เนื่องจากเห็นมีคนตั้งกระทู้ถามเกี่ยวกับประสบการณ์การเจอสิ่งลี้ลับในหอในของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย
http://pantip.com/topic/33974993
ขออนุญาตใช้ตัวแทนว่า เรา นะคะ
ก็เลยอยากนำประสบการณ์ที่เคยเจอมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้ว... เราได้สอบเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
และได้เข้ามาอาศัยอยู่ในหอพักภายในมหาวิทยาลัยตามกฎบังคับของม.
ซึ่งเราอาศัยอยู่ที่หอ F2 มีเพื่อนร่วมห้องอีก 3 คนค่ะ
ใน 1 ห้องจะมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียงค่ะ (เรานอนเตียงบน)
เราก็เหมือนน้องใหม่ทุกคนที่มักจะได้ยินเรื่องลี้ลับจากรุ่นพี่ มีทั้งที่น่าเชื่อและไม่น่าเชื่อบ้าง
แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะคิดว่า ถ้าเราไม่ไปยุ่ง/ทำสิ่งไม่ดีกับใคร เขาก็คงไม่มายุ่งกับเรา
สัปดาห์แรกๆ...ก็ปกติดีทุกอย่างค่ะ ไม่มีอะไร
พวกเราสี่คนมีความสุขดี สนุกสนาน ไปซื้อของกินมากินด้วยกันในห้อง
ซึ่งส่วนมากของกินที่ซื้อมาจะเป็นนม ของขบเคี้ยว มาม่าและเยลลี่ เพราะเราคิดกันว่ามันเก็บได้นาน ไม่เสียง่าย และไม่ต้องเอาไปแช่ในตู้เย็น
เหตุผลเพราะชั้นนี้ไม่มีตู้เย็นค่ะ แถมเสี่ยงกับการโดนผีตู้เย็นเอาไปกินอีก
จนกระทั่งคืนหนึ่ง
เราก็เข้านอนปกติค่ะ แต่วันนี้ดันนอนไม่หลับ แต่เพื่อนคนอื่นๆหลับหมดแล้ว เพราะต้องเตรียมแรงไว้เรียน+ทำกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น
เราก็เลยนอนเล่นมือถือ นอนดูเฟส และเล่นเกมส์ไปเรื่อยๆ จู่ๆ..ก็ได้ยินเสียงคนพลิกหน้าหนังสือ
ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร ก็ลุกขึ้นมานั่งดู ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็ล้มตัวนอนลงเล่นมือถือต่อ
แต่เสียงก็ยังดังขึ้นอีก เสียงมันจะดังพรึ่บ พรึ่บ (เหมือนคนเปิดหนังสือน่ะค่ะ)
คราวนี้เริ่มหวั่นๆ ใจคอเริ่มไม่ดีละ เลยปิดมือถือและคลุมโปงนอนทันที
ตื่นเช้ามาก็เล่าให้เพื่อนฟังค่ะ เราทุกคนก็คิดกันว่าไม่แน่ว่าอาจจะมีคนนำอะไรมาเลี้ยงแล้วไม่ได้นำกลับไปหรือเปล่า
เค้าอาจจะหิวหรือหนาว หรือต้องการให้พวกเราช่วย
เพราะก่อนหน้านี้อย่างที่บอกไปแล้วว่า เราได้ฟังรุ่นพี่เล่าเรื่องอะไรแปลกๆมาให้ฟังเยอะมาก ไม่ว่าจะเรื่องคนเอากุมารมาเลี้ยงแล้วไม่นำกลับ คนเลี้ยงควายธนูในหอบ้างล่ะ มีคนเคยทำแท้งบ้างล่ะ และอีกมากมาย
พวกเรา 4 คนคิดว่าเค้าคงเห็นห้องเรามีขนม มีของกินเยอะ เลยอยากกินบ้าง จึงตัดสินใจว่าจะซื้อถ้วยเล็กๆมาและเอาขนม น้ำแดงมาแบ่งให้กิน
และเราเป็นคนอาสาว่าให้เอาของถวายมาไว้บนโต๊ะเราดีกว่า เพราะเราไม่ค่อยได้ใช้โต๊ะ
