ฮาโหลสวัสดีค่ะทุกคน n’Fern p’Nai around the world กลับมาแล้ว
รอบนี้ถือเป็นทริปกระทันหันทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงภายใน 2 อาทิตย์ได้ 55+
นี่จึงเป็นที่มาของหัวข้อกระทู้เรา ฮ่าา "ปุบปับแพ็คเป๋าาาาาาา" ตลอด ><
จริงๆก่อนเกิดทริปนี้ เดือนมิ.ย. เราได้ไปสิงคโปร์กันมาเป็นซัมเมอร์ที่เริ่มต้นผิวสีแทน
แต่ !! รีวิวยังไม่ได้ทำ 55+ เลยเอารีวิวล่าสุดมาส่งก่อนละกันฮับ
“ Summer นี้มีดีอะไร”
Hokkaido - Sapporo - Chocolate Factory - Sapporo Beer Museum - Otaru - Hakkenzan
Jozankei - Noboritsu – Toya Lake - Furano – Biei
เนื่องจากการจองทริปนี้เรา 2 คนหันมาสบตากับปริบปริบเอาไงดี
เพราะราคาตั๋วแสนถูกและมาแบบสายฟ้าฟาดของ AirAsiaX มันเย้าหยวนใจ
ประเด็นคือ บินตรงไปลง New Chitose Airport เอาเส่ะ จะไปเหลือสอยมา 2 ใบ กับการเดินทาง 1 อาทิตย์
โดยไม่มีแผนอะไรเลย เพราะเพื่อนเราเรียนโทอยุ่เราจึงไปฉุดกระชากลากถู “ฉันจะไป”
และประเด็นขอนอนด้วย 55+ ส่วนค่าเสียหายตามนี้เลยจ๊ะ
- ตั๋วเครื่องบินจาก ดอนเมือง ถึง New Chitose Airport = 7,500 บาท
(จริงๆค่าตั๋วคือ 5,600 บาท แต่เราเลือกที่นั่งเป็นโซน Quiet Zone คนละ 500 บาท + นน.กระเป๋า 2 คนรวมกันซื้อแค่ 20 โล)
- pocket money คนละ 15,000 บาท จ๊ะ
Quiet Zone จ๊ะ เงียบดีตลอดเส้นทาง ถ้าระหว่างบินปิดไฟด้วยจะดีมว๊าก
จริงๆเรา 2 คนเพิ่งไปญี่ปุ่นมาเมื่อต้นปีด้วยซ้ำแล้วยังบินจากโตเกียวข้ามไป ฮอกไกโดด้วย
เนื่องจาก จขกท. ชอบอากาศติดลบง่ะ แต่รอบนี้คนละฟิวเบย ไม่รู้ซัมเมอร์นี้จะเป็นยังไง ไม่ชอบอากาศร้อน
ไม่ชอบเหงื่อแตก และไม่คาดหวังกับทริปนี้เท่ารัย
แต่ ‼‼‼ จะเป็นยังไงเดียวรู้เรยว่า “ Summer นี้มีดีอะไร”
ไปเปรียบเทียบบรรยากาศเก่าเมื่อต้นปีของพวกเราก่อนได้เรยห๊ะ เกือบครึ่งเดือนของการไปญี่ปุ่นครั้งแรก
นำทริปเอง วางแผนเอง ตามนี้เรยยยย
ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ตอนที่ 1 :
http://pantip.com/topic/33314571
ตอนที่ 2 :
http://pantip.com/topic/33314703
ตอนที่ 3 :
http://pantip.com/topic/33315163
ตอนที่ 4 :
http://pantip.com/topic/33315485
ส่วนทริปนี้เพื่อนภูเป็นคนวางแผนและจัดการให้เสร็จ เราจะเช่ารถขับเป็นเวลา 2 วันจ้า
รอบนี้เราคุยกันว่าอยากไปใช้ชีวิตช้าๆเพราะที่นั้นเป็นช่วง Summer พอดี
เราจองตั๋วไปโดยไม่รู้อะไรสักอย่างว่าที่นู้นมันคือ.... High season เฟ้ยยย พอรู้เลยเริ่มสนุก 555+
ดีนะเพื่อนอยู่นู้นไม่งั้นจองแบบนี้ที่พักหาไม่ได้แน่ๆ เต็มทุกที่ รอบนี้เราจึงไปใช้ชีวิตแบบโฟร์-มด
วิ่งเล่นที่ ทุ่งลาเวนเดอร์ ดอกไม้หลายสี และทุ่งข้าวสาลี บรู๊ววววว สัมผัสชีวิตคนญี่ปุ่นโดยพี่ภูมีคุณลุงและคุณป้าปูยักษ์
เป็นเพื่อนบ้านที่คอยเป็นห่วงเป็นใยจนกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมไปซะละ
รอบเมื่อต้นปีได้มีโอกาสไปทานโซบะ และ พิซซ่าญี่ปุ่นฝีมือคุณป้ามาแต่ไม่มีเวลาถ่ายรูป รอบนี้ละบุกบ้านนนนน !!!!!
