ตอนที่ 3
สุดแสนเสน่หา
ณ กาลปัจจุบัน รุ่งเช้าของวันใหม่มาเยือน สภาพภายในคุ้มคำหยาดฟ้าดูพลุกพล่าน บ่าวชายหญิงหลายคนเช็ดถูปัดกวาดทั้งข้างล่างข้างบนและลานหน้าเรือนหลวงเสมือนกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่องานพิธีอะไรบางอย่าง สองหนุ่มสาวตื่นขึ้นจากเสียงผู้คนวุ่นวายสับสนด้านนอก คนทั้งคู่รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วจึงชวนกันมาร่ำลาเจ้าของคุ้มคำหยาดฟ้าที่ด้านหน้าเรือน
เจ้าหญิงไทเขินงดงามอยู่ในชุดเสื้อป้ายสีเขียวยอดตองอ่อน ผ้าซิ่นสีดำประดับดิ้นเงินดิ้นทองขับให้เสื้อป้ายสีสดยิ่งสวยเด่น ผมที่เคยเกล้ามวยไว้กลางศีรษะเปลี่ยนมาเป็นมวยผมเอียงข้างขวาดูงามแปลกตา ไม่ลืมประดับดอกพุดซ้อนสีขาวกระจ่างตาดอกใหญ่เอาไว้เช่นเคย ประมุขสาวของคุ้มโบราณกำลังยืนบัญชาการบ่าวรับใช้ให้ทำงานง่วนอยู่ พอเห็นอาคันตุกะทั้งสองเดินเข้ามาหาแววยินดีก็เต้นระยิบอยู่ในหน่วยตางาม เจ้านางสาวเผยยิ้มอ่อนหวานแช่มช้อยต้อนรับสองหนุ่มสาว ก่อนที่ใบหน้างามนั้นกลับซีดเผือดลง เมื่อคนทั้งคู่กล่าวคำอำลา
“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะคะ พวกคุณน่าจะได้เข้าไปเยี่ยมชมงานหัตถกรรมฝีมือชาวบ้านในหมู่บ้านด้วย ดิฉันกำลังจะให้หนานอินเฟือนพาพวกคุณไปชมอยู่ทีเดียว”เจ้านางคนงามพยายามหว่านล้อมชักชวนให้อยู่ต่อ หลังทราบความประสงค์ของคนทั้งคู่ว่าต้องการจะออกเดินทางจากคุ้มไปในเช้าวันนี้ ท่าทีของหญิงสาวแสดงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับแขกหนุ่มรูปหล่อ เจ้าของคุ้มคนสวยส่งสายตาวิงวอนไปทางบุรุษยอดรักขณะเอ่ยชวน
แสนเอยแสนน้อยใจ...เจ้าพี่อย่าพึ่งทิ้งน้องไป...เจ้าหญิงไทเขินคร่ำครวญอยู่ในอกอันหมองไหม้...น้องรอเจ้าพี่มานานนักหนา...อยู่ให้น้องได้ชมพระพักตร์จนสมอุราก่อนเถิด...
หญิงสูงศักดิ์ผู้อาภัพรักทุกข์เทวษท่วมท้นดวงหทัยจนปิดไม่มิด
นพคุณไม่รู้เลยว่าตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้านางคำหยาดฟ้าไม่ยอมหลับนอน หญิงสาวเอาแต่ฝึกพูดทักทายกับชายเดียวในดวงใจที่เธอเฝ้ารอคอยมานานแสนนานอยู่หน้ากระจกเงา เธอซ้อมทำผมแต่งหน้าให้ดูสวยเด่นสะดุดตาที่สุด แต่งเสร็จก็เอียงคอชม้ายมองกระจกพลางคลี่ยิ้มอย่างเอมอิ่ม
...พรุ่งนี้เจ้าพี่จะต้องตกตะลึงในความงามที่มิเคยเสื่อมคลาย...
