สวัสดีค่ะ เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ที่ได้เจอมา อยากถามแม่ค้าคนอื่นๆ ด้วยคะ มีใครเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้บ้างมั้ยคะ อาจจะเล่าไม่ประติดประต่อเท่าไหร่ แต่เราอยากจะแชร์ไว้ให้เป็นอุทธาหรณ์ว่าแบบนี้ก็มีด้วย
เราเป็นแม่ค้ามาได้ประมาณ3ปีแล้วค่ะ เราไม่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง ส่วนใหญ่ไปเช่าที่ตามตลาดหน้าห้าง ออกบูธในห้าง ตลาดเช้าออฟฟิส หรืออีเว้นท์ต่างๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไรค่ะ แต่เหตุการณ์ที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองมาก่อน
มีอยู่วันหนึ่ง เราได้ที่ขายของที่ตลาดแห่งหนึ่ง เชื่อว่าถ้าพูดไปคนรู้จักแน่นอนค่ะ ที่ที่เราได้ขายเป็นหน้าบ้านคนค่ะ
ตลาดที่นี่ส่วนใหญ่คนที่เป็นเจ้าของบ้านจะปล่อยเช่ากับลูกล็อคค่ะ เก็บรายวัน รายเดือนแล้วแต่ตามตกลงกัน
เราตัดสินใจเช่าที่ขายของกับเจ้าของบ้านครึ่งบ้านค่ะ จ่ายเป็นรายวัน เนื่องจากที่ที่เราได้เช่าคนไม่ค่อยเยอะและเศรษฐกิจช่วงนี้ซบเซาค่ะ
วันที่เราได้เริ่มขายหลายๆ คนที่ขายของที่ตลาดนั้น ก็มาบอกเราเกี่ยวกับเจ้าของบ้านหลังในด้านลบค่ะ ประมาณว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ได้นาน ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั้งซวยในเรื่องลบ ตอนแรกเราก็ฟังเฉยๆ ไม่ได้อะไร
หลังจากขายไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็รู้สึกแปลกๆ ค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่าที่ที่เช่าหรือตลาดที่นี่เป็นแบบเฟรชแอร์ค่ะ ลมพัดลมกับลมธรรมชาติล้วนๆ
อากาศบ้านเรามันร้อนค่ะ เราเอาพัดลมมาจากบ้านเอง1ตัว ที่ที่เช่ามี1ตัวติดเพดาน แต่หมุนไป-มาล็อคไม่ได้
เราก็เปิดพัดลมเราตามปกติ+พัดลมที่เช่าด้วย(เผื่อลูกค้า) เจ้าของบ้านบอกเราว่าไม่เห็นมีใครเค้าต้องเปิดพัดลมกันเลย เราก็งงๆ
หลังจากนั้นบอกเราว่าอย่าเปิดพัดลมเบอร์3 (พัดลมของเจ้าของบ้าน) เพราะเดี๋ยวมันจะพัง ถ้าพังต้องชดใช้นะ เราก็คิดในใจว่าเปิดพัดลมเบอร์3 พัดลมจะพังหรอ ส่วนตัวคิดว่าไม่ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร แค่นั้นไม่พอนะคะ เนื่องจากที่ที่เราเช่าไม่ได้กว้างมากค่ะ แล้วเราก็นั่งเก้าอี้พลาสติกธรรมดาๆ ที่ไมีได้พนักพิง แล้วเราเกิดเมื่อยขึ้นมา เจ้าของบ้านค่ะมาอีกแล้ว บอกว่าห้ามพิงผนังบ้านของเขา เดี๋ยวเหงื่อเราจะไปเปื้อนผนังทำให้ดำ (ผนังบ้านเขาสีขาวค่ะ) เราก็อ๋อค่ะๆ
เรื่องยังไม่จบค่ะ พื้นที่ที่เราเช่ามีความกว้าง3บล็อค(นับบล็อคตามพื้นบ้าน) แล้วเราไม่ทราบค่ะว่าเจ้าของบ้านมีฮวงจุ้ยคือห้ามยืน2แผ่นตรงประตูที่ไว้เดินเช้าบ้านของเขา เอาแบบเห็นภาพนะคะ ห้องว่างหนึ่งห้อง ถ้าเช่าครึ่งล็อค 1ล็อค=3แผ่น(สำหรับทั้ง2ฝั่ง) แล้วต้องแผ่นที่ตรงกลางไว้ เพราะเจ้าของบ้านบอกว่าเป็นฮวงจุ้ย เดี๋ยวเงินไม่เข้าบ้าน เราก็อ๋อค่ะ เริ่มตะหงิดๆ แล้วแหละว่าทำไมเยอะจังเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก สินค้าที่เราขายต้องวางบนชั้นเพื่อโขว์สินค้าและให้ลูกค้าสะดวกในการเลือกสินค้า เราก็จัดร้านปกติเหมือนที่เราเคยจัดกับที่อื่น แต่ชี(เจ้าของบ้าน ขอเรียกเป็นแบบนี้แทนนะคะ)จัดการทุกอย่างค่ะ ให้วางอย่างงั้นอย่างงี้ ให้ทำอย่างงู้นอย่างงี้ สารพัดค่ะ อะไรเราทำได้เราก็ทำค่ะ เกรงใจเขา
แต่นานๆ ไปก็เริ่มจะมากขึ้นทุกที (ตั้งแต่เล่ามาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน1เดือนนะคะ)
ชีจะต้องเปิดประตูออกมาจากบ้านเผื่อมาปิด-เปิดวาล์วน้ำ เวลาที่จะใช้หรือไม่ใช้ เพราะอยากประหยัด
เวลาชีจะออกจากบ้านต้องเปิดประตูได้ห้ามนั่งชิดประตู
ชีไม่ใครยืนที่2แผ่นตรงกลางบ้าน แม้กระทั่งลูกค้า
อันนี้คร่าวๆ นะคะ จริงๆ ยิบย่อยกว่านี้มาก แล้วเราไม่สามารถไม่ทำตามเขาได้ เขาอยากให้ทำอะไร อยากให้ร้านเราเป็นแบบไหน เราก็ต้องทำ ถ้าเราไม่ทำเขาก็จะพูดเรื่อยๆ จนเราหงุดหงิด แต่อยากให้คนอ่านเข้าใจค่ะว่าเราเสียเงินเช่าที่ขายของ เราอยากมีอิสระ อยากสงบ เราอยากจะจัดร้านของเราเอง อยากจะวางอะไรของเราตรงไหน โดยที่เขาไม่ต้องมาบงการ เพราะเราไม่เคยทำให้บ้านเขาสกปรก เราทำความสะอาดให้ตลอดทั้งตอนมาถึงและตอนกลับ
มีเหตุการณ์ที่ทำให้หงุดหงิดทุกวันค่ะ บอกเลย
ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน อยู่ดีๆ ชีใจดีบอกให้เราเอาของมาตั้งอีกฝี่งด้วยจะได้ขายดีๆ ชีจะไม่เก็บเงิน เราก็ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองตั้งดู
ช่วงนั้นชีดีทุกอย่างค่ะ เวลาคนเยอะก็ออกมาช่วยขาย ไฟที่ร้านมืดก็เปิดอีกฝั่งให้ เราก็รู้สึกโอเคค่ะว่าบางทีชีไม่ได้ร้ายอย่างที่ใครๆ เขาพูดกัน
แม่เราเลยลองคุยกับชีค่ะว่าถ้าเช่าอีกฝั่งนึงด้วยคิดยังไง เราคิดอยากจะเอาสินค้าคนละตัวมาวางค่ะ ชีก็บอกๆ มาและเสนอว่าให้เอาสินค้ามาลองวางดูก่อนเลย ให้ฟรีจนถึงสิ้นเดือน ถ้าไม่ดีก็ลองเปลี่ยนสินค้าดู แต่หลังจากที่คุยกันกว่าเราจะเอาสินค้ามาลงจริงๆ ก็วันที่20กว่าแล้วค่ะ
ช่วงเวลาระหว่างนั้นเราก็ตั้งชั้นเพิ่มตามที่ชีบอก ชีก็ใจดีค่ะ เอากระจกมาให้ลูกค้าส่อง (กระจกเราแตก)
แต่ที่เราไม่ชอบชีเอามากๆ ก็คือเวลาที่ลูกค้าเลือกของหรือนั่งเลือกของ ชีจะปิดประตูเสียงดังกระแทก ทำสีหน้าไม่พอใจใส่ลูกค้า จนบางทีลูกค้าเรางงไปเลยว่าทำอะไรผิด บางทีลูกค้าเลือกของอยู่ ลูกค้าก็ยืนแบบปกติ (ยืนทับ2แผ่น) เราก็ไม่สามารถไปบอกลูกค้าทุกคนได้ว่าแบบอย่ายืนตรงนี่นะคะ เขยิบเขามาหน่อย เข้าใจใช่มั้ยคะ บางทีมันหยุมหยิมเกินไป อีกอย่างลูกค้ามาเลือก/ซื้อแล้วก็ไป ไม่ได้มายืนแช่ นั่งแช่เป็นวันๆ สำหรับเราเราคิดว่าชีน่าจะเข้าใจในจุดนี้บ้าง ใจเขาใจเราค่ะ เราขายได้ เขาก็ได้เงินจากเราในการเช่าต่อ วินวินนะคะ
จนถึงวันที่เราหาสินค้าตัวใหม่มาได้ แต่มันไม่เวิร์คค่ะ เราลองขายเกือบอาทิตย์แล้วก็มาคิดว่าถ้าเก็บค่าที่จริงๆ เราขาดทุนแน่ๆ เลยตัดสินใจไปบอกชีค่ะ
บอกชีว่าเราคงจะไม่ได้เช่าที่ตรงนี้ เพราะของที่เอามามันไม่เวิร์ค ชีก็เห็น (นิสัยของชีคือจะนั่งในบ้าน มองอากัปกิริยาของเราและลูกค้าไม่ว่าจะทำอะไร บอกตรงๆ อึดอัดมากค่ะ เหมือนกระดิกไม่ได้ ทำไรไม่เข้าตานิดหน่อยก็จะออกมาว่า) ตั้งแต่ที่เราขายมาชีจะพูดคุยกับแม่เราตลอด แต่พอหลังจากที่เราไปบอกชีว่าคงจะไม่ได้เช่าที่อีกฝั่งนึง ชีก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ แม่ค้างงตึ้บเลยค่ะ
ย้อนกลับไปนะคะ ช่วงที่มาเช่าใหม่ๆ แม่ค้าระแวกนั้นจะเตือนด้วยความหวังดีว่าชีร้ายมาก เคยถีบสินค้าของคนอื่นตกพื้นเพราะไม่พอใจ เดินชนลูกค้า บลาๆ
พอมาเจอกับตัวเข้าใจเลยค่ะ ชีเป็นสรรพนามที่คุยกับแม่เราเป็น คุณ ทันทีหลังจากได้ยินที่เราบอก ซึ่งปกติจะเรียกชื่อ แล้วก็หน้าตายิ้มแย้ม
เราก็บอกแม่ว่าเอาแล้วแหละ น่าจะเจอดีแล้ว เริ่มเลยค่ะ อย่างเราที่บอกชีต้องมาเปิด-ปิดวาล์วน้ำวันละหลายๆ รอบ เราตั้งชั้นไว้ แต่จะเว้นที่ให้ชีสามารถทำธุระได้ วันนั้นชีก็บอกว่าชีก้มไปปิดน้ำไม่ได้ ซึ่งแบบที่เหลือเยอะมาก ยังไม่พอค่ะ เรามีสายยางรัดชั้นไว้กับประตูบ้านชีกันชั้นล่ม ซึ่งที่รัดจะอยู่เหนือวาล์วน้ำของชี ชีก็บอกอีกว่าไม่ชอบสายรัดอันนี้ เรานะคะหงุดหงิดแล้วค่ะ เพราะหลังจากเราบอกว่าเราไม่เอาฝั่งนั้นแล้ว เราก็เก็บทุกอย่าง ทั้งสินค้าใหม่และที่ชีให้เราเอาชั้นไปตั้งเพิ่ม เราก็ต้องจัดร้านใหม่เพราะชั้นที่เราวางอีกฝั่งนึงเราเอามาเพิ่ม ก็ต้องวางของให้พอดิบพอดี คือเหลือที่สำหรับชี ทั้งหน้าและหลังบ้าน
พอเราจัดร้านใหม่เสร็จปุ๊บ ชีบอกให้เราย้ายไปอีกฝั่งนึง เหตุผลของชีคือไม่สะดวกในการเปิด-ปิดวาล์วและเปิดประตูบ้านไม่สะดวก เราก็แบบงงว่าทำไมอยู่ดีๆ เพิ่งมาพูด ถ้าจะไม่ชอบอะไร ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ มาเป็นตอนที่เราไม่เอาที่อีกฝั่งนึง แล้วเหตุผลที่เราไม่อยากย้ายเพราะอีกฝั่งนึงร้านข้างๆ มีตะแกรงสูงบังสินค้าเรา เราเลยไม่อยากย้าย แล้วเราก็หงุดหงิดมากที่ชีมาสั่งให้เราทำนู่นทำนี่ ทั้งๆ ที่เราเอาสายรัดออกให้ เก็บชั้นให้1ตัวเพื่อให้ชีมีที่ว่าง แล้วมิหนำซ้ำชีว่าเรา ชีบอกว่าเรานั่งตรงนั้น เปิดประตูไม่ได้ คือเรางงมากว่าใช่หรอ เราไม่เคยไปนั่งหรือวางของอะไรให้ชีเปิดประตูไม่ได้ แล้วชีพูดจากระแทกกระทั้นใส่อีกว่าบอกว่าจะปรับเงิน100ยังไม่กลัวอีก เรานี่งงหนัก พูดตอนไหน แล้วใครไปเรานั่งบังอะไรตอนไหนไม่ทราบ คือตอนนั้นเราหงุดหงิดมาก แม่เราบอกว่าขออยู่ที่เดิมเพราะฝั่งนี้จัดร้านสวยกว่า ไม่มีอะไรมาบัง ชีก็พูดซ้ำไปมา เถียงกับแม่เรา แม่เราก็ยืนยันว่าขออยู่ที่เดิม คือแบบเราทำให้ทุกอย่าง ไม่ชอบอะไร เราเอาออกให้ แต่แบบนี้มาสั่งให้เราย้ายร้านไปอีกฝั่ง หมายความว่าเราต้องจัดร้านใหม่(อีกแล้ว) ชีชักสีหน้าใส่แม่เรา เราไม่พอใจหนักกว่าเดิมแล้วพูดเสียงดัง กระแทกกระทั้นใส่ชีว่าย้ายก็ย้าย จะได้จบปัญหา ชีนี่เงียบแล้วเดินเข้าบ้านเลย คือเราหงุดหงิดมาก สิ่งที่ชีทำเพราะเราไม่เอาที่อีกฝั่งนึงแค่นี้หรอ เพราะเราไม่ทำผลประโยชน์ให้ชีหรอ เราไม่ได้ขอไปตั้งอีกฝั่งนึงตั้งแต่แรก ชีเสนอให้เอง เราก็โอเครับข้อเสนอ แต่พอเราตัดสินใจว่าไม่เอา ทำไมอะไรๆ ก็ดูแย่ลง จากดีๆ ก็ร้ายไปเลย เพราะถ้าชีจะไม่ชอบอะไร ชีก็คงจะบอกเราตั้งแต่แรกแล้ว ชีคงไม่ปล่อยมาให้ถึงวันนี้ วันเดียวกับที่เราบอกว่าจะไม่เช่าอีกฝั่งนึง ยังไม่หมดนะคะ จากระยะเวลาที่ขายมาคือทำให้รู้ว่าชีประหยัดค่ะ เข้าขั้นประหยัดมากกกกกก คือที่เล่าไว้บนๆ เราเอาพัดลมเรามาเราก็จะเปิดพัดลมจ่อตัวเอง แต่เวลามีลูกค้าเข้าร้าน เราก็ลุกไปขายของตามปกติ ไม่ได้ปิดพัดลม (คนปกติก็เป็นแบบนี้ปะคะ) แต่ชีเรียกแม่เราบอกว่าไม่ได้นั่งก็ปิดพัดลมด้วย แม่เรานี่ขึ้นเลยแบบชีเยอะค่ะ แม่เราบอกถ้าไม่พร้อมให้เช่าไม่เป็นไรค่ะ ขอไม่ขายแล้วดีกว่า ชีนี่ตวาดเลยว่าพูดแค่นี้ต้องเป็นเรื่องเลยหรอ เรานึกในใจว่า พูดแค่นี้หรอวะ พูดมาตลอดตั้งแต่มาขาย พูดทั้งวัน อะไรก็ไม่พอใจ เถียงก็ไม่ได้ แสดงความคิดเห็นก็ไม่ได้ หงุดหงิดมากค่ะ แล้วชีก็บอกว่างั้นก็ย้ายกลับไปฝั่งเดิมแล้วกัน เราก็ไม่ย้ายแล้วค่ะ คือเหนื่อย เวลาบอกไม่ย้ายก็จะให้ย้ายให้ได้ พอเราจะเลิกขาย ก็จะให้ย้ายกลับไป งงค่ะ ไม่อยากขายแล้วบอกจริงๆ รู้สึกปัญหาชีจะเยอะค่าเช่าก็ไม่ได้ว่าถูกหรือขายดีอะไรมากมาย
แม่ค้าที่เช่าพื้นที่ขายของกับเจ้าของบ้าน เคยเจอแบบนี้บ้างไหมคะ
เราเป็นแม่ค้ามาได้ประมาณ3ปีแล้วค่ะ เราไม่มีหน้าร้านเป็นหลักแหล่ง ส่วนใหญ่ไปเช่าที่ตามตลาดหน้าห้าง ออกบูธในห้าง ตลาดเช้าออฟฟิส หรืออีเว้นท์ต่างๆ ไม่เคยมีปัญหาอะไรค่ะ แต่เหตุการณ์ที่เรากำลังจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเองมาก่อน
มีอยู่วันหนึ่ง เราได้ที่ขายของที่ตลาดแห่งหนึ่ง เชื่อว่าถ้าพูดไปคนรู้จักแน่นอนค่ะ ที่ที่เราได้ขายเป็นหน้าบ้านคนค่ะ
ตลาดที่นี่ส่วนใหญ่คนที่เป็นเจ้าของบ้านจะปล่อยเช่ากับลูกล็อคค่ะ เก็บรายวัน รายเดือนแล้วแต่ตามตกลงกัน
เราตัดสินใจเช่าที่ขายของกับเจ้าของบ้านครึ่งบ้านค่ะ จ่ายเป็นรายวัน เนื่องจากที่ที่เราได้เช่าคนไม่ค่อยเยอะและเศรษฐกิจช่วงนี้ซบเซาค่ะ
วันที่เราได้เริ่มขายหลายๆ คนที่ขายของที่ตลาดนั้น ก็มาบอกเราเกี่ยวกับเจ้าของบ้านหลังในด้านลบค่ะ ประมาณว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่ได้นาน ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั้งซวยในเรื่องลบ ตอนแรกเราก็ฟังเฉยๆ ไม่ได้อะไร
หลังจากขายไปได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็รู้สึกแปลกๆ ค่ะ ต้องบอกก่อนนะคะว่าที่ที่เช่าหรือตลาดที่นี่เป็นแบบเฟรชแอร์ค่ะ ลมพัดลมกับลมธรรมชาติล้วนๆ
อากาศบ้านเรามันร้อนค่ะ เราเอาพัดลมมาจากบ้านเอง1ตัว ที่ที่เช่ามี1ตัวติดเพดาน แต่หมุนไป-มาล็อคไม่ได้
เราก็เปิดพัดลมเราตามปกติ+พัดลมที่เช่าด้วย(เผื่อลูกค้า) เจ้าของบ้านบอกเราว่าไม่เห็นมีใครเค้าต้องเปิดพัดลมกันเลย เราก็งงๆ
หลังจากนั้นบอกเราว่าอย่าเปิดพัดลมเบอร์3 (พัดลมของเจ้าของบ้าน) เพราะเดี๋ยวมันจะพัง ถ้าพังต้องชดใช้นะ เราก็คิดในใจว่าเปิดพัดลมเบอร์3 พัดลมจะพังหรอ ส่วนตัวคิดว่าไม่ แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร แค่นั้นไม่พอนะคะ เนื่องจากที่ที่เราเช่าไม่ได้กว้างมากค่ะ แล้วเราก็นั่งเก้าอี้พลาสติกธรรมดาๆ ที่ไมีได้พนักพิง แล้วเราเกิดเมื่อยขึ้นมา เจ้าของบ้านค่ะมาอีกแล้ว บอกว่าห้ามพิงผนังบ้านของเขา เดี๋ยวเหงื่อเราจะไปเปื้อนผนังทำให้ดำ (ผนังบ้านเขาสีขาวค่ะ) เราก็อ๋อค่ะๆ
เรื่องยังไม่จบค่ะ พื้นที่ที่เราเช่ามีความกว้าง3บล็อค(นับบล็อคตามพื้นบ้าน) แล้วเราไม่ทราบค่ะว่าเจ้าของบ้านมีฮวงจุ้ยคือห้ามยืน2แผ่นตรงประตูที่ไว้เดินเช้าบ้านของเขา เอาแบบเห็นภาพนะคะ ห้องว่างหนึ่งห้อง ถ้าเช่าครึ่งล็อค 1ล็อค=3แผ่น(สำหรับทั้ง2ฝั่ง) แล้วต้องแผ่นที่ตรงกลางไว้ เพราะเจ้าของบ้านบอกว่าเป็นฮวงจุ้ย เดี๋ยวเงินไม่เข้าบ้าน เราก็อ๋อค่ะ เริ่มตะหงิดๆ แล้วแหละว่าทำไมเยอะจังเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก สินค้าที่เราขายต้องวางบนชั้นเพื่อโขว์สินค้าและให้ลูกค้าสะดวกในการเลือกสินค้า เราก็จัดร้านปกติเหมือนที่เราเคยจัดกับที่อื่น แต่ชี(เจ้าของบ้าน ขอเรียกเป็นแบบนี้แทนนะคะ)จัดการทุกอย่างค่ะ ให้วางอย่างงั้นอย่างงี้ ให้ทำอย่างงู้นอย่างงี้ สารพัดค่ะ อะไรเราทำได้เราก็ทำค่ะ เกรงใจเขา
แต่นานๆ ไปก็เริ่มจะมากขึ้นทุกที (ตั้งแต่เล่ามาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน1เดือนนะคะ)
ชีจะต้องเปิดประตูออกมาจากบ้านเผื่อมาปิด-เปิดวาล์วน้ำ เวลาที่จะใช้หรือไม่ใช้ เพราะอยากประหยัด
เวลาชีจะออกจากบ้านต้องเปิดประตูได้ห้ามนั่งชิดประตู
ชีไม่ใครยืนที่2แผ่นตรงกลางบ้าน แม้กระทั่งลูกค้า
อันนี้คร่าวๆ นะคะ จริงๆ ยิบย่อยกว่านี้มาก แล้วเราไม่สามารถไม่ทำตามเขาได้ เขาอยากให้ทำอะไร อยากให้ร้านเราเป็นแบบไหน เราก็ต้องทำ ถ้าเราไม่ทำเขาก็จะพูดเรื่อยๆ จนเราหงุดหงิด แต่อยากให้คนอ่านเข้าใจค่ะว่าเราเสียเงินเช่าที่ขายของ เราอยากมีอิสระ อยากสงบ เราอยากจะจัดร้านของเราเอง อยากจะวางอะไรของเราตรงไหน โดยที่เขาไม่ต้องมาบงการ เพราะเราไม่เคยทำให้บ้านเขาสกปรก เราทำความสะอาดให้ตลอดทั้งตอนมาถึงและตอนกลับ
มีเหตุการณ์ที่ทำให้หงุดหงิดทุกวันค่ะ บอกเลย
ผ่านไปเกือบครึ่งเดือน อยู่ดีๆ ชีใจดีบอกให้เราเอาของมาตั้งอีกฝี่งด้วยจะได้ขายดีๆ ชีจะไม่เก็บเงิน เราก็ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะลองตั้งดู
ช่วงนั้นชีดีทุกอย่างค่ะ เวลาคนเยอะก็ออกมาช่วยขาย ไฟที่ร้านมืดก็เปิดอีกฝั่งให้ เราก็รู้สึกโอเคค่ะว่าบางทีชีไม่ได้ร้ายอย่างที่ใครๆ เขาพูดกัน
แม่เราเลยลองคุยกับชีค่ะว่าถ้าเช่าอีกฝั่งนึงด้วยคิดยังไง เราคิดอยากจะเอาสินค้าคนละตัวมาวางค่ะ ชีก็บอกๆ มาและเสนอว่าให้เอาสินค้ามาลองวางดูก่อนเลย ให้ฟรีจนถึงสิ้นเดือน ถ้าไม่ดีก็ลองเปลี่ยนสินค้าดู แต่หลังจากที่คุยกันกว่าเราจะเอาสินค้ามาลงจริงๆ ก็วันที่20กว่าแล้วค่ะ
ช่วงเวลาระหว่างนั้นเราก็ตั้งชั้นเพิ่มตามที่ชีบอก ชีก็ใจดีค่ะ เอากระจกมาให้ลูกค้าส่อง (กระจกเราแตก)
แต่ที่เราไม่ชอบชีเอามากๆ ก็คือเวลาที่ลูกค้าเลือกของหรือนั่งเลือกของ ชีจะปิดประตูเสียงดังกระแทก ทำสีหน้าไม่พอใจใส่ลูกค้า จนบางทีลูกค้าเรางงไปเลยว่าทำอะไรผิด บางทีลูกค้าเลือกของอยู่ ลูกค้าก็ยืนแบบปกติ (ยืนทับ2แผ่น) เราก็ไม่สามารถไปบอกลูกค้าทุกคนได้ว่าแบบอย่ายืนตรงนี่นะคะ เขยิบเขามาหน่อย เข้าใจใช่มั้ยคะ บางทีมันหยุมหยิมเกินไป อีกอย่างลูกค้ามาเลือก/ซื้อแล้วก็ไป ไม่ได้มายืนแช่ นั่งแช่เป็นวันๆ สำหรับเราเราคิดว่าชีน่าจะเข้าใจในจุดนี้บ้าง ใจเขาใจเราค่ะ เราขายได้ เขาก็ได้เงินจากเราในการเช่าต่อ วินวินนะคะ
จนถึงวันที่เราหาสินค้าตัวใหม่มาได้ แต่มันไม่เวิร์คค่ะ เราลองขายเกือบอาทิตย์แล้วก็มาคิดว่าถ้าเก็บค่าที่จริงๆ เราขาดทุนแน่ๆ เลยตัดสินใจไปบอกชีค่ะ
บอกชีว่าเราคงจะไม่ได้เช่าที่ตรงนี้ เพราะของที่เอามามันไม่เวิร์ค ชีก็เห็น (นิสัยของชีคือจะนั่งในบ้าน มองอากัปกิริยาของเราและลูกค้าไม่ว่าจะทำอะไร บอกตรงๆ อึดอัดมากค่ะ เหมือนกระดิกไม่ได้ ทำไรไม่เข้าตานิดหน่อยก็จะออกมาว่า) ตั้งแต่ที่เราขายมาชีจะพูดคุยกับแม่เราตลอด แต่พอหลังจากที่เราไปบอกชีว่าคงจะไม่ได้เช่าที่อีกฝั่งนึง ชีก็เปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ แม่ค้างงตึ้บเลยค่ะ
ย้อนกลับไปนะคะ ช่วงที่มาเช่าใหม่ๆ แม่ค้าระแวกนั้นจะเตือนด้วยความหวังดีว่าชีร้ายมาก เคยถีบสินค้าของคนอื่นตกพื้นเพราะไม่พอใจ เดินชนลูกค้า บลาๆ
พอมาเจอกับตัวเข้าใจเลยค่ะ ชีเป็นสรรพนามที่คุยกับแม่เราเป็น คุณ ทันทีหลังจากได้ยินที่เราบอก ซึ่งปกติจะเรียกชื่อ แล้วก็หน้าตายิ้มแย้ม
เราก็บอกแม่ว่าเอาแล้วแหละ น่าจะเจอดีแล้ว เริ่มเลยค่ะ อย่างเราที่บอกชีต้องมาเปิด-ปิดวาล์วน้ำวันละหลายๆ รอบ เราตั้งชั้นไว้ แต่จะเว้นที่ให้ชีสามารถทำธุระได้ วันนั้นชีก็บอกว่าชีก้มไปปิดน้ำไม่ได้ ซึ่งแบบที่เหลือเยอะมาก ยังไม่พอค่ะ เรามีสายยางรัดชั้นไว้กับประตูบ้านชีกันชั้นล่ม ซึ่งที่รัดจะอยู่เหนือวาล์วน้ำของชี ชีก็บอกอีกว่าไม่ชอบสายรัดอันนี้ เรานะคะหงุดหงิดแล้วค่ะ เพราะหลังจากเราบอกว่าเราไม่เอาฝั่งนั้นแล้ว เราก็เก็บทุกอย่าง ทั้งสินค้าใหม่และที่ชีให้เราเอาชั้นไปตั้งเพิ่ม เราก็ต้องจัดร้านใหม่เพราะชั้นที่เราวางอีกฝั่งนึงเราเอามาเพิ่ม ก็ต้องวางของให้พอดิบพอดี คือเหลือที่สำหรับชี ทั้งหน้าและหลังบ้าน
พอเราจัดร้านใหม่เสร็จปุ๊บ ชีบอกให้เราย้ายไปอีกฝั่งนึง เหตุผลของชีคือไม่สะดวกในการเปิด-ปิดวาล์วและเปิดประตูบ้านไม่สะดวก เราก็แบบงงว่าทำไมอยู่ดีๆ เพิ่งมาพูด ถ้าจะไม่ชอบอะไร ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้ มาเป็นตอนที่เราไม่เอาที่อีกฝั่งนึง แล้วเหตุผลที่เราไม่อยากย้ายเพราะอีกฝั่งนึงร้านข้างๆ มีตะแกรงสูงบังสินค้าเรา เราเลยไม่อยากย้าย แล้วเราก็หงุดหงิดมากที่ชีมาสั่งให้เราทำนู่นทำนี่ ทั้งๆ ที่เราเอาสายรัดออกให้ เก็บชั้นให้1ตัวเพื่อให้ชีมีที่ว่าง แล้วมิหนำซ้ำชีว่าเรา ชีบอกว่าเรานั่งตรงนั้น เปิดประตูไม่ได้ คือเรางงมากว่าใช่หรอ เราไม่เคยไปนั่งหรือวางของอะไรให้ชีเปิดประตูไม่ได้ แล้วชีพูดจากระแทกกระทั้นใส่อีกว่าบอกว่าจะปรับเงิน100ยังไม่กลัวอีก เรานี่งงหนัก พูดตอนไหน แล้วใครไปเรานั่งบังอะไรตอนไหนไม่ทราบ คือตอนนั้นเราหงุดหงิดมาก แม่เราบอกว่าขออยู่ที่เดิมเพราะฝั่งนี้จัดร้านสวยกว่า ไม่มีอะไรมาบัง ชีก็พูดซ้ำไปมา เถียงกับแม่เรา แม่เราก็ยืนยันว่าขออยู่ที่เดิม คือแบบเราทำให้ทุกอย่าง ไม่ชอบอะไร เราเอาออกให้ แต่แบบนี้มาสั่งให้เราย้ายร้านไปอีกฝั่ง หมายความว่าเราต้องจัดร้านใหม่(อีกแล้ว) ชีชักสีหน้าใส่แม่เรา เราไม่พอใจหนักกว่าเดิมแล้วพูดเสียงดัง กระแทกกระทั้นใส่ชีว่าย้ายก็ย้าย จะได้จบปัญหา ชีนี่เงียบแล้วเดินเข้าบ้านเลย คือเราหงุดหงิดมาก สิ่งที่ชีทำเพราะเราไม่เอาที่อีกฝั่งนึงแค่นี้หรอ เพราะเราไม่ทำผลประโยชน์ให้ชีหรอ เราไม่ได้ขอไปตั้งอีกฝั่งนึงตั้งแต่แรก ชีเสนอให้เอง เราก็โอเครับข้อเสนอ แต่พอเราตัดสินใจว่าไม่เอา ทำไมอะไรๆ ก็ดูแย่ลง จากดีๆ ก็ร้ายไปเลย เพราะถ้าชีจะไม่ชอบอะไร ชีก็คงจะบอกเราตั้งแต่แรกแล้ว ชีคงไม่ปล่อยมาให้ถึงวันนี้ วันเดียวกับที่เราบอกว่าจะไม่เช่าอีกฝั่งนึง ยังไม่หมดนะคะ จากระยะเวลาที่ขายมาคือทำให้รู้ว่าชีประหยัดค่ะ เข้าขั้นประหยัดมากกกกกก คือที่เล่าไว้บนๆ เราเอาพัดลมเรามาเราก็จะเปิดพัดลมจ่อตัวเอง แต่เวลามีลูกค้าเข้าร้าน เราก็ลุกไปขายของตามปกติ ไม่ได้ปิดพัดลม (คนปกติก็เป็นแบบนี้ปะคะ) แต่ชีเรียกแม่เราบอกว่าไม่ได้นั่งก็ปิดพัดลมด้วย แม่เรานี่ขึ้นเลยแบบชีเยอะค่ะ แม่เราบอกถ้าไม่พร้อมให้เช่าไม่เป็นไรค่ะ ขอไม่ขายแล้วดีกว่า ชีนี่ตวาดเลยว่าพูดแค่นี้ต้องเป็นเรื่องเลยหรอ เรานึกในใจว่า พูดแค่นี้หรอวะ พูดมาตลอดตั้งแต่มาขาย พูดทั้งวัน อะไรก็ไม่พอใจ เถียงก็ไม่ได้ แสดงความคิดเห็นก็ไม่ได้ หงุดหงิดมากค่ะ แล้วชีก็บอกว่างั้นก็ย้ายกลับไปฝั่งเดิมแล้วกัน เราก็ไม่ย้ายแล้วค่ะ คือเหนื่อย เวลาบอกไม่ย้ายก็จะให้ย้ายให้ได้ พอเราจะเลิกขาย ก็จะให้ย้ายกลับไป งงค่ะ ไม่อยากขายแล้วบอกจริงๆ รู้สึกปัญหาชีจะเยอะค่าเช่าก็ไม่ได้ว่าถูกหรือขายดีอะไรมากมาย