สวัสดีครับ หลังจากที่ไปเดินเล่นดูยอดเขาและทุ่งดอกไม้กับ 2 กระทู้ที่ผ่านมา วันนี้เราไปล่องเรือในทะเลสาบที่มีสีสันแปลกตาที่สุดกันนะครับ...
ใช่แล้ว หลายคนคงคิดไว้ในใจ ทะเลสาบ Brienz หรือ Breinzersee นั้นเอง ทะเลสาบนี้มีสีเทอร์คอยซ์ (Turquoise) สวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Interlaken และเมือง Brienz เป็นทะเลสาบใหญ่มีเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่รอบๆ พร้อมกันแล้วก็อย่ารอท่า ไปรอที่ท่าเรือกันเลย..

ผมล่องทะเลสาบ Brienz ในวันที่ 3 ของการท่องเที่ยว หลังจากวันก่อนขึ้น Harder Kulm และ Schynige Platte (
http://pantip.com/topic/33986592) วันนี้จึงเป็นแรกของการท่องเที่ยวแบบเต็มสูบ เราตื่นตั้งแต่ตี 5 ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นกลุ่มแรกตอน 7 โมงเช้า พยากรณ์อากาศคาดการณ์ไว้ได้แม่นยำราวกับขงเบ้ง ท้องฟ้ามีเมฆมากและฝนตกปรอยๆ การเที่ยวชมภูเขาอย่าง Mannlichen และ First ต้องวางพับเอาไว้ก่อน เราได้ข้อสรุปว่าจะล่องเรือชมทะเลสาบ Brienz และหากท้องฟ้าเปิดมากขึ้นก็จะขึ้น Breinzer Rothorn (
http://pantip.com/topic/34321340) แต่ถ้าท้องฟ้าไม่เป็นใจก็เที่ยวน้ำตก Giessbach แทน
หลังจากอาหารเช้า เราออกจากโรงแรมแล้วเที่ยวชมบรรยากาศภายในเมือง Riggenberg (
http://pantip.com/topic/33979050) ไปพลางๆ รอเรือเที่ยวแรกของวันจาก Interlaken ที่จะมาเทียบท่าเวลา 9.33 น.
ในหน้าร้อน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม ไปจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม) เรือจะออกจากท่าเรือ Interlaken Ost (ท่าเรืออยู่หลังสถานีรถไฟ) ทุกนาทีที่ :07 โดยเรือเที่ยวแรกออกจากท่าเวลา 9.07 น. ไปจนถึงเวลา 16.07 น. แล้วจะข้ามไป 3 ชม. ไปออกเที่ยวสุดท้ายเวลา 19.07 น. (ก่อนวันที่ 21 มิถุนายน และหลังวันที่ 30 สิงหาคม เที่ยวเรือจะลดลงเป็น 2 ชั่วโมงต่อเที่ยว)
เรือจากท่า Interlaken Ost จะล่องไปยังท่า Bonigen, Ringgenberg, Niederried, Iseltwald, Oberried, Giessbach-see และ Brienz ตามลำดับ ท่าที่อยู่ทางขวามือเมื่อมองจากเมือง Interlaken ได้แก่ท่า Bonigen, Iseltwald และ Giessbach-see เป็นท่าที่เรือทุกเที่ยวจะจอดส่งผู้โดยสาร ส่วนท่าที่เหลือทางซ้ายมือ เรือแต่ละเที่ยวจะจอดไม่เหมือนกัน ข้ามบ้างจอดบ้าง ทั้งนี้ผมสันนิษฐานว่าท่าทางซ้ายมือมีทางรถไฟเชื่อมต่อกันอยู่แล้ว แต่ทางขวามือเชื่อมต่อกันด้วยถนน จึงเอาเรือมาเสริมการขนส่งด้วย
ท่าเรือ Ringgenberg

