เปิดธรรมที่ถูกปิด ภาพลวงตา อวิชชาลวงใจ

      










พุทธวจน

ดูกรมาคัณฑิยะ  ! เปรียบเหมือนบุรุษตาบอดมาแต่กำเนิด เขาไม่ได้เห็น
รูปดำและขาว
ไม่ได้เห็นรูปสีเขียว
ไม่ได้เห็นรูปสีเหลือง
ไม่ได้เห็นรูปสีแดง
ไม่ได้เห็นรูปสีชมพู
ไม่ได้เห็นที่อันเสมอและไม่เสมอ
ไม่ได้เห็นรูปหมู่ดาว  
ไม่ได้เห็นดวงจันทร์และดวงอาทิตย์

เขาได้ฟังต่อคนผู้มีจักษุกล่าวว่า ดูกรผู้เจริญ ผ้าขาวผ่องงาม ไม่มีมลทินสะอาดหนอ ดังนี้.
เขาพึงเที่ยวแสวงหาผ้าขาวผ่อง.

บุรุษคนหนึ่งเอาผ้าเทียมเปื้อนเขม่ามาลวงบุรุษตาบอดแต่กำเนิด
นั้นว่า ดูกรบุรุษผู้เจริญ ผ้าของท่านผืนนี้ เป็นผ้าขาวผ่องงามไม่มีมลทิน สะอาด ดังนี้
.
เขารับเอาผ้านั้นไว้ห่ม แล้วดีใจ เปล่งวาจาแสดงความดีใจว่า ท่านผู้เจริญ ผ้าขาวผ่องงาม
ไม่มีมลทินสะอาด ดังนี้.

ดูกรมาคัณฑิยะ   !  ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษตาบอด
แต่กำเนิดนั้น รู้อยู่ เห็นอยู่ รับเอาผ้าเทียมอันเปื้อนเขม่านั้นไว้ห่ม แล้วดีใจ เปล่งวาจา
แสดงความดีใจว่า ท่านผู้เจริญ ผ้าขาวผ่องงามไม่มีมลทินสะอาดหนอ ดังนี้ หรือว่าเปล่งวาจา
แสดงความยินดี ด้วยเชื่อต่อบุคคลผู้มีจักษุเล่า?

ท่านพระโคดม ! บุรุษตาบอดแต่กำเนิดนั้น ไม่รู้ไม่เห็นเลย รับเอาผ้าเทียมอันเปื้อนเขม่า
เข้าไว้ห่ม แล้วดีใจ เปล่งวาจาแสดงความดีใจว่า ท่านผู้เจริญ ผ้าขาวผ่องไม่มีมลทินสะอาดหนอ
ดังนี้ ด้วยเชื่อต่อบุคคลผู้มีจักษุเท่านั้น
.


ดูกรมาคัณฑิยะ  !  เปรียบเหมือนบุรุษตาบอดมาแต่กำเนิด เขาไม่ได้เห็นรูปดำและขาว
ไม่ได้เห็นรูปสีเขียว ไม่ได้เห็นรูปสีเหลือง ไม่ได้เห็นรูปสีแดง ไม่ได้เห็นรูปสีชมพู ไม่ได้เห็น
ที่อันเสมอและไม่เสมอ ไม่ได้เห็นรูปหมู่ดาว ไม่ได้เห็นดวงจันทร์และดวงอาทิตย์. แต่เขาได้ฟัง
ต่อคนที่มีจักษุซึ่งกล่าวอยู่ว่า ท่านผู้เจริญ ผ้าขาวผ่องงาม ไม่มีมลทินสะอาดหนอ บุรุษตาบอด
แต่กำเนิดนั้น พึงเที่ยวแสวงหาผ้าขาวผ่อง
บุรุษคนหนึ่งเอาผ้าเทียมเปื้อนเขม่ามาลวงเขานั้นว่า
บุรุษผู้เจริญ ผ้าของท่านผืนนี้ขาวผ่องงามไม่มีมลทินสะอาด. เขารับผ้านั้นมาห่ม


มิตรอำมาตย์
ญาติสาโลหิตของเขา
ตั้งแพทย์ผู้ชำนาญการผ่าตัดให้รักษา
แพทย์ผู้ชำนาญการผ่าตัดนั้น ทำยา
ถอนให้อาเจียน ยาถ่ายให้ลง ยาหยอด ยาหยอดซ้ำ ยานัตถุ์
เขาอาศัยยานั้นแล้วเห็นได้
ชำระตาให้ใสได้ เขาย่อมละความรักด้วยสามารถความพอใจในผ้าเทียมเปื้อนเขม่าโน้นได้
พร้อมกับตาเห็น เขาพึงเบียดเบียนบุรุษที่ลวงตนนั้นโดยความเป็นศัตรู โดยความเป็นข้าศึก อนึ่ง
เขาพึงสำคัญบุรุษที่ลวงตนนั้นว่าควรปลงชีวิตเสียด้วยความแค้นว่า บุรุษผู้เจริญ เราถูกบุรุษผู้นี้
เอาผ้าเทียมเปื้อนเขม่ามาลวงให้หลงว่า บุรุษผู้เจริญ ผ้าของท่านนี้ขาวผ่องงามไม่มีมลทินสะอาด
ดังนี้ มานานหนอ ฉันใด

ดูกรมาคัณฑิยะ  !  เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน ถ้าแสดงธรรมแก่ท่านว่า
ความไม่มีโรคนั้นคือข้อนี้ นิพพานนั้นคือข้อนี้. ท่านนั้นพึงรู้ ความไม่มีโรค พึงเห็นนิพพานได้
ท่านนั้นก็จะละความกำหนัดด้วยสามารถความพอใจในขันธ์ที่มีอุปาทานทั้งห้าได้ พร้อมกับความ
เห็นเกิดขึ้น อนึ่ง ท่านพึงมีความดำริอย่างนี้ว่า

ดูกรท่านผู้เจริญ !  เราถูกจิตนี้ล่อลวงให้หลง
มานานแล้วหนอ เราเมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่รูปเท่านั้น เมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่เวทนาเท่านั้น

เมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่สัญญาเท่านั้น เมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่สังขารเท่านั้น เมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่วิญญาณเท่านั้น
เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมีแก่เรานั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่