แหม๊ะ เขียวซะขนาดนี้ ต้นปีมานี่หิมะแน่นๆ ไฟล์เกือบแคนเซิล กิกิ
สำหรับใครอยากรู้ความเคลื่อนไหวฤดูกาล-เทศกาล ต่างๆของ Hokkaido ไปติดตามได้ที่
Facebook Fanpage :
สุโก้ยโฉะ ฮอกไกโด สอบถามข้อมูลการเดินทาง
สถานที่เที่ยวใหม่ๆ นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยไป นักเรียนไทยที่นู้นก็สรรหามานำเสนอค่ะ
ธรรมชาติของ Hokkaido ยังมีที่สวยๆอีกเยอะ คนชอบเที่ยวญี่ปุ่นไม่น่าพลาดนะฮับบบ เอาละมาเริ่มต้นทริปนี่กันเลยดีกว่า

ทริปของเราตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. – 12 ก.ค. 2558 (1 อาทิตย์เป๊ะ) ว๊าบกันเลยดีกว่า
*** กล้องที่ใช้ถ่ายภาพทริปนี่ คือ Fuji X-E2 + len 18-55 mm.
Day 1 Takino Suzuran Park - Sapporo
ลงเครื่องปุ๊บจัดแจงไปหาเพื่อนที่บ้าน เก็บของแล้วออกเดินทางต่อกันเลย ไม่น่าเชื่อ “Summer” ที่นี่ 13 องศา 55+
ไหนใครบอก เกือบ 30 นะ ไม่ต้องเอาเสื้อมา ชิวๆ ชิวมว๊ากค่ะเพื่อน ดีนะติดเสื้อไป 1 ตัว ><
ถึงปุ๊บก่อนล้างหน้า ตั้งกล้องก่อนละกัน 55+
น่ารักกระหนุงกระหนิง
เก็บของแล้วก็ไปต่อเลย ที่แรกที่จะไป คือ Takino Suzuran Park ไม่ไกลจาก Sapporo เท่าไหร่
มาได้ทั้งรถไฟใต้ดินและต่อรถบัส หรือจะนั่งรถบัสมาเลยก็ได้จ้า เราเลือกวิธีนั่งรถไฟใต้ดินแล้วต่อบัสกันจ้า
การเดินทาง
- นั่ง Subway (Nanboku Line สายสีเขียว) ไปลง Makomanai Sta.
