สวัสดีค่ะชาวpantip
ฉันเป็นหนึ่งคนที่ชอบอ่านแต่ไม่ค่อยออกความเห็นเท่าไร และไม่แน่ใจว่าตั้งกระทู้ถูกที่รึปล่าว ตั้งผิดพลาดอย่างไรขอโทดทีนะคะ
กระทู้นี้ตั้งเพื่อเล่าความรู้สึกบางอย่างที่มันยากจะอธิบายให้ใครฟังได้ เป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความต่างในเรื่องของศาสนาและครอบครัว ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นความรักหรือความหลง
ซึ่งตัวฉันเองเป็นหญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม ถ้าถามว่าเคร่งไหม
ความรู้สึกส่วนตัวนะค่ะคิดว่าเคร่งระดับหนึ่ง พยามใช้ชีวิตให้ตามแนวทางให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้แต่ไม่ถึงขั้นเดินก้มหน้าไม่คุยกับเพศตรงข้าม ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ working women ทั่วไป เคยอยู่ในระบบที่เรียกว่าแฟน ทั้งที่ลึกๆรู้ดีว่ามันผิดทางศาสนาแต่ก็ยังหลุดไปบ้าง
ความจริงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของข้อห้ามที่เกี่ยวกับการวางตัวต่อเพศตรงข้ามคืออิสลามห้ามมีการคบหาหรือปฏิสัมพันธ์กันระหว่างเพศตรงข้ามที่สามารถแต่งงานกันได้ (คนที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือด) ซึ่งกฎเกณฑ์ข้อนี้ฉันไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่กีดกันเสรีภาพของสตรี แถมเห็นดีด้วยซ้ำเพราะมันเป็นการป้องกันปัญหาหลายอย่างที่อาจตามมาภายหลัง แต่ว่าด้วยสังคมความเป็นอยู่บ้านเราก็อาจทำให้หลงลืมละเลยไปบ้าง
ตัวฉันเองเคยมีแฟนแบบคุยเที่ยวเล่นดูหนังด้วยกันสมัยเรียน แต่ไม่มีการเกินเลยต่อกัน แต่ด้วยอะไรหลายอย่าง ทั้งความคิดและความคาดหวัง ความผิดหวังทำให้เราต้องเลิกกันหลังจากคบกันมาหลายปี (อายุ 20up) ร่ายมาซะยืดยาวซึ่งมันไม่ใช่ประเด็นเลย 555+++😅
เข้าเรื่องละนะ
หลังจากใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่าโสดมาเกือบสองปีทำแต่งานพบผู้คนในที่ทำงานพูดคุยหยอกล้อกันตามประสา คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีอีกแล้วแหละความรู้สึกดีๆที่จะมีให้ชายคนไหนอีก ซึ่งฉันมั่นใจในตัวเองมากว่าจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ คงไม่มีแน่ๆเพราะที่เคยคบผ่านมา4-5ปีไม่เห็นมีอะไรดี และเชื่อว่าความรักที่แท้จริงต้องเกิดขึ้นหลังจากแต่งงานเท่านั้น แต่เพราะความประมาทและมั่นใจตัวเองมากเกินไปจนต้องทนเก็บความรู้สึกอึดอัดเช่นวันนี้.
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเปิดใจคบคนต่างศาสนา(หมายถึงคบแบบที่เรียกว่าคนรัก)เพราะกลัวว่าอนาคตจะเกิดปัญหา กลัวต้องเต็บ กลัวเสียใจ กลัวพลาด. แต่คบเป็นเพื่อนมีเยอะแยะ และมาวันนึงเมื่อประมานเกือบสองปีที่แล้วมีผู้ชายคนนึงเข้ามาพูดคุย (เพื่อนที่ทำงาน) ทั้งเค้าและฉันมีการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงานของเราทั้งคู่ดีพอสมควรถ้าคนที่เป็นประเภทวัตถุนิยม จัดว่าเราทั้งคู่ต่างเป็นคนที่น่าสนใจ
แรกเข้ามาเค้าไม่ได้แสดงท่าทีจีบแค่พูดคุยแบบเล่นๆไปเรื่อย คุยถึงทัศนคติความคิด ความเชื่อทางศาสนา ซึ่งเค้าเป็นคนนับถือศาสนาพุทธ และครอบครัวเชื้อสายจีน ซึ่งตอนนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเลย
ต่อมาได้พูดคุยกันทุกวันๆ เค้าพยามหยอดมาเรื่อยๆทีเล่นทีจริง ส่วนตัวยังคงเฉยๆไม่เชื่อ และคุยไปเล่นๆ บ้าง เรื่องงานบ้าง ให้กำลังใจกันบ้าง ช่วยเหลือเทคแคร์ นานวันเข้าความรู้สึกก็ไปสิคะ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นปีคำว่ารักก็ออกมาจากปากของเขาซึ่งฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นความจริงหรือแค่บอกเพราะความสนุก แต่ถ้าดูจากสถานการณ์และเซนท์ความรู้สึกอาจจะใช่รักไม่มากก็น้อย แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ ไปรับ-ส่งเมื่อจำเป็น (ก็รู้ว่าไม่ถูกต้อง. แต่...........)
