หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เอารักเก่า ไปทิ้งในซากอิฐ ทริปของคนโดนอกหัก กับเงิน31บาทเที่ยวอยุธยา
กระทู้สนทนา
รถไฟ
เที่ยวไทย
วันหนึ่งที่มีใครเดินเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นทุกๆอย่างสำหรับเราเเล้วเขาก็เดินจากเราไปโดยที่เราไม่รู้ว่าเราทำผิดอะไรเเล้วในใจยังคงรักเหมือนเดิม.....ทำใจอยู่นานมากครับทรมานจนไม่อยากอยู่ในห้อง อาบน้ำเวลาล้างหน้าเเค่กลั้นหายใจเเปปเดียวเหมือนจะขาดใจตาย ตอนนั้นยอมรับว่าคิดอยากฆ่าตัวตายนะครับ เพราะเจ็บสุดก็เเค่ตอนถึงพื้น ในเมื่อเขายังอยู่เราเองก็ต้องเป็นฝ่ายเดินออกไป (ขอโทษนะครับขอยกตัวอย่างกรณีพี่สิงห์ ตอนนั้นเข้าใจความรู้สึกพี่เขามากเวลามันเกิดใกล้กัน เพราะเรารักใครสักคนหนึ่งเค้าจะอยู่กับเราตลอดไปในความคิดความทรงจำหลับตามองไม่เห็นเขาก็ยังอยู่เหมือนใกล้ บางทีเราหาทางออกมากมายเเต่สุดท้ายเราไม่เจอ สำหรับบางคนความตายก็คือทางออกสุดท้ายเเหละครับ ครั้งนี้ผมก็ไปไกลขนาดนั้นเหมือนกันเกือบจะเลือกทางออกสุดท้าย ผมเลยคิดว่ามันคือทางออกทางออกหนึ่งซึ่งคนที่ไม่เข้าใจจะไม่รับรู้ได้เลยว่าคนเราเมื่อถึงจุดนั้นมันคงไม่ไหวเเล้วครับ) ตื่นมาวันที่ 30/7/58 ผมเคว้งคว้างไร้จุดหมายมากครับ ตื่นมารู้เเค่ว่าต้องออกไปสักที่ ที่ๆเราจะเจออะไรใหม่ๆสำหรับลืมเรื่องบางเรื่องให้วันทั้งวันของเราไม่คิดอะไรร้ายๆกับตัวเอง ออกไปเจอโลกสำหรับ 1 วันตอนนั้นคิดว่ารถไฟคือทางออกหนึ่งเพราะชีวิตบนรถไฟคง slow life ไม่เบาเเล้วจะไปไหนละครับ 55555 ยากเลยจะไปกาญจนบุรี หาข้อมูลก็ปิดซ้อมเส้นทางสายน้ำตก อีกอย่างรถไฟออกเช้ามาก 06.. น. ผมตื่นเก้าโมงเเล้วไง งั้นหัวหินเเล้วกัน...ก็มีเเต่ทะเลร้อนอีกจะเดินชิวๆก็คงได้เห็นอะไรไม่เยอะ จะให้เล่นน้ำทะเลคุ้มดีคุ้มร้ายคิดประชดตัวเองเดินลงทะเลให้ปลากินซะอีก สุดท้ายจังหวัดที่ซวยเเล้วใกล้กรุงเทพเดินทางสะดวกก็มีอยู่เเค่ช้อยเดียวครับ จ.พระนครศรีอยุธยา ผมเลือกเวลาไว้ตอน 10.50 เเต่... ถึงหัวลำโพง 10.50 พอดี ไม่ทันรถไฟออกตรงเวลามาก(เเต่ถึงช้าตามมาตรฐานรถไฟไทย) เเต่พี่พนักงานบอกให้ไปรับตั๋วไปอยุธยาฟรีเป็นรถไฟรอบ 12.55 ตอนเเรกก็คิดว่าช้าไปเอาไงดีเเต่เพราะมันฟรีโอเคงั้นไป ฟิวตอนนั้นถึงช้าไม่เป็นไรเเค่นั่งรถไฟเพลินๆเปิดหูเปิดตาจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ตอนนั้นผมตั้งงบไว้ 500 บาทต้องไม่เกินครับไม่งั้นจะมีเรื่องให้เครียสเพิ่มมาหนึ่งเรื่อง พอถึงเวลารถไฟออกตื่นเต้นครับเคยนั่งครั้งสองครั้งก็สนุกดีนะครับถ้าระยะทางไม่ไกลมาก
พอเริ่มออกเดินทางผมอายุ 21 เเต่ตื่นเต้นเหมือนเด็ก 8 ขวบสนุกทุกอย่างตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่รถไฟขบวนนี้พาไป ผมคิดตามไปกับสิ่งที่เห็นระหว่างทางรถไฟ จนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้จะเป็นจะตาย จะร้องก็ไม่ได้คนเยอะเเยะโตเเล้วมานั่งร้องต่อหน้าคนอื่นคงอายเเย่เลย ระหว่างทางผ่านอะไรมากมายเลยล่ะครับ ชีวิตคนตั้งเเต่ในเมืองกรุง ชานเมือง จนถึงอยุธยามัน ทั้งรถ บ้าน ธรรมชาติ มันเหมือนเรานั้งมองเเล้วก็คิดตามกับสิ่งที่เราเห็นจนลืมไปเลยว่าถ้าเราหันหลังไปมันคือความเคว้งคว้างกับอดีตที่เราไม่เคยหาทางออกมันเจอกินเหล้าให้เมา ตอนเมาเราก็ยังคิดถึงเขา เเต่การออกมามองสิ่งใหม่ๆที่เเปลกตาเราจะลืมไปเลยว่าเรามาจากที่ที่เราเเทบจะไม่เหลืออะไรชีวิตเเย่ๆที่เราสร้างขึ้นเอง อากาศบนรถไฟถ้าขับปกติก็ลมเย็นสบายเเต่พอมันชะลอรอหลีกทางขบวนอื่นละก็ เหมือนเดินผ่านซาวหน้าที่ไม่ปิดประตูเลยละครับ 5555 เเต่ก็มีอาหารดับร้อนนะครับ
ใครจะคิดละคับว่ามันจะมาขายบนนี้ เเล้วสภาพออกมาดีงามไม่ละลายเหมือนทำในขบวนรถไฟกันเลยทีเดียว
15.10 ถึงอยุธยาจากเวลาในตารางของการรถไฟคือต้องถึง 14.31 ช้ามาประมาณ 40 นาทีโอเคลงซิครับ สิ่งเเรกที่เหยียบลงพิ้นสถานีผมคิดก่อนเลย สถานีมันอยู่ตรงไหนของจังหวัดวะ เเล้วที่เที่ยวตัวเมืองมันอยู่ไหนกันงงทิศไปหมด (อย่างที่บอกครับตื่นเช้ามาผมก็มาเลยไม่มีการศึกษาอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยุธยาถ้านั่งจากทางรถไฟจะไปโผล่ตรงไหนของจังหวัด) เพื่อความตื่นเต้นครับผมเลยไม่ศึกษาอะไรเลยจะได้ตื่นเต้นลุ้นใจใจไปเลยว่าจะเจออะไรบ้าง (ผมคิดว่ามันไม่ไกลกรุงเทพครับหากลำบากจริงๆคงหาวินส่งรถตู้เเล้วกลับ เเต่ถ้าไปไกลกว่านี้เเนะนำศึกษาเส้นทางก่อนนะครับมันอันตราย) พอออกมาจากสถานีผมพยายามดูว่าถนนเข้าเมืองมันไปทางไหนครับก็เปิดเเผนที่ดูในโทรศัพท์ ตอนเเรกกะนั้งรถครับเเต่ดูจากเเผนที่ไม่น่าไกลเลยเดินก็ได้ทำเเล้วทำให้สุด (สรุปไกลครับ55) เเต่มันต้องข้ามเเม่น้ำไปด้วยดิครับเลยหาข้อมูลดูก็บอกว่ามีเรือข้ามฝาก 5 บาทเเต่ผมไม่รู้ว่าไปขึ้นที่ไหนเเล้วไม่อยากถามพี่ๆที่ขับวินเดี๋ยวไซโครให้ไปด้วยอีก เเต่เห็นในเเผนที่มีสะพานสัก 500 เมตรได้มั้งครับเลยสูดดด...หายใจเต็มปอดเเล้วเอาวะ ลุยเเค่สะพานก็เริ่มๆเเล้วครับมันเริ่มเหนื่อยเเล้วเเต่โชคดีครับมันเหมือนฝนจะตกครับ อากาศอบอ้าวเเต่ไม่ร้อน บนสะพานอากาศก็กำลังดีครับมีลมพัดพอหายร้อนได้
