คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 20
หนูนิดถ่ายภาพพวกนั้นเองด้วย เก่งจัง พวกของใช้เก่าๆ คลาสสิกจริงๆ ด้วย สวยมากๆ
บ้านพี่มีเยอะเลย อยู่ในตู้ ทิ้งไปก็มาก แต่ถ่ายภาพสวยๆ แบบนี้ไม่เป็น
พรรค ปชป. เขาก็เหมือนสินค้าเก่าๆ บางยี่ห้อ ที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
แต่ต่างกันที่ว่า ของเก่าๆ เหล่านี้เมื่อผ่านไปยังมีคุณค่า มีความคลาสสิก มีเรื่องราวประทับใจ น่าจดจำ
แต่พรรคนั้นสุดท้ายเป็นแค่วัตถุโบราณที่ไม่มีคุณค่าใดๆ ไม่มีราคา มีแต่เรื่องราวความเสียหายที่ทำให้ประเทศชาติ
ไว้สอนคนรุ่นหลังว่าพฤติกรรมของพรรคนี้อย่าได้ทำตามเด็ดขาด พวกที่ไม่พัฒนาสร้างสรรค์สิ่งดี ได้แต่โจมตีทำร้ายคนอื่น
บ้านพี่มีเยอะเลย อยู่ในตู้ ทิ้งไปก็มาก แต่ถ่ายภาพสวยๆ แบบนี้ไม่เป็น
พรรค ปชป. เขาก็เหมือนสินค้าเก่าๆ บางยี่ห้อ ที่ไม่มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย
แต่ต่างกันที่ว่า ของเก่าๆ เหล่านี้เมื่อผ่านไปยังมีคุณค่า มีความคลาสสิก มีเรื่องราวประทับใจ น่าจดจำ
แต่พรรคนั้นสุดท้ายเป็นแค่วัตถุโบราณที่ไม่มีคุณค่าใดๆ ไม่มีราคา มีแต่เรื่องราวความเสียหายที่ทำให้ประเทศชาติ
ไว้สอนคนรุ่นหลังว่าพฤติกรรมของพรรคนี้อย่าได้ทำตามเด็ดขาด พวกที่ไม่พัฒนาสร้างสรรค์สิ่งดี ได้แต่โจมตีทำร้ายคนอื่น
แสดงความคิดเห็น
+ + + + กระทู้วันหยุดแสนสดใส ไม่มีไข่ปลา ไข่ไก่ ไข่ห่าน นะจ๊ะ + + + +
ดิฉันแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเด็กบ้านนอก แต่ได้ยินชื่อ “พรรคประชาธิปัตย์” มาตั้งแต่จำความได้ แต่การรู้จักชื่อพรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่ได้รู้ความหมาย หรือรู้ว่าเป็นพรรคการเมืองหรือมีหน้าที่อะไร รู้เพราะได้ยินผู้ใหญ่คนเฒ่าคนแก่เค้าพูดกัน รู้เพราะเครื่องกระจายเสียง พอมีรถติดเครื่องกระจายเสียงแล้วพูดคำว่า “ประชาธิปัตย์” ครั้งใด ดิฉันก็รู้ว่า เย็นวันนั้นดิฉันต้องมีกิจกรรมอะไรสนุกๆเล่น อย่างน้อยก็มีเวทีมีไฟสปอร์ตไลท์สว่างๆ ให้พวกเด็กๆได้ไปรวมกลุ่มกันวิ่งเล่นจับแมงเม่าแข่งกัน หรือ เล่นซ่อนแอบ (ทำไมต้องเล่นซ่อนแอบในที่มันสว่างๆฟะ ? นั่นสิ ! ) แต่ถ้าจะให้เด็ดสุดๆก็คือ ต้องมีการฉายหนังกลางแปลงนั่นล่ะ
การหาเสียงของพรรคการเมืองที่บ้านนอกของดิฉัน จะต้องมาพร้อมข้อแลกเปลี่ยนเสมอ เช่นหนังกลางแปลง หรือ หมอลำซิ่ง เป็นตัวล่อให้คนสนใจ หากลำพังแค่รถกระบะเปล่าๆ มีเสียงพูดผ่านเครื่องอะโหลติดอยู่หลังรถวิ่งช้าๆรอบหมู่บ้าน ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครสนใจ แม้เด็กๆตัวมอมแมมอย่างดิฉันยังเมินหน้าที่จะหยุดฟัง
แต่การดูหนังกลางแปลงของพรรคประชาธิปัตย์นั้น (พรรคอื่นอาจจะมีแต่ดิฉันจำไม่ได้ ไม่คุ้นหู ไม่ติดปาก) ทำเอาเด็กๆเซ็งเหมือนกัน ไม่ต่างอะไรกับหนังขายยา ... คือมันจะเริ่มต้นด้วยการเปิดเพลงที่มีคำว่า “ประชาธิปัตย์” อยู่ซ้ำๆหลายๆเที่ยว หลังจากนั้นก็จะเป็นหนังเหมือนสารคดี โฆษณาพรรคโดยย้ำที่ชื่อพรรคนานๆซ้ำไปซ้ำมาเช่นเดียวกัน กว่าจะได้ดูหนังที่เป็นเรื่องราวมีดาราแสดงนำที่รู้จักของชาวบ้านเช่น ยอดรัก สลักใจ หรือ สรพงษ์ ชาตรี เด็กๆอย่างพวกเราก็นอนหลับกองอยู่กับเสื่อที่พ่อเอาไปปูเพื่อนั่งดู นั่งฟัง ไปนานแล้ว
ส่วนใครที่ต้องการดูหนังจนจบเรื่องก็ต้องทนนั่งดูหนังโฆษณาพรรค (ปัจจุบันก็คือการทำ Presentation โดยใช้ Power Point แบบง่ายๆนี่เองล่ะ ประมาณนั้น) ไม่ใช่ว่าพอเริ่มฉายหนังเรื่อง มันจะฉายตลอดจนจบนะคะ พอฉายหนังเรื่องไปได้ซักพักหน่อย มันก็หยุดฉายแล้วก็ให้ผู้สมัคร สส. ขึ้นพูดหาเสียง ทีนี้ก็พูด ๆๆๆๆ นานมั่กมั่ก จนคนทนไม่ไหวต้องทะยอยม้วนเสื่อกลับบ้านโน่นแหละ มันถึงหยุดและฉายหนังต่อจนจบ (คุณสมบัติของผู้สมัครพรรคนี้เกิดมาเพื่อพูดจริงๆนะ)
ต่อๆมาชาวบ้านเริ่มรู้แกว พอมีหนังกลางแปลงของพรรคประชาธิปัตย์มาเมื่อไหร่ ต่อให้โฆษณายังไงชาวบ้านก็ไม่ลงไปดู หรือ รอจังหวะให้ฉายหนังเรื่องก่อนแล้วค่อยออกไปดู พอถึงช่วงเบรคหาเสียง ชาวบ้านก็ม้วนเสื่อกลับทันที ไม่ดงไม่ดูมันแล้วไอ้ส่วนที่เหลือน่ะ ช่าง แ ... งง พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปไร่ไปนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย ไม่ว่างเฟ้ย !
ก็แปลกใจเหมือนกันนะคะ ไม่ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่พยายามเข้าถึงคนอีสาน ไม่ใช่ว่าคนอีสานจะไม่คุ้นเคยกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทำไมพรรคนี้จึงไม่สามารถเจาะเข้าไปนั่งอยู่กลางใจของคนอีสานได้เหมือนภาคใต้ ... นี่คือคำถาม ?