เสร็จแล้วก็ลงมือเลือกชุดที่จะใส่พรุ่งนี้อยู่เป็นนานสองนาน สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกชุดพื้นเมืองสียอดตองอ่อน สีโปรดของเจ้าพี่พรหมภูมินทร์ในอดีต
ประมุขหญิงของคุ้มสั่งกิ่งแก้วให้จัดอาหารพื้นเมืองที่เคยโปรดขึ้นโต๊ะอาหารทุกมื้อ บนเรือนหลวงก็สั่งบ่าวให้เปลี่ยนดอกไม้ในแจกันทุกใบเป็นดอกกล้วยไม้นานาชนิดอย่างที่เขาชอบ แม้ในห้องน้ำยังให้มีพานเล็ก ๆ ใส่ดอกเก็ดถะหวาวางไว้หน้าอ่างล้างมือเป็นจุด ๆ สิ่งใดหากสามารถทำให้ชายที่เฝ้ารอฟื้นความทรงจำอดีตชาติได้เธอทำสิ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ค่ำคืนที่จะถึง เธอสั่งบ่าวให้เตรียมจุดประทีปโคมไฟเพื่อสร้างบรรยากาศสวยงามระยิบระยับด้วยแสงประทีป ดังเช่นหอหลวงยามมีงานเฉลิมฉลองเมื่อครั้งอดีต เจ้านางสาวไม่ยอมเอนกายลงนอน ร่างงามนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง รอให้ถึงรุ่งเช้าด้วยใจสั่นไหวจนสว่างคาตา ช่างน่าเสียดาย...หากชายอันเป็นที่รักจะด่วนกลับไปเสียก่อน โดยไม่ทันรำลึกเรื่องราวอันใด
“เรามีนัดกับเพื่อน ๆ อีกที่หมายหนึ่งค่ะเลยจำเป็นต้องรีบไป เสียดายจริง ๆ ไว้เป็นโอกาสหน้านะคะเจ้า ดิฉันกับนพคุณจะมาขอรบกวนเจ้าอีกแน่นอนค่ะ” พวงชมพูอธิบาย น้ำเสียงบอกความเสียดายจากใจจริง
“อีกอย่างเราเกรงใจเจ้าครับ เจ้าใจดีกับพวกเราเหลือเกิน”นพคุณพูดเสริมเพื่อนหญิงซื่อ ๆ ตามนิสัย ชายหนุ่มเหลียวมองดูคนรับใช้ชายหญิงที่กำลังขะมักเขม้นขนย้ายสิ่งของและตกแต่งประดับประดารอบบริเวณคุ้มอย่างแปลกใจ อดถามไม่ได้ว่า
“ที่คุ้มกำลังจะมีงานอะไรหรือเปล่าครับ”
เจ้านางสาวถึงกับสะอึกอึ้ง จุกแน่นในหัวอกเมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม เธอกระพริบตาติด ๆ กันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ส่งแววตาตัดพ้อมาหาชายในดวงใจขณะตอบคำถาม
“งานรำลึกอดีต ย้อนรอยคุ้มคำหยาดฟ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานใสสั่นเครือ ริมฝีปากงามก็สั่นระริก...ความอาดูรทั่งท้นเหลือคณาแล้วเจ้าพี่... แต่ทว่า ชายหนุ่มกลับคิดไปเสียอีกทาง เขาคิดว่า เจ้านางไทใหญ่กำลังสะเทือนใจในเรื่องราวของบรรพบุรุษเมื่อครั้งอดีต พวงชมพูเองก็คิดแบบเดียวกัน หนุ่มสาวทั้งคู่ผงกศีรษะอย่างเข้าใจ พลอยเศร้าซึมหม่นหมองไปด้วย
“เสียดายที่ไม่สามารถอยู่ร่วมงานได้ งานนี้คงมีจัดอยู่เรื่อย ๆ นะคะ ไว้โอกาสหน้าขอความกรุณาเจ้าช่วยแจ้งให้พวกเราทราบด้วย จะไม่ยอมพลาดอีกเลยค่ะ”