หลังจากนั้นผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ...ผ่านไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ก็ยังปกติ พวกเราก็คิดว่าเออ..คงจะไม่มีอะไรละ คงต่างคนต่างอยู่ คงไม่มากวนกันแล้วล่ะ จนกระทั่งต้นเดือนกรกฎาคม ขณะที่เรานอนหลับอยู่ จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงผ้าห่มเรา เราคิดว่าเมทเราคงจะปลุกให้ไปห้องน้ำด้วยก็เลยลุกขึ้นมาดู แต่อ้าว...ที่ไหนได้ เมทยังนอนปกติ อีก 2 คนก็ยังหลับสนิท ใจหนึ่งคิดว่าผ้าห่มคงเลื่อนตกมั้ง แต่อีกใจก็เริ่มหวั่นๆละ รู้สึกไม่ค่อยดี เราก็ไม่ได้ทัก เพราะกลัวว่ายิ่งทักจะยิ่งเล่นแรง เราเลยล้มตัวนอนต่อ พอหลับตาไปได้สักพัก เราเริ่มได้ยินเสียงเด็กหัวเราะค่ะ หัวเราะแบบมีความสุขด้วยนะ
เราก็เริ่มกลัวแล้วใจไม่ดีเลย ในระหว่างนั้นค่ะ จู่ก็เหมือนมีคนมาขี่คอเรา คือมันเหมือนโดนคนเอาขามาหนีบคอ และเขย่าหัวเรา เขย่าแรงมาก เขย่าจนหัวเราสั่นอ่ะ เราเลยลืมตา ไม่เห็นหน้านะคะแต่เห็นเป็นเงาดำๆกำลังค้ำหัวเราอยู่ เราเลยสวดมนต์และท่องสัจคาถา สักพักเค้าก็ถอยไป
คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ เพราะกลัวมาก พอรุ่งเช้าก็รีบโทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าเค้าคงมาขอส่วนบุญ ไปทำบุญให้เค้าหน่อยสิ
เราก็โอ้ยยย...จะไปได้ยังไง รถก็ไม่มี จะออกไปหน้าม.ก็ลำบาก เราเลยบอกแม่ว่าเราจะนั่งสมาธิสวดมนต์ให้เขาแทนละกัน และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาค่ะ
ทุกๆเวลา 02:50 เราจะต้องตื่นขึ้นมาอัตโนมัติ จะฝืนหลับก็หลับต่อไม่ได้ด้วยนะ เพราะตามันดันค้างซะแล้ว เราต้องตื่นแบบนี้ตลอดเลยค่ะ จนถึงตี3กว่าๆ-ตี4ถึงจะรู้สึกง่วง (เราเคยได้ยินครูท่านหนึ่งของเราบอกว่า "เวลาตี3คือเวลาเทวดา เป็นเวลาที่เทวดาจะมาปลุกเราให้ตื่นเพื่อรับการเป็นร่างทรง หากใครก็ตามที่สวดมนต์เวลานี้ คือคนที่ยอมรับการเป็นร่างทรงเพื่อติดต่อสื่อสารกับเทวดา ภูติผี" --ซึ่งไม่รู้ว่าจริงไหม) ในช่วงนี้สุขภาพเราแย่มากค่ะ ร่างกายโทรมเลย น้ำหนักลดเหลือ 46-47 กก. จากน้ำหนัก 55 กก. โรคประจำตัวก็กำเริบบ่อยมาก จนต้องไปหาหมอบ่อยๆ
และประมาณกลางเดือนกรกฎาคม เราก็ได้เจออีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้มารุนแรงกว่าทุกที
วันนั้นก็เวลาประมาณตี3 เราก็ตื่นแบบทุกวัน เราก็ตื่นมานั่งเฉยๆ มองดูรอบๆห้องและกดมือถือเล่นไปเรื่อย จู่ๆก็มีเสียง เคร้ง! เราก็ก้มมองที่พื้นค่ะ แต่ในห้องมันมืดมาก มองไม่เห็นว่าอะไรปลิว พยายามเพ่งก็มองไม่เห็น ตอนนั้นคิดในใจเลยค่ะว่าเราคงไม่ไหวละ คงต้องจัดการจริงๆแล้ว พอเช้ามาเราก็พบค่ะว่า สิ่งที่มันกระเด็นนั้นคือช้อนกลางกินข้าวค่ะ ซึ่งมันเป็นไม่ได้ที่มันจะปลิวเอง หรือจะบอกว่าเมทเราแกล้งมันก็คงไม่ใช่ค่ะ เพราะเพื่อนเราหลับทุกคน
รุ่งเช้ามาเราก็โทรบอกแม่อีกค่ะ...คราวนี้แม่บอกจะไปถามคนทรงให้ ตกดึกคืนนั้น เราก็ฝันเห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ 2-3 ขวบ ผิวขาว แก้มยุ้ย จ้ำม่ำมากค่ะ วิ่งเข้ามาหาเรา กอดขาเรา ขอให้เราอุ้ม เราก็อุ้มค่ะ แล้วสักพักก็มีคนแก่ๆใส่ชุดขาวมาอุ้มไปพร้อมโบกมือไล่เรา ให้เรากลับไป จากนั้นเราก็สะดุ้งตื่น...
