นิยายรัก....พลิกร้ายให้รักลงล็อก บทที่ 2

กระทู้สนทนา
บทที่ 2


          ฟ้างามกลับจากโรงเรียนด้วยความเหนื่อยล้าสุดๆ ความคิดแรกที่กลับถึงบ้านคืออยากอาบน้ำเอาเศษฝุ่นที่เกาะติดเสื้อผ้า รองเท้าเส้นผมผิวหนังของเธอ เธออยากจะล้างมันออกให้หมดล้างมันออกจากตัวของเธอ เธอเกลียดทุกอย่างที่นี้เกลียดโรงเรียน เกลียดยายใบบัวเน่าที่คอยติดตามเธอยังกับตุ๊กแก และเกลียดทุกคนที่พยายามจะมาเป็นเพื่อนกับเธอ ในหัวของฟ้างามที่นี้มีแต่ความโหดร้ายน่ารังเกียจและไม่น่าอยู่เอาซะเลย  แรงเก็บกดที่อัดแน่นอยู่ในตัวเธอก็ระเบิดออกมาด้วยการ กรีดร้องเสียงดังลั่นบ้านฟ้างามกระโดดกระทืบเท้าลงพื้นห้องอย่างรุนแรงเพื่อปล่อยอารมณ์เก็บกดที่อยู่ภายในใจของตัวเองที่อัดอั้นมาตลอดทั้งวัน

    “ฟ้า หลานเป็นอะไรลูก” เสียงของยายที่อยู่ในห้องครัวตะโกนถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงหลานสาวตัวน้อยกรีดร้อง ยายรีบวิ่งมาที่ห้องของหลานสาวทันทีประตูห้องถูกผลักเปิดออกพร้อมกับสีหน้าตื่นตกใจของยาย

    “หลานเป็นอะไรจ้า เกิดอะไรขึ้นกับหลาน” ยายเดินเข้ามาหาหลานสาวตัวน้อย ยายดึงตัวหลานเข้ามากอดอย่างเอ็นดูและเป็นห่วง
    “หนูไม่เป็นไรคะคุณยาย ฟ้าสบายดี ฟ้าแค่เจอตุ๊กแกนะค่ะมักเกาะอยู่ที่ผนังตรงโน้น” ฟ้างามแกล้งชี้นิ้วไปมั่วๆทั้งที่ตรงนั้นไม่เคยมีตุ๊กแกอยู่เลย เธอรักยายมากไม่อยากทำให้ยายต้องเป็นห่วง ที่เธอยอมอยู่ที่นี้ก็เพราะเป็นห่วงยายอยากที่จะดูแลยายแทนแม่ที่จากไปเธอตั้งแต่เธออายุไดเพียงเก้าปีเท่านั้น ตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่ได้บ้านยายอีกเลย

           จนวันนี้วันที่พ่อพาเธอมาฝากให้ยายเลี้ยงดูเธอซักระยะหนึ่งมาเรียนที่บ้านนอกห่างไกลความเจริญ พ่อบอกกับเธอว่าบริษัทของพ่อประสบปัญหาหนักและกำลังจะล้มละลายต่อไปพ่อจะไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเธอได้อีก และจะไม่มีเวลาให้เธอเหมือนเมื่อก่อน พ่อจึงตัดสินใจพาเธอมาอยู่กับยายและจะมารับเธอกลับเมื่อพ่อจัดการกับปัญหาทุกอย่างเรียบร้อย  เธอนึกถึงสิ่งต่างๆที่พ่อพูดกับเธอ เธอไม่เข้าใจคำว่าล้มละลาย แต่คำๆนี้ทำให้เธอต้องมาลำบากลำบนอยู่ที่บ้านโคกมะขามแห่งนี้ และนั่นก็ทำให้เธอเกลียดคำว่าล้มละลายสุดหัวใจ

    “โถ หลานยายคงกลัวซินะ แต่มันคงไม่ทำอะไรหลานหรอกนะจ้ะ มันคงอยากออกมาทักทายหลานมากว่านะ หลานมาใหม่เนี่ยน่า อยู่ไปเดี๋ยวหลานก็คงชินกับมันเองล่ะ”ยายปลอบหลานสาวตัวน้อยอย่างเอ็นดู