ครูสาวบอกอย่างเสียดายอีกครั้ง หญิงงามตรงหน้ามีน้ำใส ๆ เอ่อคลอเบ้า เธอพยักหน้าน้อย ๆ ให้อาคันตุกะหญิงก่อนหันไปทางหนุ่มหล่อชาวกรุง สายตาปวดร้าวจ้องมองใบหน้าคมสันก่อนครางออกมาเหมือนละเมอ
“เจ้าพี่จะทิ้งน้องไปอีกแล้วจริง ๆ” เป็นอีกครั้งที่สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เอ้อ คุณนพคุณเหมือนคนที่ฉันรู้จักคนหนึ่งมาก เห็นคุณแล้วฉันอดนึกถึงเขาไม่ได้น่ะค่ะ” เจ้านางไทเขินรู้สึกตัวรีบอธิบาย
“เขาไม่อยู่แล้วใช่ไหมคะ” พวงชมพูพอจะเดาเรื่องออก เธอถามอย่างเห็นใจเจ้านางคนสวย ครูสาวค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเพื่อนชายของตัวเองคงมีหน้าตาคล้ายคลึงกับชายคนรักของเจ้าหญิงไทใหญ่ผู้นี้จริง ๆ ถ้าคนรักของเจ้านางอาศัยอยู่ในประเทศพม่า ทั้งคู่ก็คงพลัดพรากจากกันเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนั้น หรืออาจจะเป็นด้วยสาเหตุความแตกต่างทางชนชั้นก็ได้ สาวชาวกรุงไม่ทราบว่าคนรักของเจ้านางจากเป็นหรือจากตาย แต่จะจากกันด้วยสาเหตุใดก็ตาม การพลัดพรากกับคนรักย่อมนำความทุกข์ทรมานใจมาให้ทั้งสิ้น
“ค่ะ เขาจากฉันไปนานแล้ว นานเหลือเกิน แต่ฉันยังคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ”
น้ำเสียงหวานใสของเจ้านางคนงามสั่นเครือเจือเสียงสะอื้น คราใดที่สบตากับอาคันตุกะหนุ่ม แววอาลัยในดวงตาเธอยิ่งปรากฏชัด
แต่นพคุณกลับเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจในท่าทีของหญิงเจ้าของคุ้มอย่างบอกไม่ถูก ช่างน่าแปลกที่ยิ่งได้ใกล้ชิดพูดคุยกัน ความรู้สึกตื่นตะลึงและทึ่งในความสวยหยดย้อยที่มีต่อเจ้าหญิงแสนสวยผู้นี้ของตนกลับเริ่มเปลี่ยนไป มันกลายเป็นความรู้สึกฉงนสนเท่ห์เข้ามาแทนที่ เขาไม่ปฏิเสธว่าเธองามล้ำ งามยิ่งกว่าหญิงสาวทุกคนที่เคยเจอ แต่ความงามของเธอมันดูลุ่มลึก แฝงความเยือกเย็นประหลาดจนเหมือนไม่สามารถหยั่งถึง บางครั้งเธอก็ดูสวยเศร้าจนอยากเข้าไปปลอบโยน แต่บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกว่า เจ้าหญิงผู้นี้มีความงามอันลึกลับน่าหวั่นเกรง
ช่างแตกต่างกับผู้หญิงอีกคนข้างกาย ชายหนุ่มนึกเปรียบเทียบ ยายแม่มดตัวกระจิดริดน่ารักน่าชังของเขา ครูสาวแสนซน มาดมั่นและเปิดเผย ทั้งอ่อนแอขี้โรค ทั้งขาวีน ต้องคอยตามเอาใจสารพัด แต่ยามใดที่ดวงตากลมโตสุกใสราวดวงดาวในคืนเดือนมืดเหลียวมองหา นพคุณรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดึงดูดเขาให้เข้าใกล้และไม่อยากห่างเธอไปไหน เฝ้าแต่คอยกระเซ้าเย้าแหย่ให้แม่มดตัวน้อยของเขาเง้างอน อีกสักครู่เธอก็หัวเราะร่า พวงชมพูสดชื่นแจ่มใสและอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ในตอนเช้ายามฤดูเหมันต์ แต่อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มประสานสายตากับเจ้านางคำหยาดฟ้าด้วยท่าทีเห็นใจ เขาก้มศีรษะน้อย ๆ ให้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซื่อ ๆ