พอสายๆเราก็โทรหาแม่ กำลังจะอ้าปากเล่า แม่ก็พูดสวนมาว่า "เมื่อคืนฝันเห็นเธออุ้มเด็กผิวขาวๆ แก้มจ้ำม่ำมาก น่ารักดี" เราก็เลยบอกแม่ว่าฝันเหมือนกันเลย ในฝันเราก็เป็นคนอุ้มนี่แหละ หลังจากวางสายกันได้สักพัก แม่ก็โทรกลับมาหาเราอีกค่ะบอกว่า โทรไปถามม้าแล้ว (ม้าคือคนที่เป็นร่างทรงให้เทวดา/ภูติผีเข้า) เค้าบอกว่าพ่อปู่เอาไปฝากไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ๆให้ อยู่แถวๆหอเรา ซึ่งมันตรงมากค่ะ ว่าตรงนั้นมีต้นไทรต้นใหญ่ที่นศ.ในม.เรามักจะไปไหว้ ไปบนก่อนสอบกัน
จริงๆเราเห็นสิ่งแบบนี้ค่อนข้างบ่อยนะคะ แต่เหตุการณ์นี้พีคสุดแล้วตั้งแต่เกิดมา เลยอยากมาเล่าให้ทุกๆคนฟัง
สำหรับใครมีประสบการณ์แบบนี้นำมาเล่าสู้กันฟังได้นะคะ เราชอบอ่านค่ะ 555555
เมื่อกุมารมาเล่นด้วย ณ หอในแห่งหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เชียงราย
http://pantip.com/topic/33974993
ขออนุญาตใช้ตัวแทนว่า เรา นะคะ
ก็เลยอยากนำประสบการณ์ที่เคยเจอมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
ย้อนไปเมื่อหลายปีที่แล้ว... เราได้สอบเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้
และได้เข้ามาอาศัยอยู่ในหอพักภายในมหาวิทยาลัยตามกฎบังคับของม.
ซึ่งเราอาศัยอยู่ที่หอ F2 มีเพื่อนร่วมห้องอีก 3 คนค่ะ
ใน 1 ห้องจะมีเตียง 2 ชั้น 2 เตียงค่ะ (เรานอนเตียงบน)
เราก็เหมือนน้องใหม่ทุกคนที่มักจะได้ยินเรื่องลี้ลับจากรุ่นพี่ มีทั้งที่น่าเชื่อและไม่น่าเชื่อบ้าง
แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะคิดว่า ถ้าเราไม่ไปยุ่ง/ทำสิ่งไม่ดีกับใคร เขาก็คงไม่มายุ่งกับเรา
สัปดาห์แรกๆ...ก็ปกติดีทุกอย่างค่ะ ไม่มีอะไร
พวกเราสี่คนมีความสุขดี สนุกสนาน ไปซื้อของกินมากินด้วยกันในห้อง
ซึ่งส่วนมากของกินที่ซื้อมาจะเป็นนม ของขบเคี้ยว มาม่าและเยลลี่ เพราะเราคิดกันว่ามันเก็บได้นาน ไม่เสียง่าย และไม่ต้องเอาไปแช่ในตู้เย็น
เหตุผลเพราะชั้นนี้ไม่มีตู้เย็นค่ะ แถมเสี่ยงกับการโดนผีตู้เย็นเอาไปกินอีก
จนกระทั่งคืนหนึ่ง
เราก็เข้านอนปกติค่ะ แต่วันนี้ดันนอนไม่หลับ แต่เพื่อนคนอื่นๆหลับหมดแล้ว เพราะต้องเตรียมแรงไว้เรียน+ทำกิจกรรมในวันรุ่งขึ้น
เราก็เลยนอนเล่นมือถือ นอนดูเฟส และเล่นเกมส์ไปเรื่อยๆ จู่ๆ..ก็ได้ยินเสียงคนพลิกหน้าหนังสือ
ตอนนั้นยังไม่ได้คิดอะไร ก็ลุกขึ้นมานั่งดู ก็ไม่เห็นมีอะไร ก็ล้มตัวนอนลงเล่นมือถือต่อ