หลังจากนั้นผมก็ดูเเผนที่ในโทรศัพท์ครับโดยเดินเท้าเอา โดยคิดจะไปเเค่วัดวัดพระมหาธาต กับ วัดราชบูรณะ เพราะมันใกล้สุดเเล้วโดยผมมีเวลา 3 ชม.โดยผมเดินไปตามถนนป่าโทนเลี้ยวขวาเข้าถนนคลองมะขามเรียง เเวะซื้อขนมปังคู่ล่ะ 6 บาทมา1คู่ใส้สังขยาอร่อยคุ้มราคาเลยครับ
หลังจากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆครับเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนนเรศวรตรงนั้นจะมีคิวรถตู้เข้ามากรุงเทพครับ เดินตรงมาเรื่อยๆ ลมเริ่มพัดเเรงครับเเต่ก็ดีนะครับเดินชิวได้สบายเลยตอนนั้นเลยโพสรูปในเฟสบุ๊ค
พอโพสไปโชคหล่นเลยครับมีพี่ที่รู้จักที่มหาลัยมาประชุมที่นี่พอดีก็ทักถามกันว่าอยู่ไหนอะไรยังไง พี่เขานอนโรงเเรมครับเเต่เรามาเพื่อหาเเรงบรรดาลใจจริงๆเลยขอพี่เขาเที่ยวเอง เครียปัญหาต่างๆเสร็จอ่าวถึงวัดพระธาตุเเล้วหรอเออดีๆถึงเเบบงง ขอบอกว่าไม่เคยมาครับคนเคยมาคงเฉยๆ เเต่เราสิครับเเค่เสาไฟในอยุธยาเรายังตื่นเต้นอันนี้เเหล่งมรดกโลกเชียวนะครับสวยอลังการมากครับเราก็เดินถ่ายรูปไปฝีมือต่ำตมมากครับเเต่เอาเถอะถ่ายเก็บไว้ดูเอง สวยไม่สวยก็ความทรงจำเเล้วซื้อบัตรเข้าชม 10 บาทเองครับเดินไปเราก็คิตามไปนะครับเมื่อก่อนคงต้องสวยมากเเน่ๆ
เเต่ชมได้ประมาณชั่วโมงเดียวครับ เมฆดำๆบนฟ้าคงเก็บน้ำไม่ไหว ก็ตกสิครับมันเทน้ำลงมาเลย555 ไม่ได้ให้จังหวะอะไรเลย โชคดีตอนนั้นกำลังจะเดินออกมาพอดีเลยวิ่งเข้าที่ร่มทัน สรุปคือคิดอะไรไม่ออกเลยทักพี่เค้าไป5555 หาที่หลบฝนก่อน พี่เขาเลยบอกทางมาสรุปคืออยู่ใกล้กับที่เรายืนรอฝนหยุดพอดีเลยเข้าไปพักรอฝนหยุดตก ฝนตกประมาณ30นาทีครับตอน 17.++ นิดๆฝนหยุดตกพี่เค้าก็พาไปทานข้าว (งานฟรีครับ) เเต่ตอนนั้นคิดว่าจะกลับ กทม กับรถไฟรอบ 18.45 เเต่กลัวถึง กทม ดึก เลยนั่งรถตู้รอบสุดท้ายเลยย เเต่โชคดีคือ(เเอบเป็นคน
) คือพอลงจากรถตู้พี่เค้าลืมเก็บตังหรืออะไรไม่รู้คือคนอื่นลงรถก็ออกไปเลยคือเราเอาไงอ่ะ ออกไปเลยม่ะเเต่ตังนี่ยังไม่ได้จ่ายนะไม่กล้าถามด้วย เพราะก็ไม่เเน่ใจว่าพี่เค้าจ่ายให้หรือป่าวเเต่โดยรวมเเล้วผมพลเมืองชั้นต่ำครับ ลงเสร็จหายไปในกลีบเมฆเลยจย้าาา เเต่....
กลับหอมาก็เหนื่อยเลยครับ ไม่มีเวลามานั่งคิดมาก ง่วงนอนหลับเป็นตาย ตื่นมาอีกวันเรื่องความรักก็ไม่ลืมนะครับเเต่ผมมีพลีงจากไหนไม่รู้ อย่างน้อยเมื่อวาลผมเเทบลืมไปเลยว่ามาอยุธยาเพราะอกหัก จากที่จะเอาความรักเก่ามาทิ้งที่อยุธยากลายเป็นผมทิ้งไว้ที่หัวลำโพงพอรถไฟเริ่มออกเดินทางมันคือความทรงจำใหม่ที่ผมได้รับ บางครั้งทางออกของปัญหาชีวิตผมว่าไม่ใช่การเเก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเเต่เป็นการเริ่มมองโลกในมุมใหม่ๆ บางครั้งการคิดเเต่เรื่องราวเดิมๆมันไม่ทำให้เราหลุดพ้นหรอกครับมันเหมือนเป็นการตอกย้ำให้เราเดินอยู่กับที่ เเต่หากเราคิดเรื่องใหม่ๆได้ชีวิตเราอาจจะเดินได้ใหม่ วันนี้ผมก็ยังไม่ลืมรักเก่านะครับเเต่ผมกับมีความสุขมีพลัง จำไว้นะครับใครมีความสุขกว่า คนนั้นชนะ รวมค่าใช้จ่ายจากที่ไม่เกิน500 กลายเป็น 50 ไม่ถึงครับงง ค่ารถไฟฟรี ค่าน้ำเเข็งใส 15 ขนมปัง 6 ค่าชมโบราณสถาน10บาท รถตู้ฟรี(งงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น) อาหารกลางวันเเละขนมฟรี เดินทางด้วยเท้าฟรี น้ำเปล่าเอามาเองจากห้อง น้ำโค้กเอามาจากห้อง 31 บาทจริงๆครับไม่เกินกว่านั้น ถ้ารวมให้ตังดูเยอะอีกคือค่าเดินทางจากหอเเถวห้วยขวางนั่ง MRT ในราคาครึ่งราคาเพราะมีบัตรสำหรับนักเรียนนักศึกษา(ฉลอง11ปีMRT นักเรียนลดครึ่งราคาถึง 31/7/58 วันนี้วันสุดท้ายครับ)18.5 บาท ข้าวในKFC 69 บาท ค่ารถเมล์สาย12จากอนุลงตลาดห้วยขวาง 9 บาท นี่รวมเเบบสุดตั้งเเต่ออกหอยันถึงหอเเล้วนะ 127.5 บาท 127.5 บาทต่อชีวิตให้เราจริงๆนะครับ อย่าเอาเงินเป็นล้านๆที่พ่อเเม่เลี้ยงดูเรามาไปทิ้งโดยที่เรายังไม่ได้ตอบเเทนท่านเคยครับ จำไว้นะครับอย่าเอาเงินล้านไปทิ้งนอกระเบียงตึกนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
รถไฟ
เที่ยวไทย
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เอารักเก่า ไปทิ้งในซากอิฐ ทริปของคนโดนอกหัก กับเงิน31บาทเที่ยวอยุธยา
