on budget นะครับผม
ตัดส่วนผสม(ที่ผมคิดว่าไม่น่าจำเป็นออก) ทำง่ายๆ กินง่ายๆ สบายกระเป๋า
เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่าครับ บลูเบอร์รี่ชีสพาย ที่ใช้วัตถุดิบน้อย แต่การันตีความอร่อยคับถ้วย : )
เริ่มที่วัตถุดิบหลักครับ
1. แครกเกอร์ ตรา HUB SENG >> ราคา 45 บาท
2. ครีมชีส ตรา Philadelphia >> ราคา 149 บาท
3. เนยจืด ตรา Imperial >> ราคา 76 บาท
4. บลูเบอร์รี่ ตรา Wilderness >> ราคา 145 บาท
5. นมข้นหวาน Carnation >> ราคา 20 บาท
6. มะนาว (เตรียมสัก 2-3 ลูก) >> ราคา 6 บาท
ถ้าเตรียมกันครบแล้วมาดูวิธีทำกันอย่างละเอียดกันเลยครับ
:: Step 1 :: บดแครกเกอร์
ใช่แล้วครับ! บดแครกเกอร์นั่นเอง หลายคนอาจจะบ่นว่า เหนื่อยแน่ๆกว่าจะบดจนละเอียด ใช่ครับเหนื่อยพอดูเหมือนกัน
แต่ให้มองซะว่าเป็นการออกกำลังกายครับ สามารถเปิดเพลง แล้วใช้ช่วงล่างเต้นดุ้กดิ้กๆตามไปครับ แต่มืออย่าลืมบดไปด้วยนะครับ
เดี๋ยวไม่เสร็จแล้วคนข้างๆจะหงุดหงิดเอานะครับ ส่วนความละเอียดขึ้นอยู่กับความชอบเลยครับ (ของผมชอบแบบไม่ละเอียดมากครับ)
ทั้งหมดนี้ผมใช้แครกเกอร์ประมาณ 2 แถวจาก 3 แถว นะครับ
::Step 2 :: ละลายเนย
หั่นเนยออกเป็นก้อนๆ เวลาใส่ไมโครเวฟจะได้ละลายง่ายๆครับ
ใช้ความร้อนปานกลาง ตั้งเวลาสัก 1 นาที ก็พอครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอเนยละลายหมดแล้ว ก็ใช้ช้อนคนๆๆๆๆๆให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน
:: Step 3 :: คลุกเนยเข้ากับแครกเกอร์
เทเนยลงไป แล้วคลุกเคล้าเนยกับแครกเกอร์ให้เข้ากัน อย่าให้แครกเกอร์แห้งไปหรือแฉะไปนะครับ
พอคลุกจนเข้ากันดีแล้ว จะได้ประมาณนี้ครับ
ประหนึ่งว่าเหมือน กองทรายชุ่มน้ำครับ (สำบัดสำนวนซะเหลือเกินผมนี่)
:: Step 4 :: อัดแครกเกอร์ลงภาชนะ
จากนั้นหยิบถาดฟรอยที่เตรียมไว้ได้เลยครับ หรือถ้าหากกินอยู่ที่บ้านจะหาจานหรือทัพเพอร์แวร์มาใส่แทนก็ยังได้ครับ
และบรรจงนำแครกเกอร์คลุกเนยที่ได้ ใส่ลงไปในถาดให้ได้ปริมาณที่ต้องการครับ อยากได้ชั้นหนาขนาดไหนก็จัดไปครับ
อย่าลืมที่จะอัดให้แน่นด้วยนะครับ เวลาตักกินจะได้ไม่ร่วนครับ และหากใช้ถาดฟรอยด์อย่าออกแรงเยอะเกินไปนะครับ
สังเกตุว่าจะมีบางถ้วยมันเบี้ยวๆ ใช่ครับ ผมเป็นคนใส่ทั้งหมด ส่วนถ้วยที่สวยๆ ฝีมือกวางน้อยผมทั้งนั้นครับ
:: Step 5 :: แช่ "พาย" ในตู้เย็น
นำพายทีได้ไปแช่ช่อง Freeze หรือ ใต้ข่อง Freeze ครับ
ฮูเล่! เพียงเท่านี้ถือว่าเราลุล่วงไปกว่าครึ่งทางแล้วครับ เพราะเราได้ทำส่วนของ "พาย" เสร็จสิ้นแล้ว (ปรบมือให้ตัวเอง แปะๆๆๆๆ)
:: Step 6 :: หั่นครีมชีส
และแล้วก็ได้เวลาของครีมชีสตัวเอกของงานแล้วครับ โดยส่วนตัวชอบกินครีมชีสมากอยู่แล้ว
