ชีวิตของแบดบอยวัยละอ่อน และการปล่อยให้ผู้หญิงดีๆคนนึงเดินจากไป (จากประสบการณ์ล้วนๆ)

สวัสดีครับ กระทู้นี้เป้นกระทู้ของผม 555+  ทุกทีก็นั่งอ่านฆ่าเวลาไปเฉยๆ เห็นเพื่อนๆพี่ๆหลายๆคนเขียนกระทู้ ปรึกษาต่างๆ ผมก็นั่งอ่านไปเรื่อยๆ จน ไปสะดุดกับกระทู้ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟนเก่า วันนี้ผมก็มีเรื่องราวของผมก่อนที่จะมาเจอเธอและเสียเธอไปมาเล่าให้ฟังครับ ไม่เหมาะไม่ควรยังไงก็กราบขออภัยมาด้วยนะครับ  เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย จนมาถึงทุกวันนี้ผมอยู่มหาลัยแล้วก็ยังคิดถึงเค้าไม่เคยเปลี่ยน
  
   ตัวผมเองเป็นเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง หน้าตาก็จัดว่าเข้าขั้นพอได้(ไม่ได้หลงตัวเองนะครับ นัดจากประวัติเรื่องสาวๆที่มีมาอย่างโชกโชน 555+) ชีวิตสมัยม.ปลายของผมจัดได้ว่า เป็นเพลบอยละอ่อนเลยก็ว่าได้ (ยอมรับว่าตอนนั้นผมโครตหลงตัวเองเลย หัวเราะ) โรงเรียนของผมเป็นใหญ่ระดับประเทศอยู่ในภาคเหนือตอนบน  ขนาดนามว่า”เมืองรถม้า” หลายๆคนคงจะพอรู้ว่าเป็นจังหวัดอะไร  เอ้า! มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ความเป็นเพลบอยของผมเริ่มมาตั้งแต่สมัยม.4 คุณคิดเหมือนผมมั้ย ว่าคนจัดฟันจะดูดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เพราะอะไรหน่ะเหรอ เพราะตั้งแต่ผมเริ่มจัดฟัน เวลาเดินไปไหนมาไหนในโรงเรียน ก็จะเริ่ม มีสายตาจับจ้องจากสาวๆในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือรุ่นน้อง บอกเลยว่าตอนนั้นทำตัวไม่ถูก เริ่มเกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง คิดว่าเราทำอะไรผิดอะไรไม่ดีมารึป่าวทำไมเค้าถึงมองเรา เป็นแบบนี้ไปซักพักใหญ่ๆ   จนเมื่อฤดูกีฬาสีใกล้เข้ามา พี่ๆแต่ละคณะสี ก็จะสรรค์หาน้องๆ เข้ามาเดินในขบวนพาเหรด ซึ่งต่างก็รู้กันว่า ถ้าใครได้เดินก็จะเป็นการแจ้งเกิดโดยอัตโนมัตทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องนี้ เพราะอยุ่ที่นี่มา3ปี ก็ไม่เคยมีใครมาทาบทามเลย(ก็หน้าตาเราไม่ดีอ่ะนะ)  เห็นแต่เพื่อนๆหน้าตาดีๆ ได้เดินกันผมก็มีวิ่งไปถ่ายรุปด้วยบ้างอะไรบ้าง (อารมณ์แบบเพื่อนกรูดังนะเว้ยยย 555+) และแล้วเวลาของผมก็มาถึง ในวันนั้นผมเตะบอลอยู่หน้าตึก เหงื่อนี่ท่วมตัวเลย