“ผมเสียใจด้วยครับเจ้า”
(มีต่อ)
สาปเสน่หาตอนที่ 3 by ล. วิลิศมาหรา
ณ กาลปัจจุบัน รุ่งเช้าของวันใหม่มาเยือน สภาพภายในคุ้มคำหยาดฟ้าดูพลุกพล่าน บ่าวชายหญิงหลายคนเช็ดถูปัดกวาดทั้งข้างล่างข้างบนและลานหน้าเรือนหลวงเสมือนกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่องานพิธีอะไรบางอย่าง สองหนุ่มสาวตื่นขึ้นจากเสียงผู้คนวุ่นวายสับสนด้านนอก คนทั้งคู่รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว เสร็จแล้วจึงชวนกันมาร่ำลาเจ้าของคุ้มคำหยาดฟ้าที่ด้านหน้าเรือน
เจ้าหญิงไทเขินงดงามอยู่ในชุดเสื้อป้ายสีเขียวยอดตองอ่อน ผ้าซิ่นสีดำประดับดิ้นเงินดิ้นทองขับให้เสื้อป้ายสีสดยิ่งสวยเด่น ผมที่เคยเกล้ามวยไว้กลางศีรษะเปลี่ยนมาเป็นมวยผมเอียงข้างขวาดูงามแปลกตา ไม่ลืมประดับดอกพุดซ้อนสีขาวกระจ่างตาดอกใหญ่เอาไว้เช่นเคย ประมุขสาวของคุ้มโบราณกำลังยืนบัญชาการบ่าวรับใช้ให้ทำงานง่วนอยู่ พอเห็นอาคันตุกะทั้งสองเดินเข้ามาหาแววยินดีก็เต้นระยิบอยู่ในหน่วยตางาม เจ้านางสาวเผยยิ้มอ่อนหวานแช่มช้อยต้อนรับสองหนุ่มสาว ก่อนที่ใบหน้างามนั้นกลับซีดเผือดลง เมื่อคนทั้งคู่กล่าวคำอำลา
“ทำไมไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะคะ พวกคุณน่าจะได้เข้าไปเยี่ยมชมงานหัตถกรรมฝีมือชาวบ้านในหมู่บ้านด้วย ดิฉันกำลังจะให้หนานอินเฟือนพาพวกคุณไปชมอยู่ทีเดียว”เจ้านางคนงามพยายามหว่านล้อมชักชวนให้อยู่ต่อ หลังทราบความประสงค์ของคนทั้งคู่ว่าต้องการจะออกเดินทางจากคุ้มไปในเช้าวันนี้ ท่าทีของหญิงสาวแสดงความผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะกับแขกหนุ่มรูปหล่อ เจ้าของคุ้มคนสวยส่งสายตาวิงวอนไปทางบุรุษยอดรักขณะเอ่ยชวน
แสนเอยแสนน้อยใจ...เจ้าพี่อย่าพึ่งทิ้งน้องไป...เจ้าหญิงไทเขินคร่ำครวญอยู่ในอกอันหมองไหม้...น้องรอเจ้าพี่มานานนักหนา...อยู่ให้น้องได้ชมพระพักตร์จนสมอุราก่อนเถิด...
หญิงสูงศักดิ์ผู้อาภัพรักทุกข์เทวษท่วมท้นดวงหทัยจนปิดไม่มิด
นพคุณไม่รู้เลยว่าตลอดคืนที่ผ่านมา เจ้านางคำหยาดฟ้าไม่ยอมหลับนอน หญิงสาวเอาแต่ฝึกพูดทักทายกับชายเดียวในดวงใจที่เธอเฝ้ารอคอยมานานแสนนานอยู่หน้ากระจกเงา เธอซ้อมทำผมแต่งหน้าให้ดูสวยเด่นสะดุดตาที่สุด แต่งเสร็จก็เอียงคอชม้ายมองกระจกพลางคลี่ยิ้มอย่างเอมอิ่ม ...พรุ่งนี้เจ้าพี่จะต้องตกตะลึงในความงามที่มิเคยเสื่อมคลาย...
เสร็จแล้วก็ลงมือเลือกชุดที่จะใส่พรุ่งนี้อยู่เป็นนานสองนาน สุดท้ายจึงตัดสินใจเลือกชุดพื้นเมืองสียอดตองอ่อน สีโปรดของเจ้าพี่พรหมภูมินทร์ในอดีต
ประมุขหญิงของคุ้มสั่งกิ่งแก้วให้จัดอาหารพื้นเมืองที่เคยโปรดขึ้นโต๊ะอาหารทุกมื้อ บนเรือนหลวงก็สั่งบ่าวให้เปลี่ยนดอกไม้ในแจกันทุกใบเป็นดอกกล้วยไม้นานาชนิดอย่างที่เขาชอบ แม้ในห้องน้ำยังให้มีพานเล็ก ๆ ใส่ดอกเก็ดถะหวาวางไว้หน้าอ่างล้างมือเป็นจุด ๆ สิ่งใดหากสามารถทำให้ชายที่เฝ้ารอฟื้นความทรงจำอดีตชาติได้เธอทำสิ้น
เท่านั้นยังไม่พอ ค่ำคืนที่จะถึง เธอสั่งบ่าวให้เตรียมจุดประทีปโคมไฟเพื่อสร้างบรรยากาศสวยงามระยิบระยับด้วยแสงประทีป ดังเช่นหอหลวงยามมีงานเฉลิมฉลองเมื่อครั้งอดีต เจ้านางสาวไม่ยอมเอนกายลงนอน ร่างงามนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง รอให้ถึงรุ่งเช้าด้วยใจสั่นไหวจนสว่างคาตา ช่างน่าเสียดาย...หากชายอันเป็นที่รักจะด่วนกลับไปเสียก่อน โดยไม่ทันรำลึกเรื่องราวอันใด
“เรามีนัดกับเพื่อน ๆ อีกที่หมายหนึ่งค่ะเลยจำเป็นต้องรีบไป เสียดายจริง ๆ ไว้เป็นโอกาสหน้านะคะเจ้า ดิฉันกับนพคุณจะมาขอรบกวนเจ้าอีกแน่นอนค่ะ” พวงชมพูอธิบาย น้ำเสียงบอกความเสียดายจากใจจริง
“อีกอย่างเราเกรงใจเจ้าครับ เจ้าใจดีกับพวกเราเหลือเกิน”นพคุณพูดเสริมเพื่อนหญิงซื่อ ๆ ตามนิสัย ชายหนุ่มเหลียวมองดูคนรับใช้ชายหญิงที่กำลังขะมักเขม้นขนย้ายสิ่งของและตกแต่งประดับประดารอบบริเวณคุ้มอย่างแปลกใจ อดถามไม่ได้ว่า
“ที่คุ้มกำลังจะมีงานอะไรหรือเปล่าครับ”
เจ้านางสาวถึงกับสะอึกอึ้ง จุกแน่นในหัวอกเมื่อได้ยินคำถามของชายหนุ่ม เธอกระพริบตาติด ๆ กันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ส่งแววตาตัดพ้อมาหาชายในดวงใจขณะตอบคำถาม
“งานรำลึกอดีต ย้อนรอยคุ้มคำหยาดฟ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานใสสั่นเครือ ริมฝีปากงามก็สั่นระริก...ความอาดูรทั่งท้นเหลือคณาแล้วเจ้าพี่... แต่ทว่า ชายหนุ่มกลับคิดไปเสียอีกทาง เขาคิดว่า เจ้านางไทใหญ่กำลังสะเทือนใจในเรื่องราวของบรรพบุรุษเมื่อครั้งอดีต พวงชมพูเองก็คิดแบบเดียวกัน หนุ่มสาวทั้งคู่ผงกศีรษะอย่างเข้าใจ พลอยเศร้าซึมหม่นหมองไปด้วย
“เสียดายที่ไม่สามารถอยู่ร่วมงานได้ งานนี้คงมีจัดอยู่เรื่อย ๆ นะคะ ไว้โอกาสหน้าขอความกรุณาเจ้าช่วยแจ้งให้พวกเราทราบด้วย จะไม่ยอมพลาดอีกเลยค่ะ”
ครูสาวบอกอย่างเสียดายอีกครั้ง หญิงงามตรงหน้ามีน้ำใส ๆ เอ่อคลอเบ้า เธอพยักหน้าน้อย ๆ ให้อาคันตุกะหญิงก่อนหันไปทางหนุ่มหล่อชาวกรุง สายตาปวดร้าวจ้องมองใบหน้าคมสันก่อนครางออกมาเหมือนละเมอ
“เจ้าพี่จะทิ้งน้องไปอีกแล้วจริง ๆ” เป็นอีกครั้งที่สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
“เอ้อ คุณนพคุณเหมือนคนที่ฉันรู้จักคนหนึ่งมาก เห็นคุณแล้วฉันอดนึกถึงเขาไม่ได้น่ะค่ะ” เจ้านางไทเขินรู้สึกตัวรีบอธิบาย
“เขาไม่อยู่แล้วใช่ไหมคะ” พวงชมพูพอจะเดาเรื่องออก เธอถามอย่างเห็นใจเจ้านางคนสวย ครูสาวค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าเพื่อนชายของตัวเองคงมีหน้าตาคล้ายคลึงกับชายคนรักของเจ้าหญิงไทใหญ่ผู้นี้จริง ๆ ถ้าคนรักของเจ้านางอาศัยอยู่ในประเทศพม่า ทั้งคู่ก็คงพลัดพรากจากกันเพราะสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศนั้น หรืออาจจะเป็นด้วยสาเหตุความแตกต่างทางชนชั้นก็ได้ สาวชาวกรุงไม่ทราบว่าคนรักของเจ้านางจากเป็นหรือจากตาย แต่จะจากกันด้วยสาเหตุใดก็ตาม การพลัดพรากกับคนรักย่อมนำความทุกข์ทรมานใจมาให้ทั้งสิ้น
“ค่ะ เขาจากฉันไปนานแล้ว นานเหลือเกิน แต่ฉันยังคิดถึงเขาอยู่ทุกลมหายใจ”
น้ำเสียงหวานใสของเจ้านางคนงามสั่นเครือเจือเสียงสะอื้น คราใดที่สบตากับอาคันตุกะหนุ่ม แววอาลัยในดวงตาเธอยิ่งปรากฏชัด
แต่นพคุณกลับเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจในท่าทีของหญิงเจ้าของคุ้มอย่างบอกไม่ถูก ช่างน่าแปลกที่ยิ่งได้ใกล้ชิดพูดคุยกัน ความรู้สึกตื่นตะลึงและทึ่งในความสวยหยดย้อยที่มีต่อเจ้าหญิงแสนสวยผู้นี้ของตนกลับเริ่มเปลี่ยนไป มันกลายเป็นความรู้สึกฉงนสนเท่ห์เข้ามาแทนที่ เขาไม่ปฏิเสธว่าเธองามล้ำ งามยิ่งกว่าหญิงสาวทุกคนที่เคยเจอ แต่ความงามของเธอมันดูลุ่มลึก แฝงความเยือกเย็นประหลาดจนเหมือนไม่สามารถหยั่งถึง บางครั้งเธอก็ดูสวยเศร้าจนอยากเข้าไปปลอบโยน แต่บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกว่า เจ้าหญิงผู้นี้มีความงามอันลึกลับน่าหวั่นเกรง
ช่างแตกต่างกับผู้หญิงอีกคนข้างกาย ชายหนุ่มนึกเปรียบเทียบ ยายแม่มดตัวกระจิดริดน่ารักน่าชังของเขา ครูสาวแสนซน มาดมั่นและเปิดเผย ทั้งอ่อนแอขี้โรค ทั้งขาวีน ต้องคอยตามเอาใจสารพัด แต่ยามใดที่ดวงตากลมโตสุกใสราวดวงดาวในคืนเดือนมืดเหลียวมองหา นพคุณรู้สึกเหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ดึงดูดเขาให้เข้าใกล้และไม่อยากห่างเธอไปไหน เฝ้าแต่คอยกระเซ้าเย้าแหย่ให้แม่มดตัวน้อยของเขาเง้างอน อีกสักครู่เธอก็หัวเราะร่า พวงชมพูสดชื่นแจ่มใสและอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์อ่อน ๆ ในตอนเช้ายามฤดูเหมันต์ แต่อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มประสานสายตากับเจ้านางคำหยาดฟ้าด้วยท่าทีเห็นใจ เขาก้มศีรษะน้อย ๆ ให้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงซื่อ ๆ
“ผมเสียใจด้วยครับเจ้า”
(มีต่อ)