พอเริ่มออกเดินทางผมอายุ 21 เเต่ตื่นเต้นเหมือนเด็ก 8 ขวบสนุกทุกอย่างตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่รถไฟขบวนนี้พาไป ผมคิดตามไปกับสิ่งที่เห็นระหว่างทางรถไฟ จนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้จะเป็นจะตาย จะร้องก็ไม่ได้คนเยอะเเยะโตเเล้วมานั่งร้องต่อหน้าคนอื่นคงอายเเย่เลย ระหว่างทางผ่านอะไรมากมายเลยล่ะครับ ชีวิตคนตั้งเเต่ในเมืองกรุง ชานเมือง จนถึงอยุธยามัน ทั้งรถ บ้าน ธรรมชาติ มันเหมือนเรานั้งมองเเล้วก็คิดตามกับสิ่งที่เราเห็นจนลืมไปเลยว่าถ้าเราหันหลังไปมันคือความเคว้งคว้างกับอดีตที่เราไม่เคยหาทางออกมันเจอกินเหล้าให้เมา ตอนเมาเราก็ยังคิดถึงเขา เเต่การออกมามองสิ่งใหม่ๆที่เเปลกตาเราจะลืมไปเลยว่าเรามาจากที่ที่เราเเทบจะไม่เหลืออะไรชีวิตเเย่ๆที่เราสร้างขึ้นเอง อากาศบนรถไฟถ้าขับปกติก็ลมเย็นสบายเเต่พอมันชะลอรอหลีกทางขบวนอื่นละก็ เหมือนเดินผ่านซาวหน้าที่ไม่ปิดประตูเลยละครับ 5555 เเต่ก็มีอาหารดับร้อนนะครับ
15.10 ถึงอยุธยาจากเวลาในตารางของการรถไฟคือต้องถึง 14.31 ช้ามาประมาณ 40 นาทีโอเคลงซิครับ สิ่งเเรกที่เหยียบลงพิ้นสถานีผมคิดก่อนเลย สถานีมันอยู่ตรงไหนของจังหวัดวะ เเล้วที่เที่ยวตัวเมืองมันอยู่ไหนกันงงทิศไปหมด (อย่างที่บอกครับตื่นเช้ามาผมก็มาเลยไม่มีการศึกษาอะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอยุธยาถ้านั่งจากทางรถไฟจะไปโผล่ตรงไหนของจังหวัด) เพื่อความตื่นเต้นครับผมเลยไม่ศึกษาอะไรเลยจะได้ตื่นเต้นลุ้นใจใจไปเลยว่าจะเจออะไรบ้าง (ผมคิดว่ามันไม่ไกลกรุงเทพครับหากลำบากจริงๆคงหาวินส่งรถตู้เเล้วกลับ เเต่ถ้าไปไกลกว่านี้เเนะนำศึกษาเส้นทางก่อนนะครับมันอันตราย) พอออกมาจากสถานีผมพยายามดูว่าถนนเข้าเมืองมันไปทางไหนครับก็เปิดเเผนที่ดูในโทรศัพท์ ตอนเเรกกะนั้งรถครับเเต่ดูจากเเผนที่ไม่น่าไกลเลยเดินก็ได้ทำเเล้วทำให้สุด (สรุปไกลครับ55) เเต่มันต้องข้ามเเม่น้ำไปด้วยดิครับเลยหาข้อมูลดูก็บอกว่ามีเรือข้ามฝาก 5 บาทเเต่ผมไม่รู้ว่าไปขึ้นที่ไหนเเล้วไม่อยากถามพี่ๆที่ขับวินเดี๋ยวไซโครให้ไปด้วยอีก เเต่เห็นในเเผนที่มีสะพานสัก 500 เมตรได้มั้งครับเลยสูดดด...หายใจเต็มปอดเเล้วเอาวะ ลุยเเค่สะพานก็เริ่มๆเเล้วครับมันเริ่มเหนื่อยเเล้วเเต่โชคดีครับมันเหมือนฝนจะตกครับ อากาศอบอ้าวเเต่ไม่ร้อน บนสะพานอากาศก็กำลังดีครับมีลมพัดพอหายร้อนได้