แต่เสียงก็ยังดังขึ้นอีก เสียงมันจะดังพรึ่บ พรึ่บ (เหมือนคนเปิดหนังสือน่ะค่ะ)
คราวนี้เริ่มหวั่นๆ ใจคอเริ่มไม่ดีละ เลยปิดมือถือและคลุมโปงนอนทันที
ตื่นเช้ามาก็เล่าให้เพื่อนฟังค่ะ เราทุกคนก็คิดกันว่าไม่แน่ว่าอาจจะมีคนนำอะไรมาเลี้ยงแล้วไม่ได้นำกลับไปหรือเปล่า
เค้าอาจจะหิวหรือหนาว หรือต้องการให้พวกเราช่วย
เพราะก่อนหน้านี้อย่างที่บอกไปแล้วว่า เราได้ฟังรุ่นพี่เล่าเรื่องอะไรแปลกๆมาให้ฟังเยอะมาก ไม่ว่าจะเรื่องคนเอากุมารมาเลี้ยงแล้วไม่นำกลับ คนเลี้ยงควายธนูในหอบ้างล่ะ มีคนเคยทำแท้งบ้างล่ะ และอีกมากมาย
พวกเรา 4 คนคิดว่าเค้าคงเห็นห้องเรามีขนม มีของกินเยอะ เลยอยากกินบ้าง จึงตัดสินใจว่าจะซื้อถ้วยเล็กๆมาและเอาขนม น้ำแดงมาแบ่งให้กิน
และเราเป็นคนอาสาว่าให้เอาของถวายมาไว้บนโต๊ะเราดีกว่า เพราะเราไม่ค่อยได้ใช้โต๊ะ
หลังจากนั้นผ่านไปก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ...ผ่านไปประมาณ 2-3 อาทิตย์ก็ยังปกติ พวกเราก็คิดว่าเออ..คงจะไม่มีอะไรละ คงต่างคนต่างอยู่ คงไม่มากวนกันแล้วล่ะ จนกระทั่งต้นเดือนกรกฎาคม ขณะที่เรานอนหลับอยู่ จู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมาดึงผ้าห่มเรา เราคิดว่าเมทเราคงจะปลุกให้ไปห้องน้ำด้วยก็เลยลุกขึ้นมาดู แต่อ้าว...ที่ไหนได้ เมทยังนอนปกติ อีก 2 คนก็ยังหลับสนิท ใจหนึ่งคิดว่าผ้าห่มคงเลื่อนตกมั้ง แต่อีกใจก็เริ่มหวั่นๆละ รู้สึกไม่ค่อยดี เราก็ไม่ได้ทัก เพราะกลัวว่ายิ่งทักจะยิ่งเล่นแรง เราเลยล้มตัวนอนต่อ พอหลับตาไปได้สักพัก เราเริ่มได้ยินเสียงเด็กหัวเราะค่ะ หัวเราะแบบมีความสุขด้วยนะ
เราก็เริ่มกลัวแล้วใจไม่ดีเลย ในระหว่างนั้นค่ะ จู่ก็เหมือนมีคนมาขี่คอเรา คือมันเหมือนโดนคนเอาขามาหนีบคอ และเขย่าหัวเรา เขย่าแรงมาก เขย่าจนหัวเราสั่นอ่ะ เราเลยลืมตา ไม่เห็นหน้านะคะแต่เห็นเป็นเงาดำๆกำลังค้ำหัวเราอยู่ เราเลยสวดมนต์และท่องสัจคาถา สักพักเค้าก็ถอยไป
คืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับเลยค่ะ เพราะกลัวมาก พอรุ่งเช้าก็รีบโทรหาแม่ เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่าเค้าคงมาขอส่วนบุญ ไปทำบุญให้เค้าหน่อยสิ
เราก็โอ้ยยย...จะไปได้ยังไง รถก็ไม่มี จะออกไปหน้าม.ก็ลำบาก เราเลยบอกแม่ว่าเราจะนั่งสมาธิสวดมนต์ให้เขาแทนละกัน และตั้งแต่คืนนั้นเป็นต้นมาค่ะ