ก็มีเสียงตะโกนมาว่า “น้องๆ มาหาพี่หน่อย” ผมก็หันหน้าไปมอง แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าเค้าคงไม่ได้เรียกเราหรอก “น้องนั่นแหละ” ผมก็หันไปมองเพื่อน “คิงนั่นนะ! บ่าต้องหันไปผ่อไผ” ซวยละไง พี่ม.6 เรียกมีทั้งกระเทยทั้งผู้หญิง แถมอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ด้วยที่สำคัญที่เค้าเป็นคณะกรรมการนักเรียน ตูทำไรผิดเนี่ยยย รีบวิ่งเข้าไปหาโดยละม่อม 555+
ผม : มีอะไรครับพี่
พี่กระเทย : ม.4ใช่มั้ย อยู่สีขาวใช่ป่ะ
ผม : ครับ
พี่กระเทย : เป็นดรั้มสีนะ เอาเบอร์มา เอาพินมาก็ได้ (สมัย BB)
ผม : ขะ ขะ ขอคิดก่อนได้มั้ยครับพี่
พี่กระเทย : ไม่ได้ต้องเดิน สีอื่นชวนไปเดินห้ามไปเดินด้วย ถ้าไปเดินให้สีอื่นจะไม่ให้เข้าประชุมสี  พร้อมสายตากดดันจากกลุ่มเพื่อนพี่เค้า ตอนนั้นทั้งตกใจ  งง  และปฏิเสธไม่ได้ จึงต้องจำยอม 5555+  
  
   หลังจากวันนั้นชีวิตผมก็เริ่มเปลี่ยนไป  เริ่มมีพินบีบี ของรุ่นพี่ทั้งผู้หญิงละกระเทยแอดมา  เรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ เยอะไปแล้วเยอะจนผมตกใจ จากที่มีผู้ติดต่อ แค่ 40-50คน จนมีเกือบ 200 คนแล้ว(ไม่ได้เวอร์นะครับ)มี คนรู้จักมากขึ้น ผมเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงจัง จากเป็นคนที่ไม่ทาครีมอะไรเลย ก็หันมาทาครีมบำรุงผิวไวท์เทนนิ่งบลาๆ จากที่เคยเป็นคนสู้แดดสู้ลม ไม่ว่าจะร้อนยังไงกรูทนได้ กลายมาเป็นคนเดินหลบแดดและติดเสื้อกันหนาว ร้อนจะตายห่า ใส่เสื้อกันหนาวทำไมวะ?   เอ้าก้กูอยากขาวง่ะ  กูผิดหรออออ!  นอกจากนี้ถือเป็นโชคดีของผม คลินิคเสริมความงามที่คุณแม่ของผมใช้บริการอยู่ประจำ มีโปรโมชั่น ซื้อ2คอร์ส จะได้ส่วนลดหรือจะแถมอะไรซักอย่างผมก็จำไม่ได้ คุณแม่เลยจัดมาโดยซื้อคอร์สของท่านละซื้ออีกคอร์สนึงมาให้ผมแบบงงๆ หลังจากนั้นผมก็ได้รับการดูแลหนังหน้าอันหยาบกร้านของผมจากผู้เชี่ยวชาญอย่าจริงจังซักที 555+  มีคนทักมากขึ้น มีคนมอง มีคนยิ้มให้เวลาเดินผ่าน ทั้งfacebook bbm msn มีคนทักมาไม่ขาดสาย มีทั้งคนในโรงเรียน และต่างโรงเรียน ยอด like ต่างๆในเฟสบุ๊ค พุ่งถึงหลักพัน จากเมื่อก่อนมีไม่ถึง 50  จังหว่ะนั้น โครตฟินเลยครับบอกตรง  ><
  