ออกจากที่เสียบตั๋วเดินเลี้ยวซ้ายไปยังป้ายรถเมล์เบอร์ 2 นั่งรถบัสไปลงที่สวนสาธารณะนั้นคือสุดสายเลยจ้า
ค่าเข้า Takino Suzuran Park คนละ 410 เยนจ้า
*** ปล.ค่ารถไฟขาไป+ค่ารถบัส 420 เยน แล้วพอถึงสถานีปลายทางนั้น
คือ สวนสาธารณะก็ไปเพิ่มเงินอีก 230 เยน ก่อนลงรถนะคะ (อย่าเที่ยวเพลินจนลืมเชครอบรถบัสขากลับนะคะ)
*** ส่วนขากลับมานั่งรอรถบัสที่ป้ายที่เราลงนะคะเพื่อเข้าเมือง
ป้ายที่รถจะจอดป้ายสุดท้ายไม่ไกลจาก Odori Park จ้า ค่ารถคนละ 620 เยน
นี่คือเบื้องหลังความสวยงามที่เราเห็น
สวนที่นี่ใหญ่มากมากกกกกจนเดินแล้วจะเป็นลม แต่สวยดี
เราจะเห็นภาพบรรยากาศแบบนี้ที่ญี่ปุ่นเป็นประจำ มากันเป็นครอบครัวเลย
หลังจากเที่ยว Takino Suzuran Park เราก็กลับเข้าเมืองแต่เมื่อลงสถานีที่ใกล้ Odori Park
ก็ถือโอกาสไปเดินเล่นต่อเลย ที่สำคัญในฤดูร้อน ที่ Odori Park คนญี่ปุ่นก็นิยมออกมาปิคนิค นั่งเล่น
เปิดการแสดง เล่นมายากล ร้องเพลง เต้น โอ้ยยสารพัดที่หาไม่ได้ที่เมืองไทย คือตื่นเต้นเพราะเห็นแต่ในหนังไง 55+
พร้อมกับนั่งกินข้าวโพด ชมวิว ผู้คนเดินไปเดินมา โอ๊ะ ซัมเมอร์ นี้ก็ดีแฮะ.....
ทีเด็ดของ Odori Park นอกจากลานเบียร์ เนื้อเจงกิสข่าน ก็ขาดไม่ได้กับ "ข้าวโพด"
เป็นหน้าร้อนที่แดดร้อนมากกแล้วลมก็แรงมากเช่นกัน
วันนี้วันแรกนะเก็บสถานที่ในเมืองจะหมดละ เดินขาลากเหมือนเดิม เพิ่มเติมเดี๋ยวบอก 55+
ต่อด้วยตรอกราเมงที่โด่งดัง วันนี้แนะนำร้าน Jirocho Noodle อยู่ที่ตึก Esta ชั้น 10 ตามรอยกันได้เลย
ทีเด็ดคือ Spicy Miso Ramen น้ำซุปอร่อยมากก แล้วอีกเมนูที่นิยมของเหล่าบรรดานักดื่มคือ Hell Ramen (Miso)
ตรอกนี้จะรวมร้านราเมงจากทั่วทุกที่ของญี่ปุ่นไว้ ร้านนี้หาไม่ยากนะคะ อยู่ปากทางเข้าตรอกเลย
ยังไม่หมดฮ๊ะ รอบก่อนมาหาเพื่อน 2 คืน ไปนอน Niseko 1 คืน เพื่อเล่นสกี แล้วตีกลับมานอนหอเพื่อนที่ Sapporo 1 คืน
เช้าอีกวันบินกลับ Tokyo ไม่ได้เที่ยวเลยครับผม รอบนี้เพื่อนเลยจัดเต็มพาเที่ยว และกิน กลับถึงไทยด้วยนน.ที่เพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
"กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่" เค้าบอกมาก็ตามนั้น ฮ่าา จัดไปกับ Crepe ที่เพื่อนบอกว่ามันอร่อยมาก
ตอนแรกไม่เชื่อ เพราะโดยส่วนตัวก็ชอบกินเครปอยู่แล้วเลยโอเคไปลอง แต่พอกินแล้ว เห้ยแกกกกก !!!!
อร่อยมากกกจริงๆ คือเนื้อแป้งมันกรอบๆนิ่มๆกำลังดี ทุกอย่างเข้ากันดีมาก ต่างจากทุกร้านที่แป้งนิ่มๆและเย็น ต้องลอง !!