เรือชื่อ “Brienz” มารับเราตรงเวลาเป๊ะ มีคนรอขึ้นเรือ 4-5 คน เมื่อก้าวขึ้นเรือเราก็แสดงบัตร Regional Pass ให้กับนายตรวจ บัตรของเราเป็นบัตรเดินทางชั้น 2 แต่ขึ้นชั้น 2 ไม่ได้นะครับ เพราะสงวนไว้ให้การบัตรเดินทางชั้น 1 เมื่อจัดแจงหาที่นั่งข้างหลังลำเรือได้แล้ว เรือก็แล่นออกไป
เรือ Brienz จะพาเราล่องทะเลสาบ Brienz ในวันนี้

หัวเรือ Brienz

ภาพเมือง Ringgenberg อยู่เบื้องหลัง
เราได้สัมผัสสายลม และสีเทอร์คอยซ์ของทะเลสาบที่ทำให้รู้สึกสดชื่น สีของน้ำในทะเลสาบเปลี่ยนไปตามสภาพบนท้องฟ้า เมื่อร่มเงาจากก้อนเมฆทาทับพื้นน้ำก็จะเป็นสีหนึ่ง แต่ถ้าพื้นที่ใดแสงแดดเอาชนะมวลหมู่เมฆได้ ก็จะสะท้อนพื้นน้ำเป็นเชดสีที่เปลี่ยนไป

แม้จำนวนท่าที่เรือจอดในแต่ละเที่ยวจะไม่เท่ากัน (มีผลให้ระยะทางของแต่ละเที่ยวแตกต่างกันออกไป) แต่เวลาจากท่า Interlaken ถึงท่า Brienz ของทุกเรือเที่ยวนั้นใช้เท่ากัน ดังนั้นแต่ละเที่ยวจึงใช้ความเร็วในการแล่นที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเที่ยวแรกของวันที่เรานั่งนั้น จอดท่าทางซ้ายทุกท่ายกเว้นท่า Oberried เป็นเหตุให้ไม่สามารถจะอ้อยอิ่งได้ ความเร็วที่แล่นจึงค่อนข้างสูง
พนักงานเร่งมือทำงานที่ท่าเรือ Niederried

ก่อนที่เรือจะแล่นมาเทียบท่า Iseltwald ผมเห็นหมู่บ้านที่มีภูเขาเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆ ดูน่ารักมาก เมือง Iseltwald เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ มีประชากรพอๆ กับที่ Murren จากท่า Iseltwald เมื่อแล่นออกมาซักหน่อยจะเห็นปราสาทเก่า เกาะกลางทะเลสาบ ยอดภูเขาสูง ป่าสน หน้าผากับพื้นน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมากๆ
ท่าเรือ Iseltwald

หมู่บ้านเล็กๆ ก่อนถึงท่าเรือ

ปราสาทเก่า

เกาะกลางทะเลสาบ

ยอดเขาไกลๆ ตา

หน้าผากับป่าสน

สีน้ำกับต้นไม้
หลังจากนั้นเรือแล่นมาเทียบท่า Giessbach-see ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเก่าแก่ข้างๆ น้ำตก Giessbach มีสถานีรถไฟขึ้น Giessbach ที่ท่าเรือ
Giessbach และ Axalp เป็นจุดหมายหนึ่งที่ผมวางแผนมาจากบ้าน แต่ก็ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ท้องฟ้าที่เปิดขึ้นระหว่างที่ล่องเรือทำให้เราคิดจะขึ้น Brienzer Rothorn แล้วพัก Giessbach ไว้ก่อน เมื่อเรือแล่นออกจากท่าแว๊บเดียว เราเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่าน้ำตก Staubbach ที่ Lauterbrunnen มาก) น้ำสีขาวไหลลอดสะพานลงมายังทะเลสาบเบื้องล่าง น้ำกระเซ็นกระสายจากแรงโน้มถ่วงที่ทิ้งมันลงมา
สถานีรถไฟข้างท่าเรือ Giessbach-see

