หลายๆท่านคงได้ยินได้ฟังเรื่องทำนองนี้มาจนเบื่อแล้วกับคำถามที่ถามว่า
เราเกิดมาทำไม?
คำตอบจะไปในทำนองเกี่ยวกับศาสนา แต่ถ้าหากปราศจากศาสนาล่ะ? จะกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่ของมนุษย์ เช่น การมีชีวิตอยู่ การหาความสุข เป็นต้น และถ้าเรามองข้ามจุดนั้นไป กระผมใคร่จะเสนอมุมมองของผมและอยากรับฟังมุมมองของพวกท่านต่อเรื่องนี
1.ศาสนา
สำหรับผมมองศาสนาว่าเป็นจุดที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากันได้ดีกว่ากฎหมายเพราะกฎหมายบังคับให้ปฏิบัติตาม แต่ศาสนาเป็นการทำตามโดยสมัครใจ คือศาสนาคล้ายกับข้อบังคับที่ปลูกฝังลงในจิตใจ ให้อยู่ร่วมกันได้โดยไม่ใช้ความฉลาดล่าผู้อื่นเป็นอาหาร(เปรียบเทียบ) และยังเป็นสิ่งที่เป็นจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาด้วย ผมคิดว่าน่าจะเกิดคำถามที่ว่า เกิดมาทำไม? มาเนิ่นนานแล้วจึงให้คำตอบมาเป็น ศาสนา โดยส่วนตัวแล้วผมไม่นับถือศาสนา
ุ
2.การมีชีวิตอยู่
ลองคิดดูว่าเราทำอะไรอยู่แล้วถามตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
กำลังทำงาน-เพื่อหาเงิน-เพื่อดำรงชีวิต-เพื่อทำความดี... คุณลองถามตัวเองดูจนถึงจุดที่คุณไม่สามารถจะถามต่อได้ และคำตอบสุดท้ายจะเป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดและความเชื่อของคุณ สำหรับผมจบที่การ สืบพันธ์ เมื่อเพื่อนๆได้ฟังผมก็โดนล้ออยู่นานเลยทีเดียว เหตุผลอยู่ในข้อถัดไป แล้วคุณได้คำตอบว่าอะไร?
3.เราเป็นแค่ความ โชคดี
ที่เราได้เกิดบนดาวเคราะห์ดวงที่3ในระบบสุริยะจักรวาล ในหาแลคซี่ทางช้างเผือก นอกจากโชคดีที่ได้เกิดมาบนโลกนี้แล้วเรายังได้สิ่งที่เรียกว่า สติปัญญา ที่เราเอามายกตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ทำการพัฒนาตนเองจับกลุ่มและสร้างสังคมขึ้นมาเพื่อทำให้การดำรงชีวิตนั้นง่ายขึ้นและอยู่รอดได้ ข้อนี้สรุปสั้นๆว่า เราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่า โชคดี ที่ได้เกิดและมีสติปัญญา
สรุป
แท้จริงแล้วความหมายของการมีชีวิตอยู่อาจจะไม่มีเลยก็ได้ เพราะเราแค่โชคดีที่ได้เกิดมามีปัญญา และสิ่งสำคัญก็คือทุกคนไม่ว่าใครล้วนต้องตาย คือเรื่องจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สุดท้ายคุณจะเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ไร้ความหมายนี้เพื่อหาคำตอบนี้หรือจะแค่อยู่ไปเพียงวันๆหรือจะมีความสุขในทุกๆวันก่อนที่มันจะจบ คล้ายเราเกิดมาเพียงเพื่อตายลง บางทีการเป็นอมตะอาจจะเป็นคำตอบ แต่โลกก็ยังมีจุดจบอยู่ดี
ในตอนนี้คุณคิดว่า คุณเกิดมาทำไม?
ความหมายของชีวิต ที่ไร้ศาสนา
เราเกิดมาทำไม?
คำตอบจะไปในทำนองเกี่ยวกับศาสนา แต่ถ้าหากปราศจากศาสนาล่ะ? จะกลายเป็นเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่ของมนุษย์ เช่น การมีชีวิตอยู่ การหาความสุข เป็นต้น และถ้าเรามองข้ามจุดนั้นไป กระผมใคร่จะเสนอมุมมองของผมและอยากรับฟังมุมมองของพวกท่านต่อเรื่องนี
1.ศาสนา
สำหรับผมมองศาสนาว่าเป็นจุดที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากันได้ดีกว่ากฎหมายเพราะกฎหมายบังคับให้ปฏิบัติตาม แต่ศาสนาเป็นการทำตามโดยสมัครใจ คือศาสนาคล้ายกับข้อบังคับที่ปลูกฝังลงในจิตใจ ให้อยู่ร่วมกันได้โดยไม่ใช้ความฉลาดล่าผู้อื่นเป็นอาหาร(เปรียบเทียบ) และยังเป็นสิ่งที่เป็นจุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาด้วย ผมคิดว่าน่าจะเกิดคำถามที่ว่า เกิดมาทำไม? มาเนิ่นนานแล้วจึงให้คำตอบมาเป็น ศาสนา โดยส่วนตัวแล้วผมไม่นับถือศาสนา
ุ
2.การมีชีวิตอยู่
ลองคิดดูว่าเราทำอะไรอยู่แล้วถามตัวเองต่อไปเรื่อยๆ
กำลังทำงาน-เพื่อหาเงิน-เพื่อดำรงชีวิต-เพื่อทำความดี... คุณลองถามตัวเองดูจนถึงจุดที่คุณไม่สามารถจะถามต่อได้ และคำตอบสุดท้ายจะเป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดและความเชื่อของคุณ สำหรับผมจบที่การ สืบพันธ์ เมื่อเพื่อนๆได้ฟังผมก็โดนล้ออยู่นานเลยทีเดียว เหตุผลอยู่ในข้อถัดไป แล้วคุณได้คำตอบว่าอะไร?
3.เราเป็นแค่ความ โชคดี
ที่เราได้เกิดบนดาวเคราะห์ดวงที่3ในระบบสุริยะจักรวาล ในหาแลคซี่ทางช้างเผือก นอกจากโชคดีที่ได้เกิดมาบนโลกนี้แล้วเรายังได้สิ่งที่เรียกว่า สติปัญญา ที่เราเอามายกตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ทำการพัฒนาตนเองจับกลุ่มและสร้างสังคมขึ้นมาเพื่อทำให้การดำรงชีวิตนั้นง่ายขึ้นและอยู่รอดได้ ข้อนี้สรุปสั้นๆว่า เราเป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่า โชคดี ที่ได้เกิดและมีสติปัญญา
สรุป
แท้จริงแล้วความหมายของการมีชีวิตอยู่อาจจะไม่มีเลยก็ได้ เพราะเราแค่โชคดีที่ได้เกิดมามีปัญญา และสิ่งสำคัญก็คือทุกคนไม่ว่าใครล้วนต้องตาย คือเรื่องจริงที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สุดท้ายคุณจะเลือกที่จะใช้ชีวิตที่ไร้ความหมายนี้เพื่อหาคำตอบนี้หรือจะแค่อยู่ไปเพียงวันๆหรือจะมีความสุขในทุกๆวันก่อนที่มันจะจบ คล้ายเราเกิดมาเพียงเพื่อตายลง บางทีการเป็นอมตะอาจจะเป็นคำตอบ แต่โลกก็ยังมีจุดจบอยู่ดี
ในตอนนี้คุณคิดว่า คุณเกิดมาทำไม?