ทำไม..พฤติกรรมของลูก "อยู่บ้าน" กับ "อยู่โรงเรียน" มันช่างต่างกันนัก

คือถ้าลูกเรารู้เรื่องประสีประสามีจริตจกร้านแล้ว เราจะไม่เกิดคำถามนี้ในใจเลย =.,=! แต่เพราะนี่ลูกเรายังอยู่เตรียมอนุบาล พูดไรไปบางทีก็ยังไม่รู้เรื่องเลย หลายครั้งจากที่คุณครูเล่าพฤติกรรมของลูกให้ฟัง กับสภาพของลูก มันทำให้เราเกิดคำถามในใจมามากมาย ซึ่งมันอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆนะคะ แต่ด้วยความที่เขาเป็นลูกเรา ทำให้เราสงสัยมาก ยกตัวอย่างเช่น

1.ช่วงเวลาที่น้องมีน้ำมูกไหล น้องมักจะมีแผลบริเวณรูจมูกด้านนอกกลับมาจากโรงเรียนเสมอ สมมติว่าน้องเริ่มมีน้ำมูกไหลช่วงวันพฤหัส วันศุกร์ไป
โรงเรียนก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสาร์-อาทิตย์ก็อยู่บ้านไม่มีอะไร แต่พอไปโรงเรียนวันจันทร์ พอกลับบ้านมา น้องจะได้แผลตรงจมูกกลับมาเลย เราคิดว่า เอ.....คุณครูที่โรงเรียนน้องอาจจะเช็ดน้ำมูกแรงไปรึเปล่า เราก็เขียนใส่ในสมุดบันทึกประจำวันของน้องว่า "รบกวนคุณครูช่วยเช็ดน้ำมูกน้องเบามือหน่อยคะ เพราะเห็นว่าน้องมึแผลตรงจมูก" อะไรประมาณนี้นะคะ แล้วคุณครูก็จะตอบกลับมาว่า "น้องเอามือแค่จมูกจนเป็นแผลคะ คุณครูห้ามแล้วนะคะ น้องไม่ฟัง" ซึ่งคำตอบของคุณครูทำให้เราตะหงิดใจมากคะ เพราะดดยปกติแล้ว น้องจะไม่เคยเอามือแคะจมูกเลย ถ้าน้ำมูกไหล น้องจะไม่ดึงเสื้อเพื่อเอามาเช็ด หรือเอามือปาดน้ำมูกเลยนะคะ ไม่เคยมีให้เห็นสักครั้งเลยคะ น้องจะวิ่งมาหาแล้วให้ผู้ใหญ่เช็ดน้ำมูกให้คะ หรือแม้แต่ถ้าเป็นขี้มูกแห้งก็เถอะนะคะ จะไม่แคะแกะเกาเองเลย จะมาอ้อนเราเป็นคนแคะให้แค่คนเดียวคะ =.,=! เราก็เลยสงสัย ทำไมเฉพาะตอนน้องอยู่ที่โรงเรียนเท่านั้นถึงทำพฤติกรรมแบบนั้น และถึงขั้นเป็นแผลเลยด้วย

2.เรื่องฉี่ใส่กางเกง ตั้งแต่น้องอายุไม่เต็ม2ขวบดีเลยคะ เราเลิกให้น้องใส่แพมเพิท เลิกเลยนะคะ ไม่ใส่แม้กระทั่งไปข้างนอกไม่ว่าใกล้หรือไกล และตอนนอนหลับกลางคืน เราไม่เคยใส่เลย เราฝึกให้น้องมาบอกว่าจะฉี่หรืออึ ซึ่งน้องก็ทำได้ ตั้งแต่เลิกแพมเพิท เราไม่เคยได้ซักผ้าเปื้อนฉี่หรืออึเลย จนกระทั่งตอนนี้ ตอนไปโรงเรียน ได้ซักผ้าฉี่แทบทุกวัน เราก็เลยปรึกษาคุณครูว่าทำไม และช่วงไหนบ้างที่น้องจะฉี่ใส่กางเกง คุณครูก็บอก "เวลาหลังตื่นนอน และเวลาเลิกเรียนตอนออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่น คุณครูต้องปลุกน้องตอนนอนกลางวัน ให้ลุกมาฉี่ แต่น้องจะไม่ค่อยยอมลุก และทำท่าโกรธคุณครู" เราก็คิดในใจ ก็แหงละซิ ใครจะไปพอใจ หลับกลางวันแค่ 1-2 ชั่วโมง จะมาปลุกลุกไปฉี่ อมยิ้ม20 เราก็เลยแนะนำคุณครูไปว่า "ควรจะเอาน้องไปฉี่ก่อนเอานอนหลับ และหลังตื่นนอน และควรจะมีอีกรอบคือก่อนปล่อยเด็กๆออกมาเล่นที่สนาม คุณแม่ทำวิธีนี้นะคะ คุณแม่ไม่ได้ซักผ้าฉี่น้องมานานแล้วคะ ยังไงฝากคุณครูดูด้วยนะคะ" คุณครูก็รับปาก แต่แล้วอีกวัน ก็ได้ห่อผ้าฉี่กลับมาที่บ้านอีก อมยิ้ม24

