รู้สึกหน่วงๆ ในใจมาสักพักแล้ว
เราเป็นนักศึกษาจบใหม่ค่ะ พอทำโปรเจคเสร็จ ระหว่างรอตรวจเล่ม ป๊าก็ไล่ให้ไปหางานได้แล้ว อย่าอยู่ว่างๆ เหมือนคนไร้ค่า คือเราก็หา ลงข้อมูลในเว็บแล้วมีคนติดต่อมา อาจด้วยคณะที่จบมาหางานง่าย โปรไฟร์ดีพอตัวด้วย ใช้เวลาหาแปปเดียวค่ะ ใช้เวลาอาทิตย์กว่าก็หางานได้แล้ว บริษัทที่รับเราเป็นบริษัทเล็กๆ ค่ะ เราโอเคนะ พอกลับบ้านเล่าให้ป๊าฟัง จังหวะนั้นมีบริษัทอีกที่ติดต่อเรามา ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ ต่างชาติ ป๊าเราก็ให้ให้เราเอาที่ที่สอง แต่ความรู้สึกเราคือไม่โอเคค่ะ คือเราเป็นเด็กจบใหม่ เราเจียมตัวในระดับหนึ่ง ไม่เคยมองว่าชื่อเสียงมหาลัยจะทำให้เรายิ่งใหญ่กว่าเด็กมออื่น สิ่งที่เราอยากได้ตอนนี้คือประสบการณ์ เรามองว่าถ้าเราทำบริษัทใหญ่ ระบบมันชัดเจน รับผิดชอบเป็นส่วนๆ เราก็ได้รู้อยู่แค่ส่วนนั้นๆ ไป แต่ถ้าเราทำบริษัทเล็ก เราว่าเราจะได้แตะงานมากกว่า เราว่าประสบการณ์มันขายได้ มองแบบนี้จริงๆ ค่ะ สังคมด้วย บริษัทใหญ่การแข่งขันสูง เขี้ยวเรายังไม่คมพอจะไปฟัดกับใครหรอก โดนเค้ากัดตายเปล่าๆ แต่บริษัทเล็ก เค้าจะไม่ค่อยกัดเด็กใหม่ เด็กใหม่มาคือดี แบ่งเบางานฉันไปที เถึยงกันไปรอบหนึ่งค่ะ จนเราถามป๊าตรงๆ เลยว่า ถ้างั้นป๊าเลือกมาเลยดีกว่าว่าจะให้หนูทำงานที่ไหน ป๊าก็แบบ เอ้า หนูเป็นคนไปทำหนูก็ต้องเลือกสิ ป๊าพูดแบบนี้แต่ก็ไม่หยุดบ่น หยุดพูดถึงสองบริษัทนี้ ไล่ถามญาติพี่น้องว่าลูกคนนนั้นคนนี้ทำงานที่ไหน พอรู้ก็จะแบบ คนนั้นทำงานที่นั้นได้เงินเดือน... ทำไมตอนนั้นแกไม่เรียนแบบนั้นบ้าง อีกเยอะค่ะ คือเรารู้ค่ะว่าป๊าหวังดี แต่เอาตรงๆ เลยนะ เราเบื่อมาก รำคาญด้วย ป๊าพูดแบบนี้บ่อยมาก ว่าทำไมไม่ไปเรียนนู้นเรียนนี่ ดูสิ เค้าเรียนมาเงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ คือ ตอนเราจะเข้ามหาลัยคือเราถามแล้วนะคะ ว่าอยากให้เราเรียนอะไร เค้าบอกแล้วแต่เรา แต่พอเราเรียนไปได้สักพัก เค้าเริ่มมาละ ลูกคนนั้นเรียนนี่ ตอนนี้จบแล้ว เงินเดือนเท่านี้ แกอะโง่ ทำไมตอนนั้นไม่เข้าคณะนี้ คือแบบปีหนึ่งเราจะได้ยินคำพูดนี้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งค่ะ บอกตรงๆ บางทีเบื่อ ไม่อยากกลับบ้าน