น้ำตกไหลลงทะเลสาบ

ภาพมุมกว้างของโรงแรมและน้ำตกที่ Giessbach

เรือแล่นจาก Giessbach มาถึงท่าเรือ Brienz เวลา 10.20 น. ที่ท่าเรือมีที่นั่งและต้นไม้ทำให้รู้สึกร่มรื่น ที่ลำต้นของต้นไม้ถูกพันไว้ด้วยผ้าเหมือนไหมพรมสีสันสวยงาม (สะพานที่ Meiringen ก็มีผ้าแบบนี้พันอยู่
http://pantip.com/topic/34337368 ) จากท่าเรือเราข้ามทางรถไฟ แล้วเดินไปทางขวามือซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟประจำเมือง เราขึ้นรถไฟไปยัง Brienzer Rothorn ทานอาหารกลางวัน เดินเที่ยว และกลับถึง Brienz เวลา 15.32 น.
ท่าเรือและสถานีรถไฟ Brienz

สีของทะเลสาบบริเวณเมือง Brienz

ภาพมุมสูงของเมือง Brienz จากทางขึ้น Brienzer Rothorn

ภาพมุมสูงของแม่น้ำ Aare สีขาวขุ่นกำลังไหลลงทะเลสาบ

ภาพมุมสูงมองกลับไปยัง Iseltwald และ Bonigen

เราเดินเล่นเลียบทะเลสาบตามทางที่เมืองจัดสร้างไว้ ตลอดระยะทางของเขื่อนหิน มีต้นไม้ ดอกไม้ เตียงอาบแดด ที่นอนของเป็ด พื้นที่กิจกรรมสำหรับเด็ก ทั้งหมดนี้มีทะเลสาบและภูเขาเป็นฉากหลัง ไม่มีเสียงเอะอะ หรือเสียงเครื่องยนต์ให้รำคาญใจ เห็นแล้วอยากให้มีโครงการแบบนี้ที่บ้านเราบ้าง ทำให้นึกไปถึงโครงการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 14 กม.ของภาครัฐ ที่มีกลุ่ม Friends Of the River (FOR)
https://www.facebook.com/friendsofthechaophrayariver ได้นำเสนอการพัฒนาโครงการลักษณะเดียวกันนี้ในประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และอเมริกา แต่เน้นให้เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เมื่อเดินเที่ยวรอบๆ แล้ว เรากลับมารอเรือเที่ยวกลับที่ท่า เรือจะออกชั่วโมงละเที่ยวทุกนาทีที่ :40 ซึ่งเราได้ขึ้นเรือเที่ยว 17.40 น. ได้เรือลำเดิมที่มาส่งเราเมื่อเช้า เรือแล่นย้อนกลับตามท่าที่เรามา และไปถึงท่าเรือ Interlaken Ost เวลา 18.53 น. น้ำทะเลสาบสีสันสวยงาม มีแสงแดดเป็นระยะๆ ลมแรงกว่าขาที่ล่องมาเมื่อช่วงเช้า

ต่อมาอีกหลายวัน ผมได้เฝ้ามองทะเลสาบ Brienz (เนื่องจากห้องพักที่ติดกับทะเลสาบ) ดูผู้คนทำกิจกรรมในทะเลสาบนี้หลายๆรูปแบบ ทั้งพายเรือ พายบอร์ด ตกปลา และเรือที่แล่นไปแล่นมาในพื้นน้ำสีแปลกตานี่ด้วย

