โครงการปรับปรุงขีดความสามารถ F-16 Mid-Life Update: MLU
โครงการ F-16 MLU เป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มอายุการใช้งานของอากาศยาน ซึ่งจะมีความคุ้มค่ามากกว่าการจัดหาอากาศยานแบบใหม่เข้าประจำการ โดยเครื่อง F-16 ที่ผ่านการปรับปรุงตามโครงการนี้ จะสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทัดเทียมกับเครื่องบินสมรรถนะสูงสมัยใหม่
การปรับปรุงตามโครงการนี้ กองทัพอากาศได้ให้บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด หรือ TAI ร่วมกับบริษัท Lockheed Martin เป็นผู้รับผิดชอบ โดยทำการปรับปรุง 3 ระยะ ๆ ละ 6 เครื่อง รวม 18 เครื่อง (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ถึงปี พ.ศ.2560) ซึ่ง F-16 ที่ผ่านการปรับปรุงนั้น จะมีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นในหลายระบบ อาทิเช่น
- การติดตั้งเรดาร์รุ่น AN/APG-68(V)9 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถตรวจจับข้าศึกได้ไกลกว่าเดิมถึง 2 เท่า และมีระบบสร้างภาพภาคพื้นดินความละเอียดสูง (Synthetic Aperture Radar: SAR) สามารถ Scan เป้าหมายภาคพื้นด้วยความละเอียดสูงกว่าเดิมมาก ช่วยให้นักบินสามารถระบุและยืนยันเป้าหมายได้จากระยะไกล
- สามารถยิงจรวดอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง นำวิถีด้วยเรดาร์ หรือ Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile (AMRAAM) ได้ ทำให้สามารถทำลายอากาศยานเป้าหมายได้ ที่ระยะนอกสายตา
- ระบบพิสูจน์ฝ่ายแบบใหม่ Advanced Identification Friend or Foe: AIFF ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการบินจากการระบุฝ่ายของอากาศยาน และเป็นการป้องกันการยิงอากาศยานฝ่ายเดียวกัน
- มีระบบการจัดการสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ สามารถปล่อยเป้าลวงจรวดนำวิถีด้วยความร้อนและรบกวนการตรวจจับด้วยเรดาร์ ของข้าศึกแบบอัตโนมัติได้ จึงเป็นการลดภารกรรมของนักบินในขณะเข้าไปทำลายเป้าหมายและเพิ่มโอกาสความอยู่รอดในพื้นที่การรบอีกด้วย
- มีระบบ Tactical Data Link แบบ Link-16 ซึ่งจะแบ่งบันข้อมูลของอากาศยานฝ่ายเดียวกันของทุกหมู่บิน ตลอดจนหน่วยรบทุกเหล่าทัพที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้ อันจะทำให้ทุกคนมีความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ขณะทำการรบสูงสุด และทำให้การฝึกรบร่วมกับนานาประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- มีระบบ Joint Helmet Mounted Cueing System (JHMCS) ติดตั้งกับหมวกบินเพื่อแสดงข้อมูลการบินและการใช้อาวุธ เมื่อนักบินหันศีรษะออกจาก Cockpit ซึ่งจะทำให้นักบินสามารถเลือกเป้าหมายในอากาศและยิงจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบ High-Off Boresight ได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกเป้าหมายบนพื้นดินและ ระบุพิกัดโดยการมองผ่านหมวกบินได้อีกด้วย เป็นต้น
ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและความคล่องตัว ในการปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินแบบ F-16 ฝูงบิน 403 กองบิน 4 เป็นอย่างมากแล้ว ยังเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพอากาศไทย ให้มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาประเทศในภูมิภาคอีกด้วย
คิดว่าอย่างไร คิดเช่นไร ใส่เต็มที่
โครงการปรับปรุงขีดความสามารถ F-16 Mid-Life Update: MLU ของ ทอ.