ตอนเรียนมหาลัย เราอยู่หอใน หางานทำ เงินที่ทางบ้านส่งให้ค่าเทอม ค่าหอ ประมาณ หมื่นสาม แล้ว เงินใช้ส่วนตัวเราทำงานหาเองค่ะ ตอนเรียนมีปัญหาเราจบช้าไปปี ป๊า พูดออกมาเลยค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะจบ ป๊าอายเวลามีคนถามถึงเรา
เรารู้สึกนะ จากคำพูด จากทุกอย่าง ป๊า แม่ ไม่เคยภูมิใจในตัวเราเลยหรอ โอเคค่ะ เรื่องเรียนเกินไปปีคือเราพลาด เราผิดเรายอมรับ แต่คิดจริงๆ นะ อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่าอยากรู้ว่าเราเป็นลูกที่ดีหรือเปล่าให้ส่องกระจกแล้วคิดว่าถ้ามีลูกแบบตัวเองเราเอาไหม เราก็คิดนะ เราเอานะ ไม่เที่ยว ไม่แ5ด หาเงินเองได้ ประหยัด ไม่เคยโดดเรียน ตอนมัธยมเราเป็นตัวท๊อปของโรงเรียน ได้ทุนเรียนดีประพฤติดี ถึงตอนมหาลัยจะโง่เรียนเกินไปปี แต่ปีที่เกินเราก็ทดแทนด้วยการขึ้นเวทีแข่งขันทักษะ ได้รางวัลมา ให้ม๊าสามารถคุยได้นานว่าเราได้รางวัล ได้ใบเซอร์ มันทดแทนกันไม่ได้เลยหรอ ฟังเค้าบ่ยจนเราพูดขึ้นมาว่า หนูจะไม่เข้าพิธีรับให้เค้าส่งใบปริญามาบ้านแล้วกัน ป๊าโวยวายค่ะ เพราะเรารับกับพระเทพ อยากให้เราเข้าพิธี ถามว่าทำไมไม่อยากเข้าพิธี คือเราคิดนะคะ แต่ไม่พูด ก็ป๊าอายไม่ใช่หรอที่หนูเรียนเกิน จะเข้าพิธีให้ญาติมางาน ไม่อายแล้วหรอที่ลูกสาวโง่ เพื่อนๆ เรา ที่เห็นเราใช้ชีวิต เห็นเราวิ่งทำงานไปเรียนไป มีเงินเก็บ อยากได้อะไรซื้อเอง มีแต่คนบอกว่า แกทำได้ไงวะ แกอึดว่ะ เอาเวลาที่ไหนไปนอน ผู้ใหญ่ที่เค้ารู้ เค้าก็ถามว่าพ่อแม่เลี้ยงยังไง ลูกถึงทำแบบนี้ได้ ถ้าลูกเป็นแบบนี้บ้างคงน่าภูมิใจน่าดู ลูกป้าวันๆ เอาแต่ขอตังค์ คือเราฟังแล้วจี๊ดมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่พ่อแม่เราไม่เคยรู้สึก
ที่ทำงานกับบ้านอยู่จังหวัดเดียวกัน ไม่ไกลมาก แต่รถติดมาก ไปกลับได้สองวันก็ไม่ไหว คำนวนดูแล้วอยู่หอคุ้มกว่าเลยอยู่หอ วันที่เราย้ายมาอยู่ ป๊าขับรถพามาส่ง พอดีว่าย้ายมากลางเดือน ห้องที่เราอยากได้อยู่ชั้นสอง แต่ห้องว่างชั้นสี่เลยไปชั้นสี่ก่อน เลยยังไม่ได้ขนของมาหมด เอาที่พออยู่ได้ก่อน พอวันที่ 1 ที่ผ่านมากค่ะ คนเก่าย้ายออก เราลงไปชั้นสอง ยังจัดของไม่เสร็จ ป๊า ม๊า มา เอาของ เอาตู้เย็นมาให้ ช่วยยก ช่วยขนอะไรเสร็จ เถึยงกันเรื่องจัดของค่ะ ป๊าบอกให้เราเอาไอ้นี้ไปไว้นี่สิ จัดแบบนี้ หันหัวนอนไปทางนี้ ไปเอาของจากชั้นสี่ลงมาให้หมด เราก็แบบ เดี๋ยวหนูจัดเอง ตอนนั้นห้องน้ำยังไม่ได้ล้างค่ะ เราอยากจะแบบเคลียร์ห้องให้สะอาดๆ ก่อนแล้วค่อยเรียงของ ของกองในห้องเยอะๆ มันจัดยาก เราพูดว่า เดี๋ยวหนูจัดเอง ประมาณห้ารอบ ไม่มีใครฟัง คือเราตกลงกับเจ้าของหอไว้แล้วว่าเราจะได้เคลียร์ค่าหอกับเค้าตอนสิ้นเดือนสิงหา คือจ่ายทีเดียว ป๊าก็ไล่ให้ไปจ่าย คือตั้งแต่มาถึง มีแต่คำสั่งค่ะ ต้องอย่างนู้น ต้องอย่างงี้ ตอนนั้นยอมรับค่ะว่าอารมณ์เราไปแล้ว เราก็กระแทกกระทั้นใส่เหมือนกัน หน้าบึ้งใส่ ตอนนั้นหงุดหงิดจริงๆ ค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราว่าอยู่นอกบ้าน ตอนที่เราต้องการให้เค้ามายุ่งกับชีวิตเราคือตอนเรากำลังจะออกจากบ้านไปมหาลัยค่ะ อยากให้เค้าห่วง อยากให้เค้าถาม แต่ไม่มี แต่พอน้องชายคนเล็กจะไปอยู่มหาลัยดูยิ่งใหญ่มาก ทุกคนดูกังวล ดูห่วงใย เราแกล้งถามว่า ตอนหนูไปไม่เห็นม๊าห่วงแบบนี้บ้าง ม๊าบอกก็หนูเก่ง รู้ว่าเราเอาตัวรอดได้ ไม่ดีหรอที่ป๊าม๊าเชื่อใจเลยกล้าปล่อย คือเราสงสัย ตอนนั้นเชื้อใจเลยกล้าปล่อย ตอนนี้ไม่เชื่อใจแล้วหรอ ถึงได้บงการชีวิตเราขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราก็ยังเป็นเราคนเดิม ไม่เที่ยว งก ประหยัด ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่แ_ด ไม่ใจแตก ตลกดีนะคะ เราพูดด้วยซ้ำนะ ถ้าหนูจะแ_ด จะเสียตัว หนูเสียไปตั้งแต่มหาลัยแล้ว หนูไม่ใจแตกตอนแก่หรอก คือวันนั้นเราทำนิสัยแย่ใส่พ่อแม่ เรารู้ตัวค่ะ หน้าบึ้งใส่ ประชดประชัน แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ค่ะ ว่าจะมาห่วงอะไรเราตอนนี้ ตอนที่เราอยากให้เค้าห่วงที่สุดทำไมเค้ากล้าปล่อย ตอนนี้เราทำงานแล้ว สิ่งที่เราอยากได้คืออิสระ ทำไมเค้าต้องบังคับให้เรารายงานทุกความเคลื่อนไหว อยากเรื่งจ่ายเงินหอ คือเราตกลงกับป้าเค้าไว้แล้ว ทำไมต้องลากเราไปจ่าย ไปเคลียร์ ปล่อยเราจัดการเองไม่ได้หรอ คือโตป่านนี้แล้วต้องให้แม่มาจัดการเรื่องที่อยู่ที่กินให้ เราแลดูเป็นคนพูดจากลับไปกลับมามากอะ
เมื่อเช้าแม่โทรมาค่ะ บอกเราว่าป๊าน้อยใจ อย่าทำนิสัยแบบนี้ เอาของไปให้ แล้วมาทำตัวไม่น่ารักใส่
เอาไงดีคะ วันนี้เราทำงานไม่ค่อยมีสมาธิเลย เราผิดจริงๆ ใช่ไหม
ทะเลาะกับพ่อแม่ เราผิดจริงๆ ใช่ไหม
เราเป็นนักศึกษาจบใหม่ค่ะ พอทำโปรเจคเสร็จ ระหว่างรอตรวจเล่ม ป๊าก็ไล่ให้ไปหางานได้แล้ว อย่าอยู่ว่างๆ เหมือนคนไร้ค่า คือเราก็หา ลงข้อมูลในเว็บแล้วมีคนติดต่อมา อาจด้วยคณะที่จบมาหางานง่าย โปรไฟร์ดีพอตัวด้วย ใช้เวลาหาแปปเดียวค่ะ ใช้เวลาอาทิตย์กว่าก็หางานได้แล้ว บริษัทที่รับเราเป็นบริษัทเล็กๆ ค่ะ เราโอเคนะ พอกลับบ้านเล่าให้ป๊าฟัง จังหวะนั้นมีบริษัทอีกที่ติดต่อเรามา ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ ต่างชาติ ป๊าเราก็ให้ให้เราเอาที่ที่สอง แต่ความรู้สึกเราคือไม่โอเคค่ะ คือเราเป็นเด็กจบใหม่ เราเจียมตัวในระดับหนึ่ง ไม่เคยมองว่าชื่อเสียงมหาลัยจะทำให้เรายิ่งใหญ่กว่าเด็กมออื่น สิ่งที่เราอยากได้ตอนนี้คือประสบการณ์ เรามองว่าถ้าเราทำบริษัทใหญ่ ระบบมันชัดเจน รับผิดชอบเป็นส่วนๆ เราก็ได้รู้อยู่แค่ส่วนนั้นๆ ไป แต่ถ้าเราทำบริษัทเล็ก เราว่าเราจะได้แตะงานมากกว่า เราว่าประสบการณ์มันขายได้ มองแบบนี้จริงๆ ค่ะ สังคมด้วย บริษัทใหญ่การแข่งขันสูง เขี้ยวเรายังไม่คมพอจะไปฟัดกับใครหรอก โดนเค้ากัดตายเปล่าๆ แต่บริษัทเล็ก เค้าจะไม่ค่อยกัดเด็กใหม่ เด็กใหม่มาคือดี แบ่งเบางานฉันไปที เถึยงกันไปรอบหนึ่งค่ะ จนเราถามป๊าตรงๆ เลยว่า ถ้างั้นป๊าเลือกมาเลยดีกว่าว่าจะให้หนูทำงานที่ไหน ป๊าก็แบบ เอ้า หนูเป็นคนไปทำหนูก็ต้องเลือกสิ ป๊าพูดแบบนี้แต่ก็ไม่หยุดบ่น หยุดพูดถึงสองบริษัทนี้ ไล่ถามญาติพี่น้องว่าลูกคนนนั้นคนนี้ทำงานที่ไหน พอรู้ก็จะแบบ คนนั้นทำงานที่นั้นได้เงินเดือน... ทำไมตอนนั้นแกไม่เรียนแบบนั้นบ้าง อีกเยอะค่ะ คือเรารู้ค่ะว่าป๊าหวังดี แต่เอาตรงๆ เลยนะ เราเบื่อมาก รำคาญด้วย ป๊าพูดแบบนี้บ่อยมาก ว่าทำไมไม่ไปเรียนนู้นเรียนนี่ ดูสิ เค้าเรียนมาเงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ คือ ตอนเราจะเข้ามหาลัยคือเราถามแล้วนะคะ ว่าอยากให้เราเรียนอะไร เค้าบอกแล้วแต่เรา แต่พอเราเรียนไปได้สักพัก เค้าเริ่มมาละ ลูกคนนั้นเรียนนี่ ตอนนี้จบแล้ว เงินเดือนเท่านี้ แกอะโง่ ทำไมตอนนั้นไม่เข้าคณะนี้ คือแบบปีหนึ่งเราจะได้ยินคำพูดนี้ไม่ต่ำกว่าสิบครั้งค่ะ บอกตรงๆ บางทีเบื่อ ไม่อยากกลับบ้าน