Turquoise เป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึง หินของชาวเติร์ก (Turkish stone) เนื่องจากชาวยุโรปสมัยก่อนซื้อหินเทอร์คอยซ์ผ่านชาวเติร์กในตุรกี (เหมืองอยู่ในตะวันออกกลาง) สีเทอร์คอยซ์นี้เป็นสีโปรดของใครหลายๆคน ด้วยความที่เป็นสีที่ผสมระหว่างสีน้ำเงินตัวแทนของฤดูหนาว และสีเขียวตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นสีนี้จึงเป็นตัวแทนของ Vernal Equinox เป็นจุดบรรจบของฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ (Equinox คือวันที่มีช่วงกลางวันและกลางคืนเท่ากันพอดี ปีหนึ่งจะมี 2 วัน)
นอกจากนี้สีเทอร์คอยซ์จะเป็นสีผสมระหว่างสีน้ำเงินและสีเขียว ยังเป็นสีที่อยู่ตรงกลางในสีสเปคตรัมที่ไล่ตั้งแต่สีแดงสดไปจนถึงสีม่วงเข้ม
ด้วยความเป็นกลางนี่เอง สีเทอร์คอยซ์จึงเป็นสีแห่งความสมดุลของอารมณ์ ความคิด และการพูด ในหลายวัฒนธรรม เชื่อว่าหินเทอร์คอยซ์เป็นอัญมณีแห่งโชค และการปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย
อย่างไรก็ตาม บางแหล่งข้อมูลบอกว่าสีนี้ที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะส่งผลในแง่ลบได้ ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ ว้าวุ่น หรือใช้เหตุผลในการต้ดสินใจมากเกินไป น้อยเกินไปจะทำให้ ซ่อนเร้น สับสน ลังเลและหวาดระแวง
การจะอยู่จุดสมดุลนี่ก็ไม่ง่ายเลยนะครับ มากไปนิด น้อยไปหน่อย ก็หลุดจากสมดุลซะแล้ว ยังไงก็ต้องพยายามรักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจไว้ให้ดี เที่ยวบ้าง พักบ้างนะครับ...สวัสดีครับ...
ขอลาด้วยเจ้าเป็ดน้อยล่องลอยในทะเลสาบ
[CR] Made in Bernese Oberland : Brienzersee - The turquoise
ใช่แล้ว หลายคนคงคิดไว้ในใจ ทะเลสาบ Brienz หรือ Breinzersee นั้นเอง ทะเลสาบนี้มีสีเทอร์คอยซ์ (Turquoise) สวยงามแปลกตา ตั้งอยู่ระหว่างเมือง Interlaken และเมือง Brienz เป็นทะเลสาบใหญ่มีเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่รอบๆ พร้อมกันแล้วก็อย่ารอท่า ไปรอที่ท่าเรือกันเลย..
ผมล่องทะเลสาบ Brienz ในวันที่ 3 ของการท่องเที่ยว หลังจากวันก่อนขึ้น Harder Kulm และ Schynige Platte (http://pantip.com/topic/33986592) วันนี้จึงเป็นแรกของการท่องเที่ยวแบบเต็มสูบ เราตื่นตั้งแต่ตี 5 ทานอาหารเช้าที่โรงแรมเป็นกลุ่มแรกตอน 7 โมงเช้า พยากรณ์อากาศคาดการณ์ไว้ได้แม่นยำราวกับขงเบ้ง ท้องฟ้ามีเมฆมากและฝนตกปรอยๆ การเที่ยวชมภูเขาอย่าง Mannlichen และ First ต้องวางพับเอาไว้ก่อน เราได้ข้อสรุปว่าจะล่องเรือชมทะเลสาบ Brienz และหากท้องฟ้าเปิดมากขึ้นก็จะขึ้น Breinzer Rothorn (http://pantip.com/topic/34321340) แต่ถ้าท้องฟ้าไม่เป็นใจก็เที่ยวน้ำตก Giessbach แทน
