หลังกลุ่มอาสาสมัครเก็บเศษขยะบน “เกาะ ลา เรอูนิยง” ของฝรั่งเศส แจ้งการพบเศษซากเครื่องบินส่วนปีก และเผยแพร่ภาพถ่ายออกไปทั่วโลกเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญฟันธงว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบินโบอิ้ง 777 อย่างแน่นอน....พร้อมชี้ว่าน่าจะเป็นเที่ยวบิน เอ็มเอช 370 ที่สูญหายแบบปริศนาด้วย
เนื่องจากเครื่องหมายตัวเลขชิ้นส่วน “BB657” ที่ปรากฏอยู่บนชิ้นส่วนปีก ที่เรียกว่า “แฟล็บเพอรอน” (Flaperon) นั้นชัดเจน ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุทางอากาศ มีประสบการณ์ค้นหาเครื่องบินกว่า 30 ปี วิเคราะห์เชิงลึกให้ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” ฟังว่า
“พอเห็นหมายเลขเครื่อง ทีมค้นหานำเอาไปเปรียบเทียบกับเครื่องบินโบอิ้ง 777 เมื่อยืนยันแน่นอน ก็เอาไปวิเคราะห์กันต่อว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ มีอุบัติเหตุกี่ครั้ง ปรากฏว่ามีแค่ 5 ครั้ง และทั้ง 4 ครั้งเกิดบนบก ไม่มีชิ้นส่วนปีกเครื่องบินตกลงไปบนน้ำ ทำให้ชี้ชัดโดยไม่ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นชิ้นส่วนของเอ็มเอช 370 อย่างแน่นอน”
ภายใน 20 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 บริษัทโบอิ้งรายงานการขายเครื่องบินรุ่น 777 ไปแล้ว 1,852 ลำ มีลูกค้าเป็นสายการบินทั้งหมด 60 แห่ง
หากย้อนไล่เรียงดูประวัติการเกิดอุบัตเหตุของโบอิ้ง 777 ทั้ง 5 ครั้ง พบว่า ครั้งที่ 1 เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 เป็นเที่ยวบินของบริติช แอร์เวย์ บินระหว่างกรุงปักกิ่งกับกรุงลอนดอน เครื่องยนต์เกิดขัดข้องที่ “สนามบินฮีทโธรว์” ของอังกฤษ แต่ไม่ปรากฏความเสียหาย หรือรายงานว่าปีกเครื่องบินหลุดออกมา ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 เป็นเที่ยวบินเอ็มเอส 667 (MS 667) ของสายการบิน “อียิปต์แอร์” ไฟลุกไหม้ภายในห้องกัปตัน ที่สนามบินไคโรในอียิปต์ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 สายการบิน “เอเชียน่า แอร์ไลน์ส” ของเกาหลีใต้ ร่อนลงตกกระแทกรันเวย์ที่สนามบินซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

สำหรับอุบัติเหตุครั้งที่ 4 นั้น คือเที่ยวบินปริศนาเอ็มเอช 370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม 2557 เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำเดียวที่หลักฐานบ่งชี้ว่า น่าจะตกกลางมหาสมุทรอินเดีย โดยทีมค้นหากำลังตรวจค้นพื้นทะเลใกล้ประเทศออสเตรเลีย เป็นจุดที่ห่างจากเกาะเรอูนิยงไป 4,000 กม. ส่วนเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำสุดท้ายที่เกิดอุบัติเหตุ คือ สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบินที่เอ็มเอช 17 โดยมีรายงานว่าถูกยิงตกที่ประเทศยูเครนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2557 ล่าสุดมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนว่าใครเป็นผู้ยิงเครื่องบินลำนี้ โดยชิ้นส่วนทั้งหมดถูกขนย้ายไปที่ประเทศเนเธอร์แลนด์เพื่อพิสูจน์หลักฐาน