เรื่องเล็กๆน้อยๆนี้ก็มีหลายอย่างนะคะ เรายกตัวอย่างมาให้แค่นี้ จะบอกว่าคุณครูน้อยดูแลเด็กไม่ทั่วถึง เราว่าไม่ใช่อ่ะ เพราะตอนที่เราจะเอาลูกไปเข้าโรงเรียน เราก็ไปดูโรงเรียนมาแล้ว อีกทั้งเป็นโรงเรียนเก่าที่เราเคยเรียนด้วย เราจึงไว้วางใจมาก เด็กในห้องมีไม่เกิน 15 คน ต่อคุณครู 2 คน เราว่าไม่มากเกินไปนะ ห้องของลูกเรามี 9 คน มันไม่น่าจะมากเกินไปสำหรับการดูแล รึเปล่า???

หรือเด็กๆทุกคนเป็นอย่างนี้คะ หลานเรามี4คน ไม่เป็นอย่างนี้เลยสักคนนะ คือถ้าอยู่บ้านก็ฉี่ใส่กางเกง อยู่โรงเรียนมันก็ฉี่ คืออยู่ที่บ้านยังไง อยู่ที่โรงเรียนก็เป็นอย่างนั้น เรามามองดูลูกเรานี่แหละ ทำไมแปลกจัง หรือเราคิดมากไป?? เหรอ อย่างเรื่องเออ เด็กแย่งของเล่นกัน ได้แผลมานิดๆหน่อยๆ โอเค เรารับได้สิ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเด็ก หรือเด็กซน วิ่งตกนุ้นชนนี่ เราก็โอเค คุณครูอาจจะไม่ทันดู เรื่องพวกนี้เรารับได้ แต่ไม่ใช่มากหรือบ่อยเกินไปเท่านั้นเอง ซึ่งลูกเราเคยโดนเพื่อนตีแบบว่า ข่วนเป็นแผลที่ตา แก้ม จมูก กัดหูเลือดออก กัดที่แขน ช้ำที่ใบหน้า หัวปูด ซึ่งที่กล่าวมานี้โดนมาครั้งเดียวกันนะ ไม่ใช่คนละครั้ง ลูกเราก็ไม่ยอมเล่นกับใครอยู่พักหนึ่ง แม้แต่กับพ่อเขาเองหรือยายเขาเอง เล่นแค่กับเราอยู่คนเดียว เราก็เข้าไปโรงเรียนแล้วก็คุยกับคุณครูใหญ่(เป็นโรงเรียนอนุบาลเล็กๆ) แกก็รับปากจะช่วยดูแลให้ และจับแยกเด็กที่ทำร้ายลูกเราให้ไปอยู่อีกห้องหนึ่ง และ+ซึ่งลูกเราเคยดดนเด็กคนนี้ทำร้ายมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งก่อนๆเป็นนิดๆหน่อยๆเราก็เข้าใจตามประสาเด็ก แต่ครั้งล่าสุดนี้เป็นเยอะมาก มันทำให้เรามองไปถึงคุณครูว่าทำไมถึงปล่อยให้เด็กตีกันขนาดนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่