หลังจากอาหารเช้า เราออกจากโรงแรมแล้วเที่ยวชมบรรยากาศภายในเมือง Riggenberg (http://pantip.com/topic/33979050) ไปพลางๆ รอเรือเที่ยวแรกของวันจาก Interlaken ที่จะมาเทียบท่าเวลา 9.33 น.
ในหน้าร้อน (เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม ไปจนถึงวันที่ 25 ตุลาคม) เรือจะออกจากท่าเรือ Interlaken Ost (ท่าเรืออยู่หลังสถานีรถไฟ) ทุกนาทีที่ :07 โดยเรือเที่ยวแรกออกจากท่าเวลา 9.07 น. ไปจนถึงเวลา 16.07 น. แล้วจะข้ามไป 3 ชม. ไปออกเที่ยวสุดท้ายเวลา 19.07 น. (ก่อนวันที่ 21 มิถุนายน และหลังวันที่ 30 สิงหาคม เที่ยวเรือจะลดลงเป็น 2 ชั่วโมงต่อเที่ยว)
เรือจากท่า Interlaken Ost จะล่องไปยังท่า Bonigen, Ringgenberg, Niederried, Iseltwald, Oberried, Giessbach-see และ Brienz ตามลำดับ ท่าที่อยู่ทางขวามือเมื่อมองจากเมือง Interlaken ได้แก่ท่า Bonigen, Iseltwald และ Giessbach-see เป็นท่าที่เรือทุกเที่ยวจะจอดส่งผู้โดยสาร ส่วนท่าที่เหลือทางซ้ายมือ เรือแต่ละเที่ยวจะจอดไม่เหมือนกัน ข้ามบ้างจอดบ้าง ทั้งนี้ผมสันนิษฐานว่าท่าทางซ้ายมือมีทางรถไฟเชื่อมต่อกันอยู่แล้ว แต่ทางขวามือเชื่อมต่อกันด้วยถนน จึงเอาเรือมาเสริมการขนส่งด้วย
ท่าเรือ Ringgenberg
เรือชื่อ “Brienz” มารับเราตรงเวลาเป๊ะ มีคนรอขึ้นเรือ 4-5 คน เมื่อก้าวขึ้นเรือเราก็แสดงบัตร Regional Pass ให้กับนายตรวจ บัตรของเราเป็นบัตรเดินทางชั้น 2 แต่ขึ้นชั้น 2 ไม่ได้นะครับ เพราะสงวนไว้ให้การบัตรเดินทางชั้น 1 เมื่อจัดแจงหาที่นั่งข้างหลังลำเรือได้แล้ว เรือก็แล่นออกไป
เรือ Brienz จะพาเราล่องทะเลสาบ Brienz ในวันนี้
หัวเรือ Brienz
ภาพเมือง Ringgenberg อยู่เบื้องหลัง
เราได้สัมผัสสายลม และสีเทอร์คอยซ์ของทะเลสาบที่ทำให้รู้สึกสดชื่น สีของน้ำในทะเลสาบเปลี่ยนไปตามสภาพบนท้องฟ้า เมื่อร่มเงาจากก้อนเมฆทาทับพื้นน้ำก็จะเป็นสีหนึ่ง แต่ถ้าพื้นที่ใดแสงแดดเอาชนะมวลหมู่เมฆได้ ก็จะสะท้อนพื้นน้ำเป็นเชดสีที่เปลี่ยนไป
แม้จำนวนท่าที่เรือจอดในแต่ละเที่ยวจะไม่เท่ากัน (มีผลให้ระยะทางของแต่ละเที่ยวแตกต่างกันออกไป) แต่เวลาจากท่า Interlaken ถึงท่า Brienz ของทุกเรือเที่ยวนั้นใช้เท่ากัน ดังนั้นแต่ละเที่ยวจึงใช้ความเร็วในการแล่นที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเที่ยวแรกของวันที่เรานั่งนั้น จอดท่าทางซ้ายทุกท่ายกเว้นท่า Oberried เป็นเหตุให้ไม่สามารถจะอ้อยอิ่งได้ ความเร็วที่แล่นจึงค่อนข้างสูง