จากข้อมูลข้างต้นจึงเกิดคำถามว่า เมื่อเศษชิ้นส่วนนี้เป็นเอ็มเอช 370 แล้วใครจะได้ครอบครองหลักฐานชิ้นนี้ และจะไขปริศนาการสูญหายไปได้หรือไม่? เพราะฝรั่งเศสผู้เป็นเจ้าของเกาะเรอูนิยง ได้นำกลับไปที่ห้องแล็บของตนเองแล้ว
ขณะนี้คงต้องลุ้นว่าการวิเคราะห์พิสูจน์เชิงลึกจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะตามหลักการสากลแล้ว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักฐานชิ้นนี้ 4 ประเทศด้วยกัน คือ 1.ประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นเจ้าของเครื่องบิน 2.ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะบริษัทโบอิ้งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินลำนี้ 3.ประเทศจีน เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่ถึง 153 คนจาก 239 คน เป็นคนจีน และ 4.ประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ ที่พบชิ้นส่วนอันนี้
เชื่อว่าผู้แทนของทั้ง 4 ประเทศกำลังเจรจาต่อรองและเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างเข้มข้น เพื่อแย่งชิงกันเป็นเจ้าของชิ้นส่วนปีกสำคัญอันนี้ หากใครได้ไปก็สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ ด้วยการใช้เครื่องจำลองซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ในลักษณะ 3 มิติ เพื่อทดลองดูว่าการแตกหักและรอยแยกนั้น อาจเกิดจากอุบัติเหตุอะไรได้บ้าง นั่นเป็นกุญแจที่จะไขความลับว่าเครื่องบินลำนี้ตกอย่างไร
วินาทีนี้ ! ต้องลุ้นว่า “ฝรั่งเศส” จะตัดสินใจทำอย่างไร เพื่อไขปริศนาดำมืดของเที่ยวบิน เอ็มเอช 370 !
เที่ยวบินปริศนา เอ็มเอช370
8มีนาคม 2557
สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน “เอ็มเอช 370” ออกจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ เวลา 00.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อบินไปยังกรุงปักกิ่ง แต่หายไปจากจอเรดาร์บริเวณเวียดนามเวลา 01.22 น. จนกระทั่งเวลา 01.38 น. ทางหอการบินของเวียดนามเตือนว่าไม่พบเที่ยวบินลำนี้ ก่อนจะตรวจพบว่า มีการเปลี่ยนเส้นทางหันหัวเลี้ยวกลับ จอเรดาร์ของไทยพบว่าบินผ่านบริเวณ อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณ 5 นาที จากนั้นเครื่องบินนี้ลำนี้ก็หายไปจากจอเรดาร์ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินปริศนาลำนี้
http://www.komchadluek.net/detail/20150804/210960.html
ใครเป็นเจ้าของ?..ชิ้นส่วนปีกเอ็มเอช370
เนื่องจากเครื่องหมายตัวเลขชิ้นส่วน “BB657” ที่ปรากฏอยู่บนชิ้นส่วนปีก ที่เรียกว่า “แฟล็บเพอรอน” (Flaperon) นั้นชัดเจน ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอุบัติเหตุทางอากาศ มีประสบการณ์ค้นหาเครื่องบินกว่า 30 ปี วิเคราะห์เชิงลึกให้ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” ฟังว่า
“พอเห็นหมายเลขเครื่อง ทีมค้นหานำเอาไปเปรียบเทียบกับเครื่องบินโบอิ้ง 777 เมื่อยืนยันแน่นอน ก็เอาไปวิเคราะห์กันต่อว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ มีอุบัติเหตุกี่ครั้ง ปรากฏว่ามีแค่ 5 ครั้ง และทั้ง 4 ครั้งเกิดบนบก ไม่มีชิ้นส่วนปีกเครื่องบินตกลงไปบนน้ำ ทำให้ชี้ชัดโดยไม่ต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการว่าเป็นชิ้นส่วนของเอ็มเอช 370 อย่างแน่นอน”