พิกัดร้าน : ตรงข้ามด้านหน้าตึก Sapporo Sta. / Biccamera หาไม่ยาก อันนี้ราคา 440 เยน
หมดไปหนึ่งวันแค่วันแรกก็ขาลากละ >< หนทางอีกยาวไกลแต่เวลาช่วยเดินช้าหน่อยได้ไหมผ่านไปไหวเกิ๊นน ):
เริ่ม Day2 กันดีกว่า แผนวันนี้คือ เราจะซื้อ Sapporo - Otaru Welcome Pass คนละ 1700 เยนต่อคน จะได้รับตั๋ว 2 ใบคือ
1. บัตร Subway กี่รอบก็ได้ 1 วัน
2. บัตร JR Sapporo - Otaru กี่รอบก็ได้ 1 วัน
** ถ้าวันไหนจะต้องนั่ง Subway เยอะๆ pass นี้ถือว่าคุ้มนะคะรวมสถานที่ไกลๆไว้วันนี้ได้เลย
อ่อ สามารถระบุวันที่จะเดินทางล่วงหน้ากับพนง.ตอนซื้อได้เลยจ้า เช่น ซื้อวันนี้แต่จะใช้บริการพรุ่งนี้
อันนี้คือ Subway Ticket จ้า ขึ้น-ลงได้ทุกสถานีใน 1 วัน
ส่วนอันนี้คือ JR Sapporo-Otaru นะคะ
Route : Chocolate Factory - Sapporo Beer Museum - Otaru
เริ่มด้วยตื่นเช้ามากกร่างกายไม่ไหว ไม่ใช่ว่าป่วยแต่อย่างได้ ง่วงค่ะคุ๊ณณณณ =="
เพื่อนบอกว่าไปตลาดปลากัน ตื่นเช้าหน่อย เอ้าเช้าก็เช้า พอถึงถามว่ามีแค่นี้ เพื่อนบอกใช่ มาทำไร อ่อ พามาดู 55+
ขณะนี้ 8 จะ 9 โมงทำไรดี ร้านก็ยังไม่เปิด ฝนทำท่าจะตก เคๆ กินข้าวกันเถอะ
ร้านนี้เป็นร้านข้าวหน้าต่างๆ เพื่อนชอบร้านนี้เลยพามาลองชื่อว่า Sukiya ข้าวหน้าชีสสสสสส
รอฝนหายแล้วก็ไปต่อเริ่มด้วย Chocolate Factory
การเดินทาง : Subway (Tozai Line) ลง Miyanosawa Sta. Exit5
เดินออกมาจนถึง 4 แยกจะเจอโชว์รูมรถยุโรป ให้เดินเลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆเดียวก็ถึงงับ ไม่ไกล
ไม่ได้ถ่ายรูปที่นี้สักเท่าไหร่เพราะฝนตกตลอดเบย ): เอาไอติมไปกินละกันงั่มงั่ม อร่อยดี คนก็เยอะดี 55+
นั่งพักสักพักก็ไปต่อดีกว่า แต่ตอนนี้ไปกัน 2 คนละ เพื่อนมีธุระเลยทิ้งฉันไว้กลางทาง T_T
การเดินทาง : Sapporo Beer Museum นั่ง Subway ย้อนมาลง Sapporo Sta./Odori Sta. ก็ได้
เปลี่ยนสายรถไฟเป็น Toho Line ไปลง Higashi kuyakusho Mae Sta. Exit3 ขึ้นมาแล้วเดินไปทางซ้าย
เลาะถนนไปเรื่อยๆ ครบ5 ไฟแดง เลี้ยวซ้ายอีกที เดินตรงไปเรื่อยเดียวก็ถึงงับ
**มันจะมีรถบัสวิ่งมาถึงหน้าโรงเบียร์เลยนะคะเลือกเอาแบบที่ตัวเองสะดวกเลยถ้าไม่อยากเดิน
แต่เรา 2 คนอินดี้ 55+ไม่รีบ เรื่อยๆ ชิวๆ แต่ลมแรงมากตัวจะปลิวนี้ขนาดหน้าร้อน ไม่เป็นไรเราชอบบบ 55+
>< ไม่ค่อยได้ถ่ายเช่นเดิม ฝนตกปลอยๆตลอดเวลา อันนี้ไปกัน 2 คนก็ตามสเตปเรา ตั้งกล้องแล้วถ่ายไปเรื่อยๆ

เดียวมาต่อน้า ><
[CR] ปุ บ ปั บ แ พ็ ค เ ป๋ า . . . " เ ร า ส อ ง ส า ม ค น "
รอบนี้ถือเป็นทริปกระทันหันทุกอย่างเกิดขึ้นและจบลงภายใน 2 อาทิตย์ได้ 55+
นี่จึงเป็นที่มาของหัวข้อกระทู้เรา ฮ่าา "ปุบปับแพ็คเป๋าาาาาาา" ตลอด ><