พนักงานเร่งมือทำงานที่ท่าเรือ Niederried
ก่อนที่เรือจะแล่นมาเทียบท่า Iseltwald ผมเห็นหมู่บ้านที่มีภูเขาเล็กๆ ตั้งอยู่ใกล้ๆ ดูน่ารักมาก เมือง Iseltwald เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆ มีประชากรพอๆ กับที่ Murren จากท่า Iseltwald เมื่อแล่นออกมาซักหน่อยจะเห็นปราสาทเก่า เกาะกลางทะเลสาบ ยอดภูเขาสูง ป่าสน หน้าผากับพื้นน้ำ เป็นภาพที่สวยงามมากๆ
ท่าเรือ Iseltwald
หมู่บ้านเล็กๆ ก่อนถึงท่าเรือ
ปราสาทเก่า
เกาะกลางทะเลสาบ
ยอดเขาไกลๆ ตา
หน้าผากับป่าสน
สีน้ำกับต้นไม้
หลังจากนั้นเรือแล่นมาเทียบท่า Giessbach-see ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมเก่าแก่ข้างๆ น้ำตก Giessbach มีสถานีรถไฟขึ้น Giessbach ที่ท่าเรือ
Giessbach และ Axalp เป็นจุดหมายหนึ่งที่ผมวางแผนมาจากบ้าน แต่ก็ไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ท้องฟ้าที่เปิดขึ้นระหว่างที่ล่องเรือทำให้เราคิดจะขึ้น Brienzer Rothorn แล้วพัก Giessbach ไว้ก่อน เมื่อเรือแล่นออกจากท่าแว๊บเดียว เราเห็นน้ำตกขนาดใหญ่ (ใหญ่กว่าน้ำตก Staubbach ที่ Lauterbrunnen มาก) น้ำสีขาวไหลลอดสะพานลงมายังทะเลสาบเบื้องล่าง น้ำกระเซ็นกระสายจากแรงโน้มถ่วงที่ทิ้งมันลงมา
สถานีรถไฟข้างท่าเรือ Giessbach-see
น้ำตกไหลลงทะเลสาบ
ภาพมุมกว้างของโรงแรมและน้ำตกที่ Giessbach
เรือแล่นจาก Giessbach มาถึงท่าเรือ Brienz เวลา 10.20 น. ที่ท่าเรือมีที่นั่งและต้นไม้ทำให้รู้สึกร่มรื่น ที่ลำต้นของต้นไม้ถูกพันไว้ด้วยผ้าเหมือนไหมพรมสีสันสวยงาม (สะพานที่ Meiringen ก็มีผ้าแบบนี้พันอยู่ http://pantip.com/topic/34337368 ) จากท่าเรือเราข้ามทางรถไฟ แล้วเดินไปทางขวามือซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟประจำเมือง เราขึ้นรถไฟไปยัง Brienzer Rothorn ทานอาหารกลางวัน เดินเที่ยว และกลับถึง Brienz เวลา 15.32 น.
ท่าเรือและสถานีรถไฟ Brienz
สีของทะเลสาบบริเวณเมือง Brienz
ภาพมุมสูงของเมือง Brienz จากทางขึ้น Brienzer Rothorn
ภาพมุมสูงของแม่น้ำ Aare สีขาวขุ่นกำลังไหลลงทะเลสาบ
ภาพมุมสูงมองกลับไปยัง Iseltwald และ Bonigen
เราเดินเล่นเลียบทะเลสาบตามทางที่เมืองจัดสร้างไว้ ตลอดระยะทางของเขื่อนหิน มีต้นไม้ ดอกไม้ เตียงอาบแดด ที่นอนของเป็ด พื้นที่กิจกรรมสำหรับเด็ก ทั้งหมดนี้มีทะเลสาบและภูเขาเป็นฉากหลัง ไม่มีเสียงเอะอะ หรือเสียงเครื่องยนต์ให้รำคาญใจ เห็นแล้วอยากให้มีโครงการแบบนี้ที่บ้านเราบ้าง ทำให้นึกไปถึงโครงการพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา 14 กม.ของภาครัฐ ที่มีกลุ่ม Friends Of the River (FOR) https://www.facebook.com/friendsofthechaophrayariver ได้นำเสนอการพัฒนาโครงการลักษณะเดียวกันนี้ในประเทศ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน และอเมริกา แต่เน้นให้เกิดจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
เมื่อเดินเที่ยวรอบๆ แล้ว เรากลับมารอเรือเที่ยวกลับที่ท่า เรือจะออกชั่วโมงละเที่ยวทุกนาทีที่ :40 ซึ่งเราได้ขึ้นเรือเที่ยว 17.40 น. ได้เรือลำเดิมที่มาส่งเราเมื่อเช้า เรือแล่นย้อนกลับตามท่าที่เรามา และไปถึงท่าเรือ Interlaken Ost เวลา 18.53 น. น้ำทะเลสาบสีสันสวยงาม มีแสงแดดเป็นระยะๆ ลมแรงกว่าขาที่ล่องมาเมื่อช่วงเช้า
ต่อมาอีกหลายวัน ผมได้เฝ้ามองทะเลสาบ Brienz (เนื่องจากห้องพักที่ติดกับทะเลสาบ) ดูผู้คนทำกิจกรรมในทะเลสาบนี้หลายๆรูปแบบ ทั้งพายเรือ พายบอร์ด ตกปลา และเรือที่แล่นไปแล่นมาในพื้นน้ำสีแปลกตานี่ด้วย
Turquoise เป็นคำมาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึง หินของชาวเติร์ก (Turkish stone) เนื่องจากชาวยุโรปสมัยก่อนซื้อหินเทอร์คอยซ์ผ่านชาวเติร์กในตุรกี (เหมืองอยู่ในตะวันออกกลาง) สีเทอร์คอยซ์นี้เป็นสีโปรดของใครหลายๆคน ด้วยความที่เป็นสีที่ผสมระหว่างสีน้ำเงินตัวแทนของฤดูหนาว และสีเขียวตัวแทนของฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นสีนี้จึงเป็นตัวแทนของ Vernal Equinox เป็นจุดบรรจบของฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิ (Equinox คือวันที่มีช่วงกลางวันและกลางคืนเท่ากันพอดี ปีหนึ่งจะมี 2 วัน)
นอกจากนี้สีเทอร์คอยซ์จะเป็นสีผสมระหว่างสีน้ำเงินและสีเขียว ยังเป็นสีที่อยู่ตรงกลางในสีสเปคตรัมที่ไล่ตั้งแต่สีแดงสดไปจนถึงสีม่วงเข้ม
ด้วยความเป็นกลางนี่เอง สีเทอร์คอยซ์จึงเป็นสีแห่งความสมดุลของอารมณ์ ความคิด และการพูด ในหลายวัฒนธรรม เชื่อว่าหินเทอร์คอยซ์เป็นอัญมณีแห่งโชค และการปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย
อย่างไรก็ตาม บางแหล่งข้อมูลบอกว่าสีนี้ที่มากเกินไปหรือน้อยเกินไปจะส่งผลในแง่ลบได้ ถ้ามากเกินไปก็จะทำให้ ว้าวุ่น หรือใช้เหตุผลในการต้ดสินใจมากเกินไป น้อยเกินไปจะทำให้ ซ่อนเร้น สับสน ลังเลและหวาดระแวง
การจะอยู่จุดสมดุลนี่ก็ไม่ง่ายเลยนะครับ มากไปนิด น้อยไปหน่อย ก็หลุดจากสมดุลซะแล้ว ยังไงก็ต้องพยายามรักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจไว้ให้ดี เที่ยวบ้าง พักบ้างนะครับ...สวัสดีครับ...
ขอลาด้วยเจ้าเป็ดน้อยล่องลอยในทะเลสาบ