บางทีผมก็ชอบนะ เวลาโดนดูถูก แล้วเราสามารถทำในสิ่งที่เขาดูถูกได้สำเร็จ
เริ่มกันที่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเรื่องเล่นเกมก่อน ช่วง ป.6 ผมจะบ้าเกมมาก ก็จะไปเล่นที่ตู้เกมในห้างแถวบ้าน ตอนนั้นก็มีเด็กกลุ่มหนึ่งมายืนดู อายุน้อยกว่าผมหน่อย คือผมรู้ระบบเกมแหละว่าหยอดเหรียญไปตอนนี้ มันก็ยังเริ่มเกมไม่ได้ แต่พวกที่ดูอยู่ มันก็บอกให้ผมหยอดเหรียญ แต่ผมก็ไม่ฟังมัน จนคนหนึ่งมันพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวเล่นไม่ผ่านด่านแรกแล้วจะหัวเราะให้ดู" ซึ่งผมมั่นใจมากว่าผมต้องผ่านแน่ เพราะเล่นทุกวัน ผ่านทุกวัน แล้วสุดท้ายผมก็ผ่านไปได้ และผ่านโดยที่ไม่เสียชีวิตในเกมเลยด้วย จนเด็กพวกนั้นมันอึ้งไป แล้วคนที่พูดตอนแรกก็พูดว่า "โคตรเก่งเลยว่ะ เล่นไม่เสียเลือดเลย" ก็ทำให้ผมสะใจมาก
พอมาอีกครั้ง ตอน ม.3 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาให้เลือกสายจะเรียนต่อ ม.4 ผมก็เลือกแผนญี่ปุ่น ก็มีวันหนึ่ง อาจารย์ก็ถามในห้องว่าใครเลือกแผนอะไรบ้าง พอมาถึงแผนญี่ปุ่น ผมก็ยกมือ เพื่อนก็หัวเราะกันทั้งห้อง ผมก็ยังงงว่ามันหัวเราะอะไรกัน แล้วก็มีคนหนึ่งมันพูดขึ้นมาว่า "ภาษาไทยมืงยังพูดไม่ชัดเลย แล้วจะเรียนภาษาญี่ปุ่น" คือไม่ใช่ว่าผมพูดไม่ชัดนะ แต่ผมพูดเร็ว แล้วพวกมันฟังกันไม่เข้าใจ หรืออีกครั้งหนึ่ง เพื่อนที่รู้ว่าผมจะเลือกแผนญี่ปุ่นมันพูดว่า "มืงคิดเหรอว่ามืงจะเรียนได้ ตัวหนังสือมันมีหลายแบบนะ ฮิระงะนะ คะตะคะนะ" ถึงรู้แบบนั้น ผมก็ยังจะเรียนต่อไป
แล้วทีนี้พอขึ้น ม.4 ผมก็นั่งคัด นั่งอ่านทุกวัน คือผมชอบ และอยากเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ไม่ใช่ว่าอยากจะลบคำดูถูกอะไรหรอก ผมก็เรียนของผมไปเรื่อย ๆ ท่องจำของผมไปเรื่อย แต่ (อย่าหาว่าผมอวดตัวเองนะ) ผมกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในห้อง คือใครไม่รู้ ไม่ได้อะไร ก็ต้องมาถามผม ซึ่งจริง ๆ ผมก็ตอบไม่ได้ทุกอย่างหรอก ก็มีบ้างที่ไม่รู้ และตอบไม่ได้ แต่คนก็จะเข้าหาผมอยู่ดี
พอเข้ามหา'ลัย ผมก็ยังเรียนเอกญี่ปุ่นอยู่ แต่ต้องยอมรับว่ามหา'ลัยที่ผมเข้านี่ ไม่ใช่มหา'ลัยที่ใหญ่หรือดังอะไรนัก แล้วคนเก่งจริง ๆ เขาก็ไปมหา'ลัยใหญ่กันหมด อันนี้หมายถึงเก่งแบบรวม ๆ ทุกวิชานะครับ ผมมันได้แค่ญี่ปุ่น ไทย สังคม วิชาอื่นนี่แบบว่าไม่เท่าไร โดยเฉพาะคณิตกับอังกฤษ มันก็เลยเข้าได้แค่นี้ แต่พอมาที่นี่แล้ว ผมก็ยังเก่งสุดในห้องอยู่ดี แค่ในห้องนะครับ ถ้าเอาทั้งชั้นปี ก็มีอีกคนที่เก่งกว่าผม สูสีกันมาตลอดเวลาสอบ
ทั้งตอนมัธยม ทั้งตอนมหา'ลัย ผมก็ได้รางวัลจากการแข่งขันภาษาญี่ปุ่นมาบ้าง แล้วก็สอบผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่นได้ระดับ 3 (มี 5 ระดับ ระดับ 1 คือยากที่สุด) ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้าเทียบผมกับคนจากมหา'ลัยอื่น หรือคนทำงานคนอื่นที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น ผมว่าผมยังอยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก แต่ผมก็รู้สึกสะใจที่อย่างน้อยผมก็อยู่ในระดับที่ดีพอจะกลับไปพูดกับคนที่เคยดูถูกผมได้อย่างไม่ต้องอาย ถึงแม้ว่าเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ว่าเคยพูดแบบนั้นกับผม