    “ฟ้าไม่กลัวหรอกคะ ฟ้าแค่ตกใจเฉยๆ” ฟ้างามทำเสียงออดอ้อนสดใสก่อนจะโผกอดยายอย่างเด็กที่อยากอ้อนยาย
    “ดีแล้วจ้ะที่ไม่กลัว ยายกำลังจะไปตลาดหลานอยากไปกับยายไหมจ้ะ”

    “ไม่ดีกว่าคะวันนี้ฟ้าเหนื่อยมากเลย อยากอาบน้ำก่อนนะคะ” ฟ้ายังกอดยายไว้แน่น ใจจริงเธอก็อยากไปเป็นเพื่อนยายไปช่วยยายถือของแต่วันนี้เธอไม่ไหวจริงๆ อยากจะพักผ่อนและยังไม่อยากเจอใครอีก

    “ใหม่ๆก็อย่างนี้ล่ะ คงเล่นกับเพื่อนๆจนเหนื่อยล่ะซิ แล้วยายจะกลับมาฟังหลานเล่าถึงโรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่นะ ยายไปก่อนล่ะ หลานอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” ยายลูบหัวหลานสาวตัวน้อยด้วยรักความเอ็นดู

    “ฟ้ากินอะไรก็ได้คะที่ยายทำ เพราะยายของฟ้าทำอาหารอร่อยที่สุดเลย”เธอทำน้ำเสียงอ้อนยายเพื่อทำให้ผู้เป็นยายรู้สึกสบายใจและไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงเธอ

    ฟ้างามรอจนยายเดินไปสุดบันไดก่อนจะกระแทกประตูปิดอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดอยู่บ้าง เธอทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนสีชมพูลายคิดตี้ ที่นอนที่ยายซื้อเตรียมไว้ให้หลานสาวตัวน้อยเพื่อเอาใจหลานและอยากจะให้หลานอยู่กับยายนานๆ  

    ฟ้างามรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกเมื่อนึกถึงคำพูดของยายที่บอกว่าจะกลับมาฟังเธอเล่าถึงโรงเรียนใหม่ แค่คิดเธอก็รู้สึกพะอืดพะอมอยากจะกรีดร้องให้ดังลั่นบ้านไปเลย โรงเรียนใหม่ที่ไหนกันทุกอย่างที่เธอเดินผ่านมีแต่ของเก่าๆพังๆทั้งนั้นเลยสีอาคารที่ลอกออกเกือบหมด ไหนจะแผ่นไม้ผุๆ โต๊ะเรียนหนังสือที่พร้อมจะพังได้ทุกเวลา อาหารที่เธอกินแทบไม่ได้เลยไหนจะห้องน้ำสกปรกเหม็นๆ กับสนามโรงเรียนกีฬาที่เก่าๆช่างเป็นโรงเรียนที่น่าเรียนซะเหลือเกิน แค่คิดเธอก็ไม่อยากจะนึกถึงมัน

    เธอได้แต่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง มันเป็นสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้มาเจอแบบนี้เธอไม่อยากเรียนที่โรงเรียนนี้ ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้เธอไม่ชอบใจเอามากๆคือเพื่อนใหม่ที่ชื่อใบบัว ที่คอยติดตามทุกฝีก้าวเลยก็ว่าๆได้

    “เราเป็นเพื่อนกันนะ ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆนะ เธอช่วยฉันจากไอ้บู๊ลิ้มนั่นฉันซาบซึ้งใจจริงๆเลย” คำพูดของใบบัวที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอตลอดเวลา ต่อให้เธอไล่ใบบัวไปสุดท้ายใบบัวก็เกาะติดว่าเธอไปทุกย่างก้าวและก็พูดคำเดิมเหล่านี้ จนทำให้เธออยากที่จะแอบหนีออกจากโรงเรียนซะให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ฟ้างามก็กลัวเรื่องนี้จะทำให้ผู้เป็นยายเป็นห่วงเธอ เธอจึงอดทนจะเลิกเรียน

    และอีกคนที่สร้างปัญหาให้ฟ้างามศัตรูของใบบัวแต่ตอนนี้กลายมาเป็นศัตรูของเธออีกคน เด็กนักเรียนชายผมสีน้ำตาอ่อน คิ้วดกดำใบหน้ากวนๆที่ชื่อบู๊ลิ้ม เธอคิดว่าชื่อนี้ยังกับค่ายสำนักปราบผี เขาจะคอยตามจ้องมองเธอตลอดเวลาไม่ว่าเธอจะไปที่ไหนหรือทำอะไร บู๊ลิ้มจะต้องอยู่ที่นั้นจับจ้องมองเธอแทบจะทุกการกระทำ แต่เธอก็ไม่ได้สนใจเพราะคนอย่างนายบู๊ลิ้มไม่ได้อยู่ในสายตาเธอเลย

    “ฉันไม่ยอมอยู่ที่นี้หรอก” ฟ้างามพูดกับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่กวนใจในวันนี้ เธอคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะโทรหาพ่อทันที

    เธออดใจรอปลายสายอย่างตื่นเต้น เสียงโทรศัพท์รอสายยังดังอยู่และยังไม่มีคนรับสาย และก็หลุดไป เธอกดโทรออกอีกรอบ

    “คุณพ่อค่ะ คุณพ่อมารับฟ้าไปจากที่นี้ทีนะคะ ฟ้าไม่ชอบที่เลยคะฟ้าไม่อยากอยู่ที่นี้” ฟ้างามทำเสียงออดอ้อนใส่ผู้เป็นพ่อทันทีที่มีพ่อรับสาย
    “ลูกฟ้า ลูกต้องอยู่ที่นั่นกับคุณยายนะ ตอนนี้พ่อยุ่งมากเลยปัญหาที่บริษัทก็ทำให้พ่อเหนื่อยมากแล้วนะลูก พ่ออยากให้ลูกช่วยพ่อด้วยการเป็นเด็กดีและปรับตัวให้เข้ากับบ้านใหม่ให้ได้”

    “ไม่ ฟ้าไม่เข้าปัญหาของคุณพ่อฟ้าอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้คะคุณพ่อได้ยินไหมค่ะ” ฟ้างามตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยความโมโห
    “ลูกยังไม่เป็นเด็กดีพอที่พ่อจะพากลับ” พ่อตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและจะทำจริงๆถ้าลูกสาวยังทำตัวไม่ดี
    “คุณพ่อ คุณพ่อขา” เสียงลูกสาวตัวน้อยสะอื้นไห้

    “พ่ออยากให้ลูกอดทนต้องอยู่ในได้และเป็นเด็กดีนั่นจะเป็นสิ่งที่ลูกจะช่วยพ่อได้ในขณะนี้ ลูกเข้าใจที่พ่อพูดไหม”
    “ฟ้าเข้าใจคะแต่คุณพ่อขา ฟ้าอยากกลับบ้านค่ะ ฟ้าคิดถึงคุณพ่อ”
    “พ่อรักลูกนะ พ่อจัดการกับปัญหาทุกอย่างเสร็จเมื่อไหร่พ่อจะไปรับลูกกลับบ้านนะ” เกรียงไกร กิจวิทยากุลพูดผ่านโทรศัพท์อย่างแผ่วเบาก่อนจะกดตัดสายทันทีเพราะไม่อยากได้ยินเสียงลูกร้องไห้และนั่นจะทำให้ผู้เป็นพ่อเจ็บปวดไปด้วย

    “คุณพ่อ คุณพ่อขาฟ้าอยากกลับบ้าน”

    เสียงสะอื้นร้องไห้เรียกพ่อของตัวเองผ่านโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับการตอบกลับใดๆน้ำใสๆก็ไหลรินออกจากดวงตากลมโตทั้งสองข้าง เธอได้แต่กำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ก่อนจะขว้างมันอย่างแรงไปที่ประตูจนแตกกระจายไปทุกทิศทุกทาง



            วันที่สองของฟ้างามกับการมาโรงเรียนบ้านโคกมะขามหวาน เธอคิดว่ามันเป็นวันที่แสดหดหู่สำหรับเธอ เธอตั้งใจจะเป็นเด็กดีตามที่พ่อบอกเผื่อพ่อจะได้มารับเธอกลับบ้าน  วันนี้เธอให้ยายทำข้าวกล่องให้เพราะเธอทนกินข้าวที่โรงเรียนไม่ได้หลังจากที่ต้องทนกินไปแล้วมื้อหนึ่ง ฟ้างามหยิบกล่องข้าวยัดลงไปในเป้ก่อนจะเดินมายกมือไหว้ยายที่ยืนอยู่ข้างๆ