จริงๆก่อนเกิดทริปนี้ เดือนมิ.ย. เราได้ไปสิงคโปร์กันมาเป็นซัมเมอร์ที่เริ่มต้นผิวสีแทน
แต่ !! รีวิวยังไม่ได้ทำ 55+ เลยเอารีวิวล่าสุดมาส่งก่อนละกันฮับ
“ Summer นี้มีดีอะไร”
Hokkaido - Sapporo - Chocolate Factory - Sapporo Beer Museum - Otaru - Hakkenzan
Jozankei - Noboritsu – Toya Lake - Furano – Biei
เนื่องจากการจองทริปนี้เรา 2 คนหันมาสบตากับปริบปริบเอาไงดี
เพราะราคาตั๋วแสนถูกและมาแบบสายฟ้าฟาดของ AirAsiaX มันเย้าหยวนใจ
ประเด็นคือ บินตรงไปลง New Chitose Airport เอาเส่ะ จะไปเหลือสอยมา 2 ใบ กับการเดินทาง 1 อาทิตย์
โดยไม่มีแผนอะไรเลย เพราะเพื่อนเราเรียนโทอยุ่เราจึงไปฉุดกระชากลากถู “ฉันจะไป”
และประเด็นขอนอนด้วย 55+ ส่วนค่าเสียหายตามนี้เลยจ๊ะ
- ตั๋วเครื่องบินจาก ดอนเมือง ถึง New Chitose Airport = 7,500 บาท
(จริงๆค่าตั๋วคือ 5,600 บาท แต่เราเลือกที่นั่งเป็นโซน Quiet Zone คนละ 500 บาท + นน.กระเป๋า 2 คนรวมกันซื้อแค่ 20 โล)
- pocket money คนละ 15,000 บาท จ๊ะ
Quiet Zone จ๊ะ เงียบดีตลอดเส้นทาง ถ้าระหว่างบินปิดไฟด้วยจะดีมว๊าก
จริงๆเรา 2 คนเพิ่งไปญี่ปุ่นมาเมื่อต้นปีด้วยซ้ำแล้วยังบินจากโตเกียวข้ามไป ฮอกไกโดด้วย
เนื่องจาก จขกท. ชอบอากาศติดลบง่ะ แต่รอบนี้คนละฟิวเบย ไม่รู้ซัมเมอร์นี้จะเป็นยังไง ไม่ชอบอากาศร้อน
ไม่ชอบเหงื่อแตก และไม่คาดหวังกับทริปนี้เท่ารัย
แต่ ‼‼‼ จะเป็นยังไงเดียวรู้เรยว่า “ Summer นี้มีดีอะไร”
ไปเปรียบเทียบบรรยากาศเก่าเมื่อต้นปีของพวกเราก่อนได้เรยห๊ะ เกือบครึ่งเดือนของการไปญี่ปุ่นครั้งแรก
นำทริปเอง วางแผนเอง ตามนี้เรยยยย
ตามไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ตอนที่ 1 : http://pantip.com/topic/33314571
ตอนที่ 2 : http://pantip.com/topic/33314703
ตอนที่ 3 : http://pantip.com/topic/33315163
ตอนที่ 4 : http://pantip.com/topic/33315485
ส่วนทริปนี้เพื่อนภูเป็นคนวางแผนและจัดการให้เสร็จ เราจะเช่ารถขับเป็นเวลา 2 วันจ้า
รอบนี้เราคุยกันว่าอยากไปใช้ชีวิตช้าๆเพราะที่นั้นเป็นช่วง Summer พอดี
เราจองตั๋วไปโดยไม่รู้อะไรสักอย่างว่าที่นู้นมันคือ.... High season เฟ้ยยย พอรู้เลยเริ่มสนุก 555+
ดีนะเพื่อนอยู่นู้นไม่งั้นจองแบบนี้ที่พักหาไม่ได้แน่ๆ เต็มทุกที่ รอบนี้เราจึงไปใช้ชีวิตแบบโฟร์-มด
วิ่งเล่นที่ ทุ่งลาเวนเดอร์ ดอกไม้หลายสี และทุ่งข้าวสาลี บรู๊ววววว สัมผัสชีวิตคนญี่ปุ่นโดยพี่ภูมีคุณลุงและคุณป้าปูยักษ์
เป็นเพื่อนบ้านที่คอยเป็นห่วงเป็นใยจนกลายเป็นคุณพ่อคุณแม่บุญธรรมไปซะละ
รอบเมื่อต้นปีได้มีโอกาสไปทานโซบะ และ พิซซ่าญี่ปุ่นฝีมือคุณป้ามาแต่ไม่มีเวลาถ่ายรูป รอบนี้ละบุกบ้านนนนน !!!!!