คุณรู้สึกยังไง เวลาโดนดูถูก
เริ่มกันที่เรื่องเล็ก ๆ อย่างเรื่องเล่นเกมก่อน ช่วง ป.6 ผมจะบ้าเกมมาก ก็จะไปเล่นที่ตู้เกมในห้างแถวบ้าน ตอนนั้นก็มีเด็กกลุ่มหนึ่งมายืนดู อายุน้อยกว่าผมหน่อย คือผมรู้ระบบเกมแหละว่าหยอดเหรียญไปตอนนี้ มันก็ยังเริ่มเกมไม่ได้ แต่พวกที่ดูอยู่ มันก็บอกให้ผมหยอดเหรียญ แต่ผมก็ไม่ฟังมัน จนคนหนึ่งมันพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวเล่นไม่ผ่านด่านแรกแล้วจะหัวเราะให้ดู" ซึ่งผมมั่นใจมากว่าผมต้องผ่านแน่ เพราะเล่นทุกวัน ผ่านทุกวัน แล้วสุดท้ายผมก็ผ่านไปได้ และผ่านโดยที่ไม่เสียชีวิตในเกมเลยด้วย จนเด็กพวกนั้นมันอึ้งไป แล้วคนที่พูดตอนแรกก็พูดว่า "โคตรเก่งเลยว่ะ เล่นไม่เสียเลือดเลย" ก็ทำให้ผมสะใจมาก
พอมาอีกครั้ง ตอน ม.3 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขาให้เลือกสายจะเรียนต่อ ม.4 ผมก็เลือกแผนญี่ปุ่น ก็มีวันหนึ่ง อาจารย์ก็ถามในห้องว่าใครเลือกแผนอะไรบ้าง พอมาถึงแผนญี่ปุ่น ผมก็ยกมือ เพื่อนก็หัวเราะกันทั้งห้อง ผมก็ยังงงว่ามันหัวเราะอะไรกัน แล้วก็มีคนหนึ่งมันพูดขึ้นมาว่า "ภาษาไทยมืงยังพูดไม่ชัดเลย แล้วจะเรียนภาษาญี่ปุ่น" คือไม่ใช่ว่าผมพูดไม่ชัดนะ แต่ผมพูดเร็ว แล้วพวกมันฟังกันไม่เข้าใจ หรืออีกครั้งหนึ่ง เพื่อนที่รู้ว่าผมจะเลือกแผนญี่ปุ่นมันพูดว่า "มืงคิดเหรอว่ามืงจะเรียนได้ ตัวหนังสือมันมีหลายแบบนะ ฮิระงะนะ คะตะคะนะ" ถึงรู้แบบนั้น ผมก็ยังจะเรียนต่อไป
แล้วทีนี้พอขึ้น ม.4 ผมก็นั่งคัด นั่งอ่านทุกวัน คือผมชอบ และอยากเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ไม่ใช่ว่าอยากจะลบคำดูถูกอะไรหรอก ผมก็เรียนของผมไปเรื่อย ๆ ท่องจำของผมไปเรื่อย แต่ (อย่าหาว่าผมอวดตัวเองนะ) ผมกลายเป็นคนที่เก่งที่สุดในห้อง คือใครไม่รู้ ไม่ได้อะไร ก็ต้องมาถามผม ซึ่งจริง ๆ ผมก็ตอบไม่ได้ทุกอย่างหรอก ก็มีบ้างที่ไม่รู้ และตอบไม่ได้ แต่คนก็จะเข้าหาผมอยู่ดี
พอเข้ามหา'ลัย ผมก็ยังเรียนเอกญี่ปุ่นอยู่ แต่ต้องยอมรับว่ามหา'ลัยที่ผมเข้านี่ ไม่ใช่มหา'ลัยที่ใหญ่หรือดังอะไรนัก แล้วคนเก่งจริง ๆ เขาก็ไปมหา'ลัยใหญ่กันหมด อันนี้หมายถึงเก่งแบบรวม ๆ ทุกวิชานะครับ ผมมันได้แค่ญี่ปุ่น ไทย สังคม วิชาอื่นนี่แบบว่าไม่เท่าไร โดยเฉพาะคณิตกับอังกฤษ มันก็เลยเข้าได้แค่นี้ แต่พอมาที่นี่แล้ว ผมก็ยังเก่งสุดในห้องอยู่ดี แค่ในห้องนะครับ ถ้าเอาทั้งชั้นปี ก็มีอีกคนที่เก่งกว่าผม สูสีกันมาตลอดเวลาสอบ
ทั้งตอนมัธยม ทั้งตอนมหา'ลัย ผมก็ได้รางวัลจากการแข่งขันภาษาญี่ปุ่นมาบ้าง แล้วก็สอบผ่านการวัดระดับภาษาญี่ปุ่นได้ระดับ 3 (มี 5 ระดับ ระดับ 1 คือยากที่สุด) ซึ่งเอาจริง ๆ ถ้าเทียบผมกับคนจากมหา'ลัยอื่น หรือคนทำงานคนอื่นที่ใช้ภาษาญี่ปุ่น ผมว่าผมยังอยู่ในระดับต่ำเตี้ยเรี่ยดินมาก แต่ผมก็รู้สึกสะใจที่อย่างน้อยผมก็อยู่ในระดับที่ดีพอจะกลับไปพูดกับคนที่เคยดูถูกผมได้อย่างไม่ต้องอาย ถึงแม้ว่าเขาอาจจะลืมไปแล้วก็ได้ ว่าเคยพูดแบบนั้นกับผม