จากวันหยุดยาว 29 กค-3 สค 2558 นี้เราและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวเกาะหลีเป๊ะกันครั้งแรก
เดินทางจากภูเก็ต กะจะไปเที่ยวตรังลงเรือไปเกาะแต่ถึงสถานที่แล้วยังรู้สึกสุดไม่พอจึงเดินทางต่อไปหลีเป๊ะแล้วกัน
ด้วยการเดินทางด้วยรถกว่า 7 ชม พร้อมเด็กๆ งานนี้แม่อย่างดิฉันก็เรียกได้ว่ากาแฟสองช็อตจึงเอาอยู่
และเดินทางถึงปากบาราราวๆบ่าย 5 โมง ได้แวะดูลาดเลาที่ท่าเรือและเข้าห้องน้ำพร้อมลูกๆ กลับออกมามาแต่ตัว หัวใจโบกโบยบินถึงเกาะหลีเป๊ะ
ได้ทิ้งกระเป๋าข้างในมีกล้อง กระเป๋าตังค์ และพาสปอร์ตของสามี เล่าแล้วก็น่าสะพรึงกลัวนะคะ นานกว่า 3 ชม ถึงที่พักเผื่อจะนึกได้ ความรู้สึกตอนนั้นยากเกินจะบรรยายด้วยความหดหู่และทุกข์ใจ รีบบึ่งรถกลับมาที่ห้องน้ำของท่าเรือ ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำโดยมีไฟเปิดสลัวด้านโถงตรงกลาง ห้องน้ำปิดล็อกแล้ว
แงๆแงๆ ตอนนั้นไฟในใจเรียกว่ามืดสลัว
และแล้วก็เหลือบไปเห็นโน๊ตบอกชื่อ นามสกุล ให้ไปรับตามหมายเลขโทรศัพท์.... เบื้องบนสวรรค์เมตตาแล้วสารแห่งความสุขแผ่ซ่าน ขนลุกจากหัวจรดตรีน
ขอกราบขอบพระคุณ ท่านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ท่านปณพล ชีวะเสรีชล และเจ้าหน้าที่อุทยาน คุณอิมรอน (ขออภัยที่ไม่ทราบนามสกุลค่ะ) ที่เป็นธุระเก็บกระเป๋าและช่องทางการติดต่อไว้ให้จนดึกดื่น 2ทุ่มกว่า ขอกราบขอบพระคุณ คู่สามีภรรยาที่เข้าห้องน้ำไล่หลังพวกเราและเป็นผู้มีน้ำใจเก็บกระเป๋าและส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ค่ะ ภาพเหตการณ์เดินเข้าไปข้างในของพวกคุณยังอยู่ในหัวดิฉัน ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครหากได้อ่านและเป็นผู้เก็บกระเป๋าไว้ให้โปรดแจ้งเบาะแสด้วยนะคะ หรือหากไม่มีโอกาสได้เจอก็ขอให้พวกคุณมีความสุข ได้รับพลังไปจากดิฉันและครอบครัวไปเป็นร้อยๆพันๆเท่าด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้พวกเราและครอบครัวก็ได้ใช้เวลาตลอดการท่องเที่ยวด้วยความประทับใจในความสวยงาม ธรรมชาติ ของเกาะหลีเป๊ะ การดำน้ำตื้นที่สวยสด และการต้อนรับ รอยยิ้มและการช่วยเหลือของผู้คนในพื้นที่และเหล่านักท่องเที่ยวด้วยกัน และที่ประทับใจที่สุดคือความมีน้าใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
"จิตใจของพวกคุณสวยสดใสเหมือนน้ำทะเลเกาะหลีเป๊ะค่ะ "
มีรูปสวยๆธรรมชาติที่รอคุณๆอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาค่ะ
ลืมกระเป๋าแล้วได้รับคืน ณ ท่าเรือท่องเที่ยวปากบารา สู่เกาะหลีเป๊ะ
เดินทางจากภูเก็ต กะจะไปเที่ยวตรังลงเรือไปเกาะแต่ถึงสถานที่แล้วยังรู้สึกสุดไม่พอจึงเดินทางต่อไปหลีเป๊ะแล้วกัน
ด้วยการเดินทางด้วยรถกว่า 7 ชม พร้อมเด็กๆ งานนี้แม่อย่างดิฉันก็เรียกได้ว่ากาแฟสองช็อตจึงเอาอยู่
และเดินทางถึงปากบาราราวๆบ่าย 5 โมง ได้แวะดูลาดเลาที่ท่าเรือและเข้าห้องน้ำพร้อมลูกๆ กลับออกมามาแต่ตัว หัวใจโบกโบยบินถึงเกาะหลีเป๊ะ
ได้ทิ้งกระเป๋าข้างในมีกล้อง กระเป๋าตังค์ และพาสปอร์ตของสามี เล่าแล้วก็น่าสะพรึงกลัวนะคะ นานกว่า 3 ชม ถึงที่พักเผื่อจะนึกได้ ความรู้สึกตอนนั้นยากเกินจะบรรยายด้วยความหดหู่และทุกข์ใจ รีบบึ่งรถกลับมาที่ห้องน้ำของท่าเรือ ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำโดยมีไฟเปิดสลัวด้านโถงตรงกลาง ห้องน้ำปิดล็อกแล้ว
แงๆแงๆ ตอนนั้นไฟในใจเรียกว่ามืดสลัว
และแล้วก็เหลือบไปเห็นโน๊ตบอกชื่อ นามสกุล ให้ไปรับตามหมายเลขโทรศัพท์.... เบื้องบนสวรรค์เมตตาแล้วสารแห่งความสุขแผ่ซ่าน ขนลุกจากหัวจรดตรีน
ขอกราบขอบพระคุณ ท่านหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ท่านปณพล ชีวะเสรีชล และเจ้าหน้าที่อุทยาน คุณอิมรอน (ขออภัยที่ไม่ทราบนามสกุลค่ะ) ที่เป็นธุระเก็บกระเป๋าและช่องทางการติดต่อไว้ให้จนดึกดื่น 2ทุ่มกว่า ขอกราบขอบพระคุณ คู่สามีภรรยาที่เข้าห้องน้ำไล่หลังพวกเราและเป็นผู้มีน้ำใจเก็บกระเป๋าและส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ค่ะ ภาพเหตการณ์เดินเข้าไปข้างในของพวกคุณยังอยู่ในหัวดิฉัน ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นใครหากได้อ่านและเป็นผู้เก็บกระเป๋าไว้ให้โปรดแจ้งเบาะแสด้วยนะคะ หรือหากไม่มีโอกาสได้เจอก็ขอให้พวกคุณมีความสุข ได้รับพลังไปจากดิฉันและครอบครัวไปเป็นร้อยๆพันๆเท่าด้วยค่ะ
สุดท้ายนี้พวกเราและครอบครัวก็ได้ใช้เวลาตลอดการท่องเที่ยวด้วยความประทับใจในความสวยงาม ธรรมชาติ ของเกาะหลีเป๊ะ การดำน้ำตื้นที่สวยสด และการต้อนรับ รอยยิ้มและการช่วยเหลือของผู้คนในพื้นที่และเหล่านักท่องเที่ยวด้วยกัน และที่ประทับใจที่สุดคือความมีน้าใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
"จิตใจของพวกคุณสวยสดใสเหมือนน้ำทะเลเกาะหลีเป๊ะค่ะ "
มีรูปสวยๆธรรมชาติที่รอคุณๆอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาค่ะ