สถานะการคบกันของเราแรกๆไม่ชัดเจนนักเป็นเหมือนความลับ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ผูกพันกันแค่ความรู้สึกทางใจล้วนๆไม่ได้มีการพันผูกใดๆทางร่างกาย มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องราวของเราสองคน ด้วยสังคมและอะไรหลายๆอย่าง ที่ทำให้เราตกลงที่จะคบกันแบบนี้ดีกว่า
จนเวลาล่วงเลยมานานปีเราได้คุยกันถึงเรื่องแต่งงาน เค้าถามฉันว่าถ้าเราจะแต่งงานกันเค้าต้องเข้าอิสลามใช่ไหม??? ฉันตอบไปว่าแน่นอนเพราะฉันเปลี่ยนศาสนาไม่ได้ ต่างคนต่างเงียบผ่านไป. หลายเดือนต่อมาเค้าถามอีกว่าถ้าเค้าจะแต่งงานกับเราแต่เค้าไม่เข้าอิสลามได้ไหมแบบคนละครึ่งทาง มีลูกด้วยกันสักสองคน คนแรกให้อิสลามเหมือนฉัน คนที่สองให้พุทธเหมือนเค้า เค้าบอกเค้าเข้าไม่ได้ครอบครัวของเค้าคนจีนต้องไหว้บรรพบุรุษทุกปี ซึ่งถ้าครึ่งทางได้แม่เค้าก็โอเค ซึ่งฉันก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆตอบไปว่าไม่ได้หรอก!!!!!!
อันที่จริงเรื่องนี้ฉันเคยคุยกับแม่ แม่ก็เตือนอยู่เสมอว่ามันยากนะลูกที่จะให้เค้ามาเป็นเหมือนเราให้รักษาตัวดีๆศาสนาใครใครก็รักลูกรู้หลักศาสนาเราอยู่แล้วใช่ไหม แต่อย่างไรก็แล้วแต่ก็ใช่ว่าพอเป็นคนต่างศาสนาแล้วจะหมดหนทางเสียทีเดียว ถ้าเค้าเปลี่ยนมสเป็นผู้ศรัทธาในอิสลามแม่ก็ไม่ห้าม เพราะคนต่างศาสนาที่มาเป็นมูอัลลัฟ(เปลี่ยนมานับถืออิสลาม)ดีๆก็มีเยอะแยะไป ถ้าเค้าจะเข้ามาแม่ก็ยินดี......
แต่หลังจากที่ได้คุยกันจริงจัง คำพูดยืนยันจากการพูดคุยกับเค้าคือ เค้าไม่เข้าอิสลามเพราะครอบครัวของเขา แต่ก็ยังจะรักฉันอยู่แบบนี้ ฉันเลยถามว่าถ้าฉันแต่งงานกับคนอื่นละจะว่าอย่างไร เพราะฉันอยากมีลูกถ้าเราจะเป็นแบบนี้กันต่อไปก็จะแก่เสียปล่าว เค้าตอบมาว่าเค้าห้ามไม่ได้อยู่แล้วถ้าฉันจะแต่ง แต่เค้าก็จะยังรู้สึกรักฉันแบบนี้ เงียบไปพักนึงแล้วเค้าพูดขึ้นมาว่า
"เพราะเราเองยังไม่มันใจว่าจะเป็นสามีที่ดีและจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหม