ทำไมใครๆถึงชอบ " ณเดช " เจอกับตัวถึงกับอึ้งเลย

เราอยากให้รู้ที่มาที่ไปว่าเราเจอ และประทับใจ" ณเดช " ได้ยังงัย จริงๆ แล้วเราไม่คิดว่าจะได้มายืนตรงจุดนี้ด้วยซ้ำ อาจจะยาวนิดนึง แต่เราอยากจะสื่อถึงทุกคนที่มีความฝันด้วย ว่าถ้าเราพยายามและไม่ยอมแพ้  + โอกาส มันก็เป็นจริงได้ค่ะ เห็นน้องๆหลายๆคนอยากเข้าวงการ
ทั้งๆที่มีคนปูทางให้และมีโอกาสมากมาย สำหรับพี่ด้อยโอกาส ทุกทางพี่ยังสู้มาได้ถึงได้ไม่ไกลแต่พี่ได้มาสัมผัสจริงๆ เป็นกำลังใจให้อย่าท้อนะค่ะ

จริงๆ เรื่องมันเกิด ขึ้นมาตั้ง 2 ปีแล้ว " ไม่ได้อยากเกาะกระแสดัง " เพราะถ้าอยากดังจริงๆ คงลงข่าวเองและเกาะกระแสะไปนานแล้ว
ปกติทราบอยู่แล้วว่าน้องเขาเป็นนักแสดงที่ดีกตัญญู และชอบช่วยเหลือสังคมอยู่ตลอดเวลาจากข่าว แต่ไม่เคยติดตาม  แต่ตอนนี้ตามทุกอย่าง  

ช่วงนั้นกำลังเรียน ปวส. บังเอิญได้เจอ เพื่อนคนนึ่งเขาพักอยุ่ตึกเดียวกับพี่สาว และไม่รุ้ว่าเขาทำงานอะไรเราพักหอหญิงแถวหน้าราม ตอนนั้นแค่รุ้จักกันเพราะเขารุ้จักพี่สาวไม่ได้สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัวผ่านไปสักสองปี หลังเรียนจบ ปวส. บังเอิญเจอกันในเฟส และเห็นประวัติว่าทำงานที่ TV Pool เรานี้ดีใจมาก เฝ้าถามเขาทุกวันว่ามีงานให้ทำไหมอยากทำมาก เขาเลยบอกว่า ตอนนี้ออกจาก TV pool  แล้วมารับทำฟรีแลนซ์  ทำข่าวพวก Gossip และผลิตรายการเองให้กับ ช่องดิจิตอล,  สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ , ทำหมด เขาก็ชวนเราร่วมทีม โดยตกลงกันว่าจะไม่ให้เสียงานประจำเพราะเขาก็ยังไม่มั่นคงพอที่จะจ้างเราเต็มตัวจึงจ้างเป็นจ๊อบๆไป ทำหลังเลิกงานและวันหยุด เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสงานในถานะสื่อ มันต่างกับตัวประกอบสิ้นเชิงสื่อถูกต้อนรับขับสู้อย่าง VIP จากทีมงาน,   แต่ตัวประกอบ หางตาทีมงานไม่มีวันชายตาแล , งานแรกที่ได้ทำคืองาน Gossip girl 2012


และได้ออกกอง ละคร
อีเว้นท์

ภาพยนต์

MV

งานแต่งดารา,

งานประกาศผลรางวัล,



เอาหล่ะเข้าเรื่องเลยนะเราเจอ "ณเดช" หลายงานมากกๆ แต่เราแค่สื่อมวลชนโนเนม ไม่เป็นที่รุ้จักของดารา" ณเดช" จำเราไม่ได้แน่นอน และดาราท่านอื่นๆด้วย เราชอบดาราทุกคนด้วยอาชีพ ห้ามเข้าข้างใครต้องเป็นกลางและยึดมั่น ไม่มีใครพิเศษกว่าใครถึงจะฟังๆเพื่อนนักข่าว เล่าเรื่องพฤติกรรมแย่ๆ ของดาราหลายๆคนก็ตามเวลาเราอยู่หลังไมค์การอยุ่ตรงนั้น ดารากับนักข่าวต้องพึ่งพาอาศัยกัน เรียกได้ว่าไก่เห็นตีนงูงูเห็นนมไก่ก็ว่าได้ ต่อให้เป็นแค่นักข่าวเล็กๆ แต่อย่าลืมว่า ทุกคนรุ้จักกันหมด วันที่เราประทับใจ "ณเดช" วันนึงเราได้มีโอกาสไป ทำข่าวงานประกาศผลรางวัลเมขลา  ปี 2013 วันนั้นประชาชนและสื่อมวลชนเยอะมากน้ำที่ ทางสปอนเซอร์ จัดเตรียมไว้ให้หมดเร็วมากเลยทำให้เพื่อนๆนัก ข่าวที่มาด้วยกันหิวน้ำหลายคน  เราจึงอาสาลงไปซื้อน้ำให้ ขณะที่กำลังเดินลงไป  ข้างหน้ามีคนตะโกนว่า "ณเดช" มาแค่นั้นคนมหาศาลแห่มาทุกสาระทิด ขณะที่กำลังก้มหยิบโทรศัพท์ โทรหาเพื่อนให้ตั้งกล้องรอ แสตนบายหน้าแบล็คดร็อปให้พร้อม หยิบไอแพด ถ่ายภาพ พรางส่งรุปให้เพื่อนอีกคนใน เฟส ให้เตรียมตัว " ณเดช " กำลังขึ้นไปพร้อมพี่อ๋า ผู้จัดการส่วนตัวที่มาในวันนั้นขณะที่ทุกคนรุมถ่ายภาพชุลมุนวุ่นวายมาก

https://www.youtube.com/watch?v=ShAyYDBjwtY

คลิปนี้ค่ะ  (นาทีที่ 1.02 ณเดชพุ่งเข้าช่วย .. แล้วก็ถูกตัดออกไปจากในคลิป )
ขอขอบคุณเจ้าของคลิปด้วยนะค่ะ .. ถ้าไม่บังเอิญเจอคลิปนี้ เรื่องนี้คงไม่เล่า




เรา อยุ่ กึ่งกลาง ระหว่างฝูงชน ที่ห้อมล้อม "ณเดช" ข้างหอประชุมธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ฝั่งสนามหลวง " บอดี้การ์ดกำลังฝ่าฝูงชนพา " ณเดช " เข้างานไปยังแบล็คดร็อปด้านหน้างาน แต่คนรุมซ้ายขวาหน้าหลัง ลำบากมากคนเต็มไปหมดเรา ถูกบังจนมิดหาทางออกไม่ได้ มือก้อถ่ายรุปไปอยู่ๆ เราก็เสียหลักกำลังจะล้มลงเพราะขาแพลง" ณเดช " พุ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาพยุงตัวเราและกัน ฝูงชนพร้อมทั้งโอบเราไว้และตะโกนให้ทุกคนถอยก่อนครับ และถามเราตลอดเวลาซ้ำๆเป็นไงบ้างครับดีขึ้นไหม  ดีขึ้นหรือยัง ค่อยๆครับ ระวังครับ, ค่อยๆลุกครับ, เดินไหวไหม, เดินได้ไหม, ค่อยๆครับถามซ้ำๆ พร้อมกับบอกให้ทุกคนถอยก่อนครับมีคนเจ็บ ครับค่อยๆครับมันทำให้เราจำได้ขึ้นใจจำทุกคำพูดมันทำให้ทราบซึ้งใจมากจนลืมความเจ็บไปเลย และบอกน้องเขาไปว่าไม่เป็นไรดีขึ้นแล้วขอบคุณมากรีบไปเถอะ พูดยังไม่ทันขาดคำ การ์ดก็ต้องรีบนำตัว น้องไปเพราะเลยเวลามามากแล้ว




พองานฟรีแลนซ์ของเพื่อนน้อยลงเพื่อนก็ต้องแยกย้ายกันไปทำอาชีพตามความถนัด และเพื่อนคนที่ชักนำเราก็สมัครเข้าทำงานเป็นนักข่าวสายบันเทิงประจำได้ ที่สำนักข่าวบันเทิงแห่งนึง ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป แต่เราไปสายนั้นไม่ได้เพราะจบแค่ ปวส. ต่อให้มีประสบการณ์สัมภาษณ์ไมค์เดี่ยว, ไมค์รวม, สกู๊ป, เกือบ 2ปี ก็ไปต่อเหมือนคนอื่นๆไม่ได้เพียงเพราะไม่ได้จบสายงานนั้นมาและไม่มีวุฒิ ป.ตรีในมือ มีโอกาสได้เจอหรือเห็น " ณเดช " อีกไม่กี่ครั้งก่อนจะจบงานสุดท้าย และแยกย้ายกับเพื่อนเรา ไม่ได้ชอบณเดชที่ความหล่อ เพราะเราเจอคนหล่อมาเยอะมากๆ น้องเป็นคนดีมาก และเป็นแรงผัลกดันให้เรา กลับมาเรียนต่ออีก 2-3 ปีเพื่อที่จะไปต่อ สุดท้ายเราอยากจะบอกกับทุกคนที่ มีความฝันเหมือนเรา อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป ถ้าเราพยายามเราก็มิสิทธิ์  "โอกาสมันก็เหมือนไอติม... ถ้าไม่รีบกินมันก็ละลาย

จขกท.. ขอโทษนะค่ะถ้าต้องเล่าเรื่องตัวเองด้วย เพราะ เราอยากให้ทุกคนที่มีความฝันอย่าได้ท้อเราเริ่มจาก 0 เรายังได้ มาไกลเกินกว่าที่เราคาดหวัง และอยากจะบอกว่า " ณเดช " เป็นแรงผลักดันให้เราอยากไปต่อ เราเลย ถอยออกมาเพื่อที่จะเรียนต่อและกลับไปเจอเธอคนที่เป็นแรงบันดาลใจของเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่