ทุกๆเวลา 02:50 เราจะต้องตื่นขึ้นมาอัตโนมัติ จะฝืนหลับก็หลับต่อไม่ได้ด้วยนะ เพราะตามันดันค้างซะแล้ว เราต้องตื่นแบบนี้ตลอดเลยค่ะ จนถึงตี3กว่าๆ-ตี4ถึงจะรู้สึกง่วง (เราเคยได้ยินครูท่านหนึ่งของเราบอกว่า "เวลาตี3คือเวลาเทวดา เป็นเวลาที่เทวดาจะมาปลุกเราให้ตื่นเพื่อรับการเป็นร่างทรง หากใครก็ตามที่สวดมนต์เวลานี้ คือคนที่ยอมรับการเป็นร่างทรงเพื่อติดต่อสื่อสารกับเทวดา ภูติผี" --ซึ่งไม่รู้ว่าจริงไหม) ในช่วงนี้สุขภาพเราแย่มากค่ะ ร่างกายโทรมเลย น้ำหนักลดเหลือ 46-47 กก. จากน้ำหนัก 55 กก. โรคประจำตัวก็กำเริบบ่อยมาก จนต้องไปหาหมอบ่อยๆ
และประมาณกลางเดือนกรกฎาคม เราก็ได้เจออีกครั้งค่ะ แต่คราวนี้มารุนแรงกว่าทุกที
วันนั้นก็เวลาประมาณตี3 เราก็ตื่นแบบทุกวัน เราก็ตื่นมานั่งเฉยๆ มองดูรอบๆห้องและกดมือถือเล่นไปเรื่อย จู่ๆก็มีเสียง เคร้ง! เราก็ก้มมองที่พื้นค่ะ แต่ในห้องมันมืดมาก มองไม่เห็นว่าอะไรปลิว พยายามเพ่งก็มองไม่เห็น ตอนนั้นคิดในใจเลยค่ะว่าเราคงไม่ไหวละ คงต้องจัดการจริงๆแล้ว พอเช้ามาเราก็พบค่ะว่า สิ่งที่มันกระเด็นนั้นคือช้อนกลางกินข้าวค่ะ ซึ่งมันเป็นไม่ได้ที่มันจะปลิวเอง หรือจะบอกว่าเมทเราแกล้งมันก็คงไม่ใช่ค่ะ เพราะเพื่อนเราหลับทุกคน
รุ่งเช้ามาเราก็โทรบอกแม่อีกค่ะ...คราวนี้แม่บอกจะไปถามคนทรงให้ ตกดึกคืนนั้น เราก็ฝันเห็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ 2-3 ขวบ ผิวขาว แก้มยุ้ย จ้ำม่ำมากค่ะ วิ่งเข้ามาหาเรา กอดขาเรา ขอให้เราอุ้ม เราก็อุ้มค่ะ แล้วสักพักก็มีคนแก่ๆใส่ชุดขาวมาอุ้มไปพร้อมโบกมือไล่เรา ให้เรากลับไป จากนั้นเราก็สะดุ้งตื่น...
พอสายๆเราก็โทรหาแม่ กำลังจะอ้าปากเล่า แม่ก็พูดสวนมาว่า "เมื่อคืนฝันเห็นเธออุ้มเด็กผิวขาวๆ แก้มจ้ำม่ำมาก น่ารักดี" เราก็เลยบอกแม่ว่าฝันเหมือนกันเลย ในฝันเราก็เป็นคนอุ้มนี่แหละ หลังจากวางสายกันได้สักพัก แม่ก็โทรกลับมาหาเราอีกค่ะบอกว่า โทรไปถามม้าแล้ว (ม้าคือคนที่เป็นร่างทรงให้เทวดา/ภูติผีเข้า) เค้าบอกว่าพ่อปู่เอาไปฝากไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ๆให้ อยู่แถวๆหอเรา ซึ่งมันตรงมากค่ะ ว่าตรงนั้นมีต้นไทรต้นใหญ่ที่นศ.ในม.เรามักจะไปไหว้ ไปบนก่อนสอบกัน
จริงๆเราเห็นสิ่งแบบนี้ค่อนข้างบ่อยนะคะ แต่เหตุการณ์นี้พีคสุดแล้วตั้งแต่เกิดมา เลยอยากมาเล่าให้ทุกๆคนฟัง
สำหรับใครมีประสบการณ์แบบนี้นำมาเล่าสู้กันฟังได้นะคะ เราชอบอ่านค่ะ 555555