   เมื่อถึงวันกีฬาสี วันนั้นเป็นวันแจ้งเกิดของผมอย่างเป็นทางการเลยก็ว่าได้ ผมอยู่ในชุดผ้าคลุมยาวลากพื้นสีขาว ยาวจนสามารถช่วยเทศบาลกวาดถนนสะอาดได้เลย 555+ การเดินพาเหรดจะเป็นการเดินตั้งแต่สนามโรงเรียน เดินไปผ่านหน้าโรงเรียนอีกโรงเรียนนึง เดินไปจนถึงแลนด์มาร์คของจังหวัด ละก็วนกลับมาที่สนามของโรงเรียน ร้อนมากครับบอกตรง ขบวนเริ่มออกเวลาประมา 8.30น. กลับมาถึงโรงเรียนก็เกือบสิบเอ็ดโมง แต่มันไม่ใช่สาระสำคัญของเรื่องนี้ 555+  ก่อนจะเริ่มเดินขบวน เค้าจะให้จัดแถวตามตำแหน่งต่างๆ แน่นอนตำแหน่งของผมคือดรัมเมอเยอร์ (เขียนงี้ป่าว) เป็นตำแหน่งที่จัดว่าเด่นในขบวน รองจากเด่นนำและรถสี (รถสีนี่เวอร์วังอลังการมากกก) ตอนเข้าแถว ก็เริ่มมี รุ่นน้องมีเพื่อนห้องอื่นมีรุ่นพี่เข้ามาขอถ่ายรูป ก็แน่อ่ะนะ ชุดที่ผมใส่มันสวยจริงๆคือแบบใครใส่ก็ดูดีอ่ะ 55+ เมื่อขบวนออกจากโรงเรียน ก็มีคนเข้ามาดักถ่ายรูประหว่างทางเป็นระยะๆ เดินมาซักพักก็ถึงหน้าโรงเรียนข้างๆ(ระหว่างสองโรงเรียนมีถนนขั้นกลาง) ซึ่งก็จะมีนักเรียนออกมาออกันหน้าโรงเรียน เพื่อรอดูขบวน  แต่สิ่งที่ผมประหลาดใจ ก็คือ เมื่อผมเดินผ่าน ผมได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อผม ไม่ใช่แค่เสียงเดียว  มันเป็นเสียงแบบ อารมณ์ FC ตะโกนเรียกชื่อคนที่ตัวเองแอบปลื้มอยู่(แหม่! ไอหลงตัวเอง 55+)

    เกิดครับเกิด จังหวะนั้น จากเด็กง่อยๆคนนึงกลายมาเป็นที่รู้จักของคนอื่นๆ มีคนที่แอบปลื้มแอบชอบไม่ใช่น้อย ผมเชื่อว่าคนที่เคยเป็นแบบผมจะเกิดสภาวะนึงขึ้นมา  คนทั่วไปเรียกมันว่า “ หยิ่ง”  ทักแชทไม่ตอบ หยิ่งหว่ะ  ยิ้มให้ก็ไม่ยิ้มกลับ หยิ่งหว่ะ ยิ้มขี้เก็กหว่ะหยิ่งแน่ๆ คือแบบไม่ได้ตั้งใจจะหยิ่งนะครับ  ขออธิบายเป็นเรื่องๆ “ทักแชทไม่ตอบ”  เรื่องนี้ผมว่าหลายคนเคยเป็นแบบผม  คือคนที่ทักเข้ามา มันเยอะ แบบคุยกับคนนึงอยู่ อีกคนทักมา กำลังจะไปตอบมีคนทักเข้ามาอีกกดไปตอบอันใหม่ ลืมอันเก่า  คืออยากจะให้คนที่เป็นFC เน็ตไอดอล ดารา ต่างๆ  หรือพี่รุ่นน้อง ที่คิดว่าจะมีคนคุยกันเขาเยอะแน่ๆ ว่า มันเป็นแบบนี้จริงๆ  เก๊าไม่ได้ตั้งใจจะหยิ่งนะตะเองงเก๊าะขอโทดด  เรื่องต่อมา  ” ยิ้มให้ไม่ยิ้มกลับ” นี่อาจจะเป็นปันหาส่วนตัวของผม เพราะเป็นเป็นคนตัวสูง เวลาเดินคือผมจะมองตรงไปข้างหน้า บวกกับเป็นคนสายตาสั้นแต่ดื้อไม่ใส่แว่นเพราะตอนนั้นสั้นไม่มาก