ตอนเรียนมหาลัย เราอยู่หอใน หางานทำ เงินที่ทางบ้านส่งให้ค่าเทอม ค่าหอ ประมาณ หมื่นสาม แล้ว เงินใช้ส่วนตัวเราทำงานหาเองค่ะ ตอนเรียนมีปัญหาเราจบช้าไปปี ป๊า พูดออกมาเลยค่ะ ว่าเมื่อไหร่จะจบ ป๊าอายเวลามีคนถามถึงเรา
เรารู้สึกนะ จากคำพูด จากทุกอย่าง ป๊า แม่ ไม่เคยภูมิใจในตัวเราเลยหรอ โอเคค่ะ เรื่องเรียนเกินไปปีคือเราพลาด เราผิดเรายอมรับ แต่คิดจริงๆ นะ อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่าอยากรู้ว่าเราเป็นลูกที่ดีหรือเปล่าให้ส่องกระจกแล้วคิดว่าถ้ามีลูกแบบตัวเองเราเอาไหม เราก็คิดนะ เราเอานะ ไม่เที่ยว ไม่แ5ด หาเงินเองได้ ประหยัด ไม่เคยโดดเรียน ตอนมัธยมเราเป็นตัวท๊อปของโรงเรียน ได้ทุนเรียนดีประพฤติดี ถึงตอนมหาลัยจะโง่เรียนเกินไปปี แต่ปีที่เกินเราก็ทดแทนด้วยการขึ้นเวทีแข่งขันทักษะ ได้รางวัลมา ให้ม๊าสามารถคุยได้นานว่าเราได้รางวัล ได้ใบเซอร์ มันทดแทนกันไม่ได้เลยหรอ ฟังเค้าบ่ยจนเราพูดขึ้นมาว่า หนูจะไม่เข้าพิธีรับให้เค้าส่งใบปริญามาบ้านแล้วกัน ป๊าโวยวายค่ะ เพราะเรารับกับพระเทพ อยากให้เราเข้าพิธี ถามว่าทำไมไม่อยากเข้าพิธี คือเราคิดนะคะ แต่ไม่พูด ก็ป๊าอายไม่ใช่หรอที่หนูเรียนเกิน จะเข้าพิธีให้ญาติมางาน ไม่อายแล้วหรอที่ลูกสาวโง่ เพื่อนๆ เรา ที่เห็นเราใช้ชีวิต เห็นเราวิ่งทำงานไปเรียนไป มีเงินเก็บ อยากได้อะไรซื้อเอง มีแต่คนบอกว่า แกทำได้ไงวะ แกอึดว่ะ เอาเวลาที่ไหนไปนอน ผู้ใหญ่ที่เค้ารู้ เค้าก็ถามว่าพ่อแม่เลี้ยงยังไง ลูกถึงทำแบบนี้ได้ ถ้าลูกเป็นแบบนี้บ้างคงน่าภูมิใจน่าดู ลูกป้าวันๆ เอาแต่ขอตังค์ คือเราฟังแล้วจี๊ดมาก เพราะมันเป็นสิ่งที่พ่อแม่เราไม่เคยรู้สึก
ที่ทำงานกับบ้านอยู่จังหวัดเดียวกัน ไม่ไกลมาก แต่รถติดมาก ไปกลับได้สองวันก็ไม่ไหว คำนวนดูแล้วอยู่หอคุ้มกว่าเลยอยู่หอ วันที่เราย้ายมาอยู่ ป๊าขับรถพามาส่ง พอดีว่าย้ายมากลางเดือน ห้องที่เราอยากได้อยู่ชั้นสอง แต่ห้องว่างชั้นสี่เลยไปชั้นสี่ก่อน เลยยังไม่ได้ขนของมาหมด เอาที่พออยู่ได้ก่อน พอวันที่ 1 ที่ผ่านมากค่ะ คนเก่าย้ายออก เราลงไปชั้นสอง ยังจัดของไม่เสร็จ ป๊า ม๊า มา เอาของ เอาตู้เย็นมาให้ ช่วยยก ช่วยขนอะไรเสร็จ เถึยงกันเรื่องจัดของค่ะ ป๊าบอกให้เราเอาไอ้นี้ไปไว้นี่สิ จัดแบบนี้ หันหัวนอนไปทางนี้ ไปเอาของจากชั้นสี่ลงมาให้หมด เราก็แบบ เดี๋ยวหนูจัดเอง ตอนนั้นห้องน้ำยังไม่ได้ล้างค่ะ เราอยากจะแบบเคลียร์ห้องให้สะอาดๆ ก่อนแล้วค่อยเรียงของ ของกองในห้องเยอะๆ มันจัดยาก เราพูดว่า เดี๋ยวหนูจัดเอง ประมาณห้ารอบ ไม่มีใครฟัง คือเราตกลงกับเจ้าของหอไว้แล้วว่าเราจะได้เคลียร์ค่าหอกับเค้าตอนสิ้นเดือนสิงหา คือจ่ายทีเดียว ป๊าก็ไล่ให้ไปจ่าย คือตั้งแต่มาถึง มีแต่คำสั่งค่ะ ต้องอย่างนู้น ต้องอย่างงี้ ตอนนั้นยอมรับค่ะว่าอารมณ์เราไปแล้ว เราก็กระแทกกระทั้นใส่เหมือนกัน หน้าบึ้งใส่ ตอนนั้นหงุดหงิดจริงๆ ค่ะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราว่าอยู่นอกบ้าน ตอนที่เราต้องการให้เค้ามายุ่งกับชีวิตเราคือตอนเรากำลังจะออกจากบ้านไปมหาลัยค่ะ อยากให้เค้าห่วง อยากให้เค้าถาม แต่ไม่มี แต่พอน้องชายคนเล็กจะไปอยู่มหาลัยดูยิ่งใหญ่มาก ทุกคนดูกังวล ดูห่วงใย เราแกล้งถามว่า ตอนหนูไปไม่เห็นม๊าห่วงแบบนี้บ้าง ม๊าบอกก็หนูเก่ง รู้ว่าเราเอาตัวรอดได้ ไม่ดีหรอที่ป๊าม๊าเชื่อใจเลยกล้าปล่อย คือเราสงสัย ตอนนั้นเชื้อใจเลยกล้าปล่อย ตอนนี้ไม่เชื่อใจแล้วหรอ ถึงได้บงการชีวิตเราขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เราก็ยังเป็นเราคนเดิม ไม่เที่ยว งก ประหยัด ไม่เที่ยว ไม่ดื่ม ไม่แ_ด ไม่ใจแตก ตลกดีนะคะ เราพูดด้วยซ้ำนะ ถ้าหนูจะแ_ด จะเสียตัว หนูเสียไปตั้งแต่มหาลัยแล้ว หนูไม่ใจแตกตอนแก่หรอก คือวันนั้นเราทำนิสัยแย่ใส่พ่อแม่ เรารู้ตัวค่ะ หน้าบึ้งใส่ ประชดประชัน แต่มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ค่ะ ว่าจะมาห่วงอะไรเราตอนนี้ ตอนที่เราอยากให้เค้าห่วงที่สุดทำไมเค้ากล้าปล่อย ตอนนี้เราทำงานแล้ว สิ่งที่เราอยากได้คืออิสระ ทำไมเค้าต้องบังคับให้เรารายงานทุกความเคลื่อนไหว อยากเรื่งจ่ายเงินหอ คือเราตกลงกับป้าเค้าไว้แล้ว ทำไมต้องลากเราไปจ่าย ไปเคลียร์ ปล่อยเราจัดการเองไม่ได้หรอ คือโตป่านนี้แล้วต้องให้แม่มาจัดการเรื่องที่อยู่ที่กินให้ เราแลดูเป็นคนพูดจากลับไปกลับมามากอะ
เมื่อเช้าแม่โทรมาค่ะ บอกเราว่าป๊าน้อยใจ อย่าทำนิสัยแบบนี้ เอาของไปให้ แล้วมาทำตัวไม่น่ารักใส่
เอาไงดีคะ วันนี้เราทำงานไม่ค่อยมีสมาธิเลย เราผิดจริงๆ ใช่ไหม