ดังนั้นแค่ได้กลิ่นน้ำลายก็สอแล้วครับ ทันใดนั้นระหว่างที่ผมยืนมโนถึง Cream cheese กับ Bagel ร้อนๆนั้น
ผมก็ได้ยินอะไรสักอย่างค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ ใช่แล้วครับ! ไม่ผิดแน่! เสียงด่าของกวางน้อยนั่นเองครับ
“โอ้ยยยยย..เล่นอยู่ได้ เมื่อไหร่จะเสร็จ”
เอาล่ะครับ เรากลับมาสนใจที่บลูเบอร์รี่ชีทพายกันต่อดีกว่า จัดแจงแกะห่อปุ๊ปก็หั่นๆให้เป็นก้อนๆครับ เพื่อเวลาที่เราตีจะได้ง่ายขึ้นครับ
ถ้าใครมีเครื่องแนะนำให้ใช้เครื่องตีนะครับ เพราะถ้าใช้มือมันจะหนักหนากว่าการบดแครกเกอร์ไปอีก 10 ระดับครับ
:: Step 7 :: ตีและปรุงครีมชีส
พอตีครีมชีส จนเนื้อครีมเริ่มเนียนแล้ว ก็มาเริ่มปรุงรสโดยการ...
- เติมนมข้น ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง
- เติมน้ำมะนาว ประมาณ 1.5 ช้อนโต๊ะ (หรือปรับระดับความเปรี้ยวตามความชอบเลยครับ)
ซึ่งเครื่องปรุงทั้ง 2 อย่างนี้ พอใส่ลงไปแล้วจะช่วยให้ตีครีมชีสได้ง่ายขึ้นครับ
แล้วก็ละเลงตีต่อไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ ... จนกว่าเนื้อครีมจะเนียนขาวสวยน่ากินครับ
...
..
.
เป็นอย่างไรบ้างครับข้อมือของทุกท่านระบมกันไปตามๆกันมั้ยครับ ?
ถึงในความจริงเราไม่ระบมมากครับ ให้เราแกล้งทำเป็นล้าสุดๆครับ คนข้างๆเค้าจะมาเอาใจเองครับ
ของผมนี่รีบถามเลยว่า “เมื่อยมั้ย ถ้าไม่ มาตีอีกนิดสิ มันยังไม่เนียนเลย!!!”
ถึงตรงนี้ก็รู้แล้วนะครับว่าใครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดครับ
:: Step 8 :: ปาดครีมชีส โรยหน้าด้วยบลูเบอร์รี่
พอตีครีมชีสเสร็จได้สมใจกวางน้อยแล้ว ไม่รอช้าครับ รีบหยิบแครกเกอร์ที่น่าจะแข็งได้ที่
มาละเลงครีมชีสด้านบน ตามด้วยเปิดกระป๋องบลูเบอร์รี่ แล้วละเลงไว้ด้านบนครีมอีกทีเลยครับ
อยากใส่เยอะใส่น้อยแค่ไหน เลือกเองได้เลยครับ ... จะได้ประมาณนี้คร้าบบบบ
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายครับ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือ แช่ตู้เย็นครับ
คือถ้าใครทำเสร็จแต่เก็บไว้ในตู้กับข้าวนี่บอกทำเดียวนะครับ เสีย!
แช่ตู้เย็นนะครับ ส่วนตัวเลือกแต่ช่อง Freeze ครับ แต่จริงๆ แค่ช่องใต้ Freeze ก็ได้แล้วนะครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ ขั้นตอนไม่ยากเลยใช่มั้ยครับ การทำบลูเบอร์รี่ชีสพาย สามารถทำคนเดียวหรือทำเป็นหมู่คณะก็ได้ครับ
ขนม Homemade ไม่ได้อร่อยแค่รสชาตินะครับ กิจกรรมเหล่านี้ยังสามารถยกระดับความสัมพันธ์ของคู่รัก เพื่อน หรือคนในครอบครัวของเราได้อีกด้วยครับ
รอช้ากันอยู่ทำไมครับ วางมือถือลงและทำขนมกันเถอะครับ : )