โครงการ F-16 MLU เป็นการเพิ่มขีดความสามารถและเพิ่มอายุการใช้งานของอากาศยาน ซึ่งจะมีความคุ้มค่ามากกว่าการจัดหาอากาศยานแบบใหม่เข้าประจำการ โดยเครื่อง F-16 ที่ผ่านการปรับปรุงตามโครงการนี้ จะสามารถปฏิบัติภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทัดเทียมกับเครื่องบินสมรรถนะสูงสมัยใหม่
การปรับปรุงตามโครงการนี้ กองทัพอากาศได้ให้บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด หรือ TAI ร่วมกับบริษัท Lockheed Martin เป็นผู้รับผิดชอบ โดยทำการปรับปรุง 3 ระยะ ๆ ละ 6 เครื่อง รวม 18 เครื่อง (ตั้งแต่ปี พ.ศ.2554 ถึงปี พ.ศ.2560) ซึ่ง F-16 ที่ผ่านการปรับปรุงนั้น จะมีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นในหลายระบบ อาทิเช่น
- การติดตั้งเรดาร์รุ่น AN/APG-68(V)9 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูง สามารถตรวจจับข้าศึกได้ไกลกว่าเดิมถึง 2 เท่า และมีระบบสร้างภาพภาคพื้นดินความละเอียดสูง (Synthetic Aperture Radar: SAR) สามารถ Scan เป้าหมายภาคพื้นด้วยความละเอียดสูงกว่าเดิมมาก ช่วยให้นักบินสามารถระบุและยืนยันเป้าหมายได้จากระยะไกล
- สามารถยิงจรวดอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง นำวิถีด้วยเรดาร์ หรือ Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile (AMRAAM) ได้ ทำให้สามารถทำลายอากาศยานเป้าหมายได้ ที่ระยะนอกสายตา
- ระบบพิสูจน์ฝ่ายแบบใหม่ Advanced Identification Friend or Foe: AIFF ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการบินจากการระบุฝ่ายของอากาศยาน และเป็นการป้องกันการยิงอากาศยานฝ่ายเดียวกัน
- มีระบบการจัดการสงครามอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการ สามารถปล่อยเป้าลวงจรวดนำวิถีด้วยความร้อนและรบกวนการตรวจจับด้วยเรดาร์ ของข้าศึกแบบอัตโนมัติได้ จึงเป็นการลดภารกรรมของนักบินในขณะเข้าไปทำลายเป้าหมายและเพิ่มโอกาสความอยู่รอดในพื้นที่การรบอีกด้วย
- มีระบบ Tactical Data Link แบบ Link-16 ซึ่งจะแบ่งบันข้อมูลของอากาศยานฝ่ายเดียวกันของทุกหมู่บิน ตลอดจนหน่วยรบทุกเหล่าทัพที่ติดตั้งอุปกรณ์นี้ อันจะทำให้ทุกคนมีความตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ขณะทำการรบสูงสุด และทำให้การฝึกรบร่วมกับนานาประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
- มีระบบ Joint Helmet Mounted Cueing System (JHMCS) ติดตั้งกับหมวกบินเพื่อแสดงข้อมูลการบินและการใช้อาวุธ เมื่อนักบินหันศีรษะออกจาก Cockpit ซึ่งจะทำให้นักบินสามารถเลือกเป้าหมายในอากาศและยิงจรวดนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบ High-Off Boresight ได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกเป้าหมายบนพื้นดินและ ระบุพิกัดโดยการมองผ่านหมวกบินได้อีกด้วย เป็นต้น
ซึ่งระบบต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและความคล่องตัว ในการปฏิบัติภารกิจของเครื่องบินแบบ F-16 ฝูงบิน 403 กองบิน 4 เป็นอย่างมากแล้ว ยังเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บให้กับกองทัพอากาศไทย ให้มีศักยภาพทัดเทียมกับนานาประเทศในภูมิภาคอีกด้วย
คิดว่าอย่างไร คิดเช่นไร ใส่เต็มที่