    “ฟ้าไปโรงเรียนก่อนนะคะคุณยาย” หลานสาวตัวน้อยพูดกับยาย
    “ขอให้สนุกนะจ้ะ” ยายลูบหลานสาวตัวน้อยด้วยความเอ็นดู แล้วเดินมาส่งที่หน้าบ้านยายยืนมองหลานสาวเดินไปตามทางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มเต็มไปด้วยความสุข จากที่แกเคยอยู่ลำพังคนเดียวมาตลอด ต่อไปนี้มีหลานสาวมาอยู่เป็นเพื่อสร้างความสุขให้กับคนแก่อย่างแกเป็นได้มากทีเดียว

    ฟ้างามเดินไปตามถนนลูกรังที่เป็นหลุมเป็นบ่อ มีมอเตอร์ไซด์วิ่งสวนกันไปมาหลายคัน นักเรียนหลายคนปั่นจักรยานไปโรงเรียน บางคนก็ร้องทักเธอ บางคนก็ชวนให้เธอซ้อนท้ายไปด้วยแต่เธอปฏิเสธทุกคนและไม่ยอมยิ้มให้ใครเลยแม้แต่คนเดียว เธอทำหน้าบูดบึ้งตลอดทาง

    “เอาอมยิ้มหน่อยไหม” เสียงของเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหลังเธอพูดขึ้น
    “อมยิ้มอร่อยดีนะสำหรับคนสวยให้ฟรี”  เด็กนักเรียนชายหน้ากวนๆที่ชื่อบู๊ลิ้มยื่นอมยิ้มให้เธอ

    “ไม่เอา” ฟ้างามบอกปัด เธอมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ และเธอก็ไม่อยากจะคุยกับใครทั้งนั้นรู้สึกรำคาญคนที่มาวุ่นวายกับเธอ
    “บ้านผมอยู่ตรงนั่นนะ มีขนมเพียบเลยอยากกินก็ไปซื้อได้นะเดี๋ยวลดราคาให้พิเศษเลย” บู๊ลิ้มเดินมาขวางหน้าเธอ พร้อมกับชี้นิ้วไปทางไม้บ้านสองชั้นเป็นร้านขายของชำที่ใหญ่ที่สุดในตำบลนี้เลยก็ว่าได้

    ฟ้างามไม่สนใจที่อีกฝ่าพูดเธอยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ แม้อีกฝ่ายจะพยายามเดินตามเธอมาติดๆ

    “เธอไม่ชอบอมยิ้มเหรอ” บู๊ลิ้มพยายามผูกมิตรแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
    “ฉันไม่ชอบนายต่างหาก ส่วนอมยิ้มฉันซื้อเองได้ไม่จำเป็นต้องเอาของใคร” ฟ้างามบอกปัดอย่างอารมณ์เสีย
    “งั้นเหรอครับ คุณหนูฟ้างาม รวยมีตังค์เลยไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรกับใคร” เขาพูดลากเสียงอย่างน่าหมั่นไส้ก่อนจะอัดอมยิ้มนั่นในกระเป๋ากางเกงตัวเองทันที

    “หลีกไปให้พ้นอย่ามายุ่งกับฉัน” เธอเริ่มจะรำคาญคนที่อยู่ตรงหน้าเต็มที
    “ถ้าไม่หลีกล่ะ” อีกฝ่ายตอบกลับพร้อมใบหน้ากวนๆ

    “นายก็จะโดนแบบนี้ไง” พูดยังไม่ทันขาดคำฟ้างามก็ยกเท้าขึ้นสูงหวังที่จะเตะเข้าที่หว่างขาของเขา แต่ผิดคาดเขาจับขาเธอไว้แน่น ฟ้างามต้องยืนโซซัดโซเซไปมาด้วยขาเพียงขาเดียว

    “งานนี้ไม่ได้แอ้มหรอก รู้ทันแล้ว” เด็กหนุ่มใบหน้ากวนอมยิ้มและเลิกคิ้วหยอกล้อเจ้าทุกข์อย่างสนุกกับผลงานที่ตัวเองสามารถแกล้งกลับคุณหนูฟ้างามจอมหยิ่งคนนี้ได้

    “ปล่อยขาฉันนะ ไอ้บ้าบู๊ลิ้ม” ฟ้างามโวยวายใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง พยายามใช้มือตีหน้าเขาแต่ก็ไร้ผลเพราะเขาหลบหลีกได้ดีทีเดียว
    “ขาสั้นนิดเดียวอย่าทำเป็นเก่งนักเลย มันต้องโดนแบบนี้ล่ะ ฮ่า ฮ่า ยัยคุณหนูตัวแสบ” บู๊ลิ้มจับขาของเธอไว้แน่นไม่คิดที่จะปล่อยง่ายๆ เขากะจะแกล้งนักเรียนใหม่คนนี้ซักหน่อยถือว่าเป็นการรับน้องใหม่

    “ฉันบอกให้นายปล่อยขาฉันเดี๋ยวนี้ ปล่อยนะ” ฟ้างามโวยวายเสียงดังลั่นทั้งโกรธทั้งแค้นที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เธอพยายามที่จะยืนด้วยขาข้างเดียวให้มั่นคงที่สุดแต่ตอนนี้ขาของเธอเริ่มเมื่อยล้า

    “ปล่อยก็ได้ถ้าเธอจะหัดพูดเพราะๆกับคนอื่นเขาบ้างนะ อ้อนวอนก่อนซิแล้วผมจะปล่อย” บู๊ลิ้มใบหน้ากวนๆ พูดหยอกล้ออย่างอารมณ์ดี แต่อีกฝ่ายเริ่มหน้าซีดเพราะอาการปวดเมื่อยที่ขาข้างหนึ่งรุนแรงขึ้น

    “ปล่อยเดี๋ยวนี้ฉันนะ ไอ้บ้าบู๊ลิ้ม” ฟ้างามตะโกนใส่เขาเสียงดัง
    “ไพเราะเสนาะหูสุดๆเลย” บู๊ลิ้มทำหน้าทะเล้นใส่ ก่อนจะปล่อยขาเธอลงบนพื้นอย่างแรง จนทำให้ฟ้างามล้มลงไปนั่งที่พื้น

    “นายแกล้งฉัน”
    “ผมไม่ได้แกล้งนะ เธอล้มลงไปเองช่วยไม่ได้ สมน้ำหน้ายัยคุณหนูตกอับ” เขาพูดพลางกับแลบลิ้นใส่เธอด้วยความพออกพอใจในผลงานตัวเอง แล้วรีบวิ่งหนีทันที

    “ไอ้บ้าบู๊ลิ้มฉันจะฆ่านาย” ฟ้างามตะโกนขู่เขาพลันกับรีบลุกแล้ววิ่งมาศัตรูคู่อาฆาตตามหลังเขามาติดๆ
    “แน่จริงก็ตามให้ทันยัยฟ้ามืด” บู๊ลิ้มตะโกนยั่วอารมณ์คนวิ่งตาม
    “นายเจอดีแน่บังเอิญฉันเป็นนักวิ่งทีมโรงเรียนซะด้วยซิ” เสียงจากด้านหลังทำเอาคนวิ่งนำหน้า ตื่นตกใจจนต้องเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่า

    ตุ๊บ!!

    แรงกระชากกระเป๋าเป้จากด้านหลังทำให้ผู้ที่วิ่งนำด้วยความเร็วสูงต้องล้มกลิ้งไปกองที่พื้น บู๊ลิ้มยังไม่ทันตั้งตัว แรงเตะอีกฝ่ายหนึ่งก็พุ่งมาที่ขาซ้ายของเขาเต็มกำลัง

    “นายหนีไม่พ้นแล้ว” ฟ้างามขู่ขวัญคู่ต่อสู้ ก่อนจะบรรเลงเตะไปที่ขาขวาของเขาอีกทีหนึ่ง
    “โอ๊ย เจ็บนะยัยหมาบ้า” บู๊ลิ้มใช้มือลูบขาตัวเองด้วยความเจ็บปวด

    “เจ็บซิดีอันธพาลอย่างนายมันต้องเจอแบบนี้” ว่าแล้วฟ้างามก็ยกเท้าขึ้นไปเหยียบที่ฝ่ามือของผู้เสียเปรียบ แต่ก็ช้าไปเขาพลิกตัวหลบอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงแขนเธอจนทำให้เธอล้มลงทับบนตัวเขา การตะลุมบอนต่อสู้กันก็เกิดขึ้นอย่างดุเดือด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่