แหม๊ะ เขียวซะขนาดนี้ ต้นปีมานี่หิมะแน่นๆ ไฟล์เกือบแคนเซิล กิกิ
สำหรับใครอยากรู้ความเคลื่อนไหวฤดูกาล-เทศกาล ต่างๆของ Hokkaido ไปติดตามได้ที่
Facebook Fanpage : สุโก้ยโฉะ ฮอกไกโด สอบถามข้อมูลการเดินทาง
สถานที่เที่ยวใหม่ๆ นักท่องเที่ยวยังไม่ค่อยไป นักเรียนไทยที่นู้นก็สรรหามานำเสนอค่ะ
ธรรมชาติของ Hokkaido ยังมีที่สวยๆอีกเยอะ คนชอบเที่ยวญี่ปุ่นไม่น่าพลาดนะฮับบบ เอาละมาเริ่มต้นทริปนี่กันเลยดีกว่า
ทริปของเราตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. – 12 ก.ค. 2558 (1 อาทิตย์เป๊ะ) ว๊าบกันเลยดีกว่า
*** กล้องที่ใช้ถ่ายภาพทริปนี่ คือ Fuji X-E2 + len 18-55 mm.
Day 1 Takino Suzuran Park - Sapporo
ลงเครื่องปุ๊บจัดแจงไปหาเพื่อนที่บ้าน เก็บของแล้วออกเดินทางต่อกันเลย ไม่น่าเชื่อ “Summer” ที่นี่ 13 องศา 55+
ไหนใครบอก เกือบ 30 นะ ไม่ต้องเอาเสื้อมา ชิวๆ ชิวมว๊ากค่ะเพื่อน ดีนะติดเสื้อไป 1 ตัว ><
ถึงปุ๊บก่อนล้างหน้า ตั้งกล้องก่อนละกัน 55+
น่ารักกระหนุงกระหนิง
เก็บของแล้วก็ไปต่อเลย ที่แรกที่จะไป คือ Takino Suzuran Park ไม่ไกลจาก Sapporo เท่าไหร่
มาได้ทั้งรถไฟใต้ดินและต่อรถบัส หรือจะนั่งรถบัสมาเลยก็ได้จ้า เราเลือกวิธีนั่งรถไฟใต้ดินแล้วต่อบัสกันจ้า
การเดินทาง
- นั่ง Subway (Nanboku Line สายสีเขียว) ไปลง Makomanai Sta.
ออกจากที่เสียบตั๋วเดินเลี้ยวซ้ายไปยังป้ายรถเมล์เบอร์ 2 นั่งรถบัสไปลงที่สวนสาธารณะนั้นคือสุดสายเลยจ้า
ค่าเข้า Takino Suzuran Park คนละ 410 เยนจ้า
*** ปล.ค่ารถไฟขาไป+ค่ารถบัส 420 เยน แล้วพอถึงสถานีปลายทางนั้น
คือ สวนสาธารณะก็ไปเพิ่มเงินอีก 230 เยน ก่อนลงรถนะคะ (อย่าเที่ยวเพลินจนลืมเชครอบรถบัสขากลับนะคะ)
*** ส่วนขากลับมานั่งรอรถบัสที่ป้ายที่เราลงนะคะเพื่อเข้าเมือง
ป้ายที่รถจะจอดป้ายสุดท้ายไม่ไกลจาก Odori Park จ้า ค่ารถคนละ 620 เยน
นี่คือเบื้องหลังความสวยงามที่เราเห็น
สวนที่นี่ใหญ่มากมากกกกกจนเดินแล้วจะเป็นลม แต่สวยดี
เราจะเห็นภาพบรรยากาศแบบนี้ที่ญี่ปุ่นเป็นประจำ มากันเป็นครอบครัวเลย
หลังจากเที่ยว Takino Suzuran Park เราก็กลับเข้าเมืองแต่เมื่อลงสถานีที่ใกล้ Odori Park
ก็ถือโอกาสไปเดินเล่นต่อเลย ที่สำคัญในฤดูร้อน ที่ Odori Park คนญี่ปุ่นก็นิยมออกมาปิคนิค นั่งเล่น
เปิดการแสดง เล่นมายากล ร้องเพลง เต้น โอ้ยยสารพัดที่หาไม่ได้ที่เมืองไทย คือตื่นเต้นเพราะเห็นแต่ในหนังไง 55+
พร้อมกับนั่งกินข้าวโพด ชมวิว ผู้คนเดินไปเดินมา โอ๊ะ ซัมเมอร์ นี้ก็ดีแฮะ.....
ทีเด็ดของ Odori Park นอกจากลานเบียร์ เนื้อเจงกิสข่าน ก็ขาดไม่ได้กับ "ข้าวโพด"
เป็นหน้าร้อนที่แดดร้อนมากกแล้วลมก็แรงมากเช่นกัน
วันนี้วันแรกนะเก็บสถานที่ในเมืองจะหมดละ เดินขาลากเหมือนเดิม เพิ่มเติมเดี๋ยวบอก 55+
ต่อด้วยตรอกราเมงที่โด่งดัง วันนี้แนะนำร้าน Jirocho Noodle อยู่ที่ตึก Esta ชั้น 10 ตามรอยกันได้เลย
ทีเด็ดคือ Spicy Miso Ramen น้ำซุปอร่อยมากก แล้วอีกเมนูที่นิยมของเหล่าบรรดานักดื่มคือ Hell Ramen (Miso)
ตรอกนี้จะรวมร้านราเมงจากทั่วทุกที่ของญี่ปุ่นไว้ ร้านนี้หาไม่ยากนะคะ อยู่ปากทางเข้าตรอกเลย
ยังไม่หมดฮ๊ะ รอบก่อนมาหาเพื่อน 2 คืน ไปนอน Niseko 1 คืน เพื่อเล่นสกี แล้วตีกลับมานอนหอเพื่อนที่ Sapporo 1 คืน
เช้าอีกวันบินกลับ Tokyo ไม่ได้เที่ยวเลยครับผม รอบนี้เพื่อนเลยจัดเต็มพาเที่ยว และกิน กลับถึงไทยด้วยนน.ที่เพิ่มขึ้นถ้วนหน้า
"กินคาวไม่กินหวานสันดารไพร่" เค้าบอกมาก็ตามนั้น ฮ่าา จัดไปกับ Crepe ที่เพื่อนบอกว่ามันอร่อยมาก
ตอนแรกไม่เชื่อ เพราะโดยส่วนตัวก็ชอบกินเครปอยู่แล้วเลยโอเคไปลอง แต่พอกินแล้ว เห้ยแกกกกก !!!!
อร่อยมากกกจริงๆ คือเนื้อแป้งมันกรอบๆนิ่มๆกำลังดี ทุกอย่างเข้ากันดีมาก ต่างจากทุกร้านที่แป้งนิ่มๆและเย็น ต้องลอง !!