ภายใน 20 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 บริษัทโบอิ้งรายงานการขายเครื่องบินรุ่น 777 ไปแล้ว 1,852 ลำ มีลูกค้าเป็นสายการบินทั้งหมด 60 แห่ง
หากย้อนไล่เรียงดูประวัติการเกิดอุบัตเหตุของโบอิ้ง 777 ทั้ง 5 ครั้ง พบว่า ครั้งที่ 1 เกิดเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 เป็นเที่ยวบินของบริติช แอร์เวย์ บินระหว่างกรุงปักกิ่งกับกรุงลอนดอน เครื่องยนต์เกิดขัดข้องที่ “สนามบินฮีทโธรว์” ของอังกฤษ แต่ไม่ปรากฏความเสียหาย หรือรายงานว่าปีกเครื่องบินหลุดออกมา ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 เป็นเที่ยวบินเอ็มเอส 667 (MS 667) ของสายการบิน “อียิปต์แอร์” ไฟลุกไหม้ภายในห้องกัปตัน ที่สนามบินไคโรในอียิปต์ ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2556 สายการบิน “เอเชียน่า แอร์ไลน์ส” ของเกาหลีใต้ ร่อนลงตกกระแทกรันเวย์ที่สนามบินซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
จากข้อมูลข้างต้นจึงเกิดคำถามว่า เมื่อเศษชิ้นส่วนนี้เป็นเอ็มเอช 370 แล้วใครจะได้ครอบครองหลักฐานชิ้นนี้ และจะไขปริศนาการสูญหายไปได้หรือไม่? เพราะฝรั่งเศสผู้เป็นเจ้าของเกาะเรอูนิยง ได้นำกลับไปที่ห้องแล็บของตนเองแล้ว
ขณะนี้คงต้องลุ้นว่าการวิเคราะห์พิสูจน์เชิงลึกจะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะตามหลักการสากลแล้ว ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลักฐานชิ้นนี้ 4 ประเทศด้วยกัน คือ 1.ประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นเจ้าของเครื่องบิน 2.ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะบริษัทโบอิ้งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินลำนี้ 3.ประเทศจีน เพราะผู้โดยสารส่วนใหญ่ถึง 153 คนจาก 239 คน เป็นคนจีน และ 4.ประเทศฝรั่งเศส เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ ที่พบชิ้นส่วนอันนี้
เชื่อว่าผู้แทนของทั้ง 4 ประเทศกำลังเจรจาต่อรองและเปลี่ยนผลประโยชน์กันอย่างเข้มข้น เพื่อแย่งชิงกันเป็นเจ้าของชิ้นส่วนปีกสำคัญอันนี้ หากใครได้ไปก็สามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้ ด้วยการใช้เครื่องจำลองซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ในลักษณะ 3 มิติ เพื่อทดลองดูว่าการแตกหักและรอยแยกนั้น อาจเกิดจากอุบัติเหตุอะไรได้บ้าง นั่นเป็นกุญแจที่จะไขความลับว่าเครื่องบินลำนี้ตกอย่างไร
เที่ยวบินปริศนา เอ็มเอช370
8มีนาคม 2557
สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน “เอ็มเอช 370” ออกจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์ เวลา 00.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพื่อบินไปยังกรุงปักกิ่ง แต่หายไปจากจอเรดาร์บริเวณเวียดนามเวลา 01.22 น. จนกระทั่งเวลา 01.38 น. ทางหอการบินของเวียดนามเตือนว่าไม่พบเที่ยวบินลำนี้ ก่อนจะตรวจพบว่า มีการเปลี่ยนเส้นทางหันหัวเลี้ยวกลับ จอเรดาร์ของไทยพบว่าบินผ่านบริเวณ อ.เบตง จ.ยะลา ประมาณ 5 นาที จากนั้นเครื่องบินนี้ลำนี้ก็หายไปจากจอเรดาร์ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินปริศนาลำนี้
http://www.komchadluek.net/detail/20150804/210960.html