ซึ่งแน่นอนอะไรที่ต่ำกว่าระดับสายตาหรือนอกเหนือระยะโฟกัสผมมองไม่เห็นอยู่แล้ว  พอได้ยินคำนี้มา  รู้สึกผิดมาก เพราะคนเรา กว่าจะกล้ายิ้มกล้าเผชิญหน้ากับคนที่ตัวเอง ปลื้มอยู่นั้น ต้องรวบรวมความกล้าเป็นอย่างมาก ขอโต๊ทนะครับบ  T^T   อันสุดท้าย อันนี้จี๊ดสุด “ยิ้มขี้เก็กหว่ะหยิ่งแน่ๆ” คือ คำว่าขี้เก็กนี่มันเป็นคำที่กว้างมาก คนหน้านิ่งก็ขี้เก็ก คนหน้าหล่อก็ขี้เก็ก คนที่เวลาเดินมันดูดีกว่าชาวบ้านเค้าก็ขี้เก็ก ละยังมีอีกหลายๆบุคลิค ที่โดนตีตราว่าขี้เก็ก  ในส่วนของผมนี่จัดว่าเป็นไอขี้เก็กแบบแรก คือผมเป็นคนหน้านิ่งและไม่ค่อยยิ้ม ถ้ามีความสุขมากๆก้จะหัวเราะออกมาเลย น้อยคนที่จะเห็นผมยิ้ม คล้ายๆที่เค้าเรียกกันกัน เสือยิ้มยาก คนทั่วไปหรือแม้กระทั่งคนรอบตัวผม จะดูอารมผมจากสีหน้าของผมไม่ได้เลย ส่วนิใหญ่มันจะมีอยู่หน้าเดียว เวลาเดิน กินข้าว เตะบอล เรียนหนังสือก็จะเป็นสีหน้าแบบนี้ซะส่วนใหญ่ คนที่ไม่รู้จักผมจริงๆก็จะว่าผมหยิ่ง  เสียใจอ่ะป๋มไม่ได้หยิ่งนะค๊าบบบบ   
ทำตัวยังไงเมื่อเริ่มป๊อปในหมู่สาวๆแล้ว?   ก็ไม่มีอะไรมากครับ เมื่อใครซักคนนึงเริ่มเป็นที่นิยมหรือเป็นว่าป๊อปนั่นแหละครับ กิจวัตรประจำวันของคนป๊อปคนดังส่วนใหญ่ คือการเช็คเรทติ้งนั่นเองครับ เพราะคนป๊อปคนดังในโรงเรียนหรือในจังหวัดจะมีแค่ไม่กี่คน และแต่ละคนก็จะต้องรักษาฐานแฟนคลับของตนเองไว้ให้เหนี่ยวแน่ เพราะถ้าวันใดที่เค้าเลิกปลื้มคุณแล้วละก็คุณจะกลายเป็นหมาหัวเน่าทันที  การเช็คเรทก็ไม่ยากครับ เพียงแค่ไปเดินๆนั่งๆ แถวๆที่มีคนเยอะๆ ยิ่งเยอะยิ่งดี เพราะในกลุ่มคนจำนวนนั้นจะต้องมีFC ของเราปะปนอยู่แน่ๆไม่มากก็น้อย ขั้นตอนต่อมา เราก็ทำตัวให้เป็นปกติที่สุด ทำอะไรของเราไป เรื่อยๆ แน่นอนว่า ตอนนี้ กลุ่มFCของเราและคนอื่นๆ ต้องแอบมองเราอยู่แน่ๆ นอกจากแอบมองแล้วก็อาจจะมีแอบถ่ายรูปเราเก็บไว้ไปเม้าท์กับกลุ่มเพื่อนๆของนาง และยิ่งไปกว่านั้นถึงขั้นมีคนเดินมาขอถ่ายรูปกับเราเลยก็มี ซึ่งในกรณีของผมเค้าคนนั้นจะต้องใจกล้ามากๆหรือไม่ก็ชอบผมมากๆแน่ๆ เพราะอะไรหน่ะหรือ ก็เพราะผมหน้าหยิ่งไง T^T   หรือถ้าอยากจะให้เรทติ้งพุ่งกระฉุด  จะต้องทำกิจกรรมนี้ครับคือ “เตะบอล”  กิจกรรมนี้นอกจากจะลดความต้องการทางเพศได้แล้ว(ในข้อสอบปีนึง)  ยังเป็นกิจกรรมที่ชายอย่างเราสามารถโชว์พาวได้เต็มที่  ละยิ่งถ้ายิงประตูได้นี่ ยิ้มโครตหล่อเลยอ่ะ และแน่นอนการเล่นกีฬาย่อมมีเหงื่อ  เมื่อเหงือไหลเสิ้อนักเรียนของเราซึ่งเป็นสีขาว จะกลายเป็นเสื้อซีทรูมองเห็นสรีระ กล้ามหน้าท้อง และหัวนมสีดำๆ555+  ไอพวกที่มีหุ่นดีๆก็จะถอดเสื้อโชว์มัดกล้ามน้อยๆ(ก้าง) โอ้บร๊ะเจ้า สาวๆมองแล้วคงจะสยิวกิ้วไม่น้อยเลยทีเดียว   แค่นี้แหละครับเรทติ้งเราจะพุ่งกระฉูดยิ่งกว่าดัชนีในตลาดหุ้น  

  ถ้ามีคนชอบเยอะอย่างงี้ก็หาแฟนง่ายเลยอ่ะดิ?  ถูกต้องละครับหาง่ายมากถึงขั้นที่คิดจะมีตอนนี้ก็มีได้เลย เพราะอะไรหน่ะเหรอครับ ก้อย่างที่บอกมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตเราทัน มีตั้งแต่เด็กมอต้น เด็กเนิร์ดจนถึงแก๊งค์นางฟ้า ที่เป็นที่หมายปองของหนุ่มๆทั้งหลาย ฉะนั้นเราจึงกลายเป็นผู้เลือกไปโดยปริยาย ตอนนั้นผมหลงตัวเองอย่างเต็มขั้น คุยทิ้งคุยขว้าง เค้าเข้ามาจีบก็ไปให้ความหวังเค้า คุยไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าเค้าจังกับเรามากเกินไปละ คือมากกว่าหลายๆคนที่เรากำลังคุยอยู่(ก้แน่สิวะใครๆเค้าก็อยากจะจริงจังกันความรักกันทั้งนั้น) เราจะเกิดอาการเบื่อ อารมณ์แบบคุยกันจนถึงขั้นที่เค้ารอเราเอ่ยปากขอเค้าเป็นแฟน  เราก็จะเบื่อทันทีเพราะไม่มีอะไรท้าทายอีกต่อไป เหมือนเป็นเกมส์ๆนึง ละอีกอย่างสมมุติว่าเราตกลงปลงใจเป็นแฟนกับใครซักคนแล้ว เรทติ้งที่สั่งสมก็จะตกฮวบฮาบจากที่มีคนกรี๊ดคนปลื้มก็จะหายไปเลย  ซึ่งเป็นสันดานที่ไม่ดีของผมเลย (ตอนนี้เลิกเป็นแบบนั้นละนะ เค้าล้อเล่น) จนผมได้รับฉายาติดตัวมา เป็นกิตศัพท์ ทั้งคลาสโนว่า  หน้าม่อ เสือผู้หญิง ที่พีคที่สุดเลยคือ เกย์  เดี๋ยวๆๆ เกย์เนี่ยนะ ?   ใช่แล้วครับ เป็นคำถามที่ติดอยู่ในหัวของผมจนมาถึงทุกวันนี้ว่า คนที่คิดว่าเราเกย์เนี่ย เค้าคิดอะไรของเค้าอยู่ 5555+ ชื่อเสียเรื่องผู้หญิงก็สั่งสมมาจนผมกลายเป็น “Bad Boy”


ปล.ถ้ายังไม่มีคนด่าหรือคนหมั่นใส้ผม ผมจะมาเล่าเรื่องของแฟนเก่าของผม และผู้หญิงดีๆคนนึงที่ผมปล่อยเธอหลุดมือไปให้ฟังครับผม พิมถูกพิมผิดยังไงก็อย่าถือสากันนะครับ คิดว่าอ่านกันเพลินๆละกันนะครับ เพราะผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะยาวขนาดนี้ 555+ แท๊คผิดหมวดผิดห้องยังไงขออภัยนะครับ กระทู้แรกครับผม ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่