พิกัดร้าน : ตรงข้ามด้านหน้าตึก Sapporo Sta. / Biccamera หาไม่ยาก อันนี้ราคา 440 เยน
หมดไปหนึ่งวันแค่วันแรกก็ขาลากละ >< หนทางอีกยาวไกลแต่เวลาช่วยเดินช้าหน่อยได้ไหมผ่านไปไหวเกิ๊นน ):
เริ่ม Day2 กันดีกว่า แผนวันนี้คือ เราจะซื้อ Sapporo - Otaru Welcome Pass คนละ 1700 เยนต่อคน จะได้รับตั๋ว 2 ใบคือ
1. บัตร Subway กี่รอบก็ได้ 1 วัน
2. บัตร JR Sapporo - Otaru กี่รอบก็ได้ 1 วัน
** ถ้าวันไหนจะต้องนั่ง Subway เยอะๆ pass นี้ถือว่าคุ้มนะคะรวมสถานที่ไกลๆไว้วันนี้ได้เลย
อ่อ สามารถระบุวันที่จะเดินทางล่วงหน้ากับพนง.ตอนซื้อได้เลยจ้า เช่น ซื้อวันนี้แต่จะใช้บริการพรุ่งนี้
อันนี้คือ Subway Ticket จ้า ขึ้น-ลงได้ทุกสถานีใน 1 วัน
ส่วนอันนี้คือ JR Sapporo-Otaru นะคะ
Route : Chocolate Factory - Sapporo Beer Museum - Otaru
เริ่มด้วยตื่นเช้ามากกร่างกายไม่ไหว ไม่ใช่ว่าป่วยแต่อย่างได้ ง่วงค่ะคุ๊ณณณณ =="
เพื่อนบอกว่าไปตลาดปลากัน ตื่นเช้าหน่อย เอ้าเช้าก็เช้า พอถึงถามว่ามีแค่นี้ เพื่อนบอกใช่ มาทำไร อ่อ พามาดู 55+
ขณะนี้ 8 จะ 9 โมงทำไรดี ร้านก็ยังไม่เปิด ฝนทำท่าจะตก เคๆ กินข้าวกันเถอะ
ร้านนี้เป็นร้านข้าวหน้าต่างๆ เพื่อนชอบร้านนี้เลยพามาลองชื่อว่า Sukiya ข้าวหน้าชีสสสสสส
รอฝนหายแล้วก็ไปต่อเริ่มด้วย Chocolate Factory
การเดินทาง : Subway (Tozai Line) ลง Miyanosawa Sta. Exit5
เดินออกมาจนถึง 4 แยกจะเจอโชว์รูมรถยุโรป ให้เดินเลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆเดียวก็ถึงงับ ไม่ไกล
ไม่ได้ถ่ายรูปที่นี้สักเท่าไหร่เพราะฝนตกตลอดเบย ): เอาไอติมไปกินละกันงั่มงั่ม อร่อยดี คนก็เยอะดี 55+
นั่งพักสักพักก็ไปต่อดีกว่า แต่ตอนนี้ไปกัน 2 คนละ เพื่อนมีธุระเลยทิ้งฉันไว้กลางทาง T_T
การเดินทาง : Sapporo Beer Museum นั่ง Subway ย้อนมาลง Sapporo Sta./Odori Sta. ก็ได้
เปลี่ยนสายรถไฟเป็น Toho Line ไปลง Higashi kuyakusho Mae Sta. Exit3 ขึ้นมาแล้วเดินไปทางซ้าย
เลาะถนนไปเรื่อยๆ ครบ5 ไฟแดง เลี้ยวซ้ายอีกที เดินตรงไปเรื่อยเดียวก็ถึงงับ
**มันจะมีรถบัสวิ่งมาถึงหน้าโรงเบียร์เลยนะคะเลือกเอาแบบที่ตัวเองสะดวกเลยถ้าไม่อยากเดิน
แต่เรา 2 คนอินดี้ 55+ไม่รีบ เรื่อยๆ ชิวๆ แต่ลมแรงมากตัวจะปลิวนี้ขนาดหน้าร้อน ไม่เป็นไรเราชอบบบ 55+
>< ไม่ค่อยได้ถ่ายเช่นเดิม ฝนตกปลอยๆตลอดเวลา อันนี้ไปกัน 2 คนก็ตามสเตปเรา ตั้งกล้องแล้วถ่ายไปเรื่อยๆ
เดียวมาต่อน้า ><