ขอเพิ่มเติมจากกระทู้นี้ http://pantip.com/topic/33986088 เรื่อง Comfort Zone ค่ะ

" Comfort Zone "  คำนี้ เป็นคำที่มนุษย์เงินเดือนได้ยินแล้ว รู้สึกหน้าร้อนผ่าว เพราะเหมือนกับถูกสบประมาทอย่างรุนแรงว่า ติดกับดัก
การเป็นลูกจ้าง ไม่มีปัญญาออกไปเป็นนายตัวเอง

แต่แท้ที่จริงแล้ว การจะก้าวออกจาก Comfort Zone อาจจะไม่จำเป็นจะต้องถึงขั้นลาออกจากการเป็นลูกจ้างเสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ถ้าตอนที่คุณเป็นลูกจ้าง คุณยังไม่ขยันพอ ยังรับผิดชอบงานไม่ดีพอ ยังขาดวินัยในการทำงาน แต่ยังคงฝันเฟื่องว่าจะรวย จะเป็นเจ้าของธุรกิจ
แบบนั้นส่วนใหญ่จะไปไม่ค่อยรอดหรอกค่ะ  แถมพอจะกลับมาสมัครงานใหม่ บริษัทเขาก็จะไม่อยากรับกลับเข้ามาด้วย

วิธีก้าวออกจาก Comfort Zone ในขณะที่ยังเป็นลูกจ้าง สามารถทำได้โดยเพิ่มศักยภาพในงานที่รับผิดชอบ เรียนรู้และพยายามเชื่อมโยงงานต่าง
แผนก/ฝ่าย จะทำให้คุณมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้เด่นชัดขึ้น อย่าเกี่ยงงาน เพราะยิ่งทำมาก คุณก็จะยิ่งเก่งขึ้น เมื่อคุณรู้มากขึ้นจนถึงจุดที่มั่นใจว่า
ทำงานเกินเงินเดือนไปหลายเท่าตัวแล้ว ถึงตอนนั้น ก็มีทางให้คุณเลือกให้คุณ 2 ทางคือ ออกไปประกอบธุรกิจส่วนตัวโดยนำศักยภาพที่สะสมมาไปใช้
หรืออีกทางหนึ่งคือ องค์กรที่คุณทำอยู่เห็นผลงานและอาจจะไม่อยากเสียคุณไป และอาจเสนอรายได้และตำแหน่งที่สูงขึ้นให้แก่คุณก็ได้

ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา ก็เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆน้องๆไปบ้าจี้ว่า ต้องลาออกจากงานที่ทำ เพียงเพื่อให้พ้นจากคำสบประมาทว่าติดใน Comfort Zone
( เห็นฮิตกันจัง โดยเฉพาะน้องๆที่ประสบการณ์ยังน้อยมาก  แต่อยากเป็นเถ้าแก่ใหญ่ ) เพราะถ้าขณะที่คุณเป็นลูกจ้าง คุณยังไม่เก่งพอ ไม่ดีพอ
ไม่มีความรับผิดชอบต่องานพอ อย่าหวังเลยว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ดีได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่า หนีจาก Comfort Zone ไปเจอ Riot Zone หนักกว่าเก่าอีก
(555..) การเป็นลูกจ้างอย่างน้อยก็ยังมีเงินเดือนให้ใช้ตามสมควร ไม่ต้องไปเป็นภาระให้เพื่อนๆ ให้กับครอบครัวและสังคม ขอแค่อย่าขี้เกียจ อย่าทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม หาวิธี challenge ตัวเองในงานที่ทำ ก็จะสนุกกับงานมากขึ้น ไม่เป็น deadwood ขององค์กร

พยายามใช้ความได้เปรียบจากการอยู่ใน Comfort Zone ไปหาความรู้เพิ่มเติม ( อย่างที่ท่านจขกท ก่อนพูดไว้ ) รวมทั้งศึกษาวางแผนการลงทุน และการ
วางแผนการเงินเพื่อให้มีเงินพอใช้จ่ายในวัยเกษียณ ที่สำคัญดูแลสุขภาพกาย-ใจให้ดี  ข้อได้เปรียบของการเป็นลูกจ้างอย่างหนึ่งก็คือ เวลา เพราะส่วนใหญ่จะได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ มีเวลาออกกำลังกาย รับผิดชอบแค่ตัวเอง ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าจะต้องไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าจ้างให้พนักงานแบบเจ้าของธุรกิจ  มีโอกาสจัดการ Work-Life Balance ได้ดีกว่า  สวัสดิการต่างๆก็ฟรี  ไม่ต้องควักตังค์เอง แต่คุณจะต้องไม่ติดยึดกับความสบายจนไม่พัฒนาศักยภาพตัวเองที่จะทำให้กลายเป็น deadwood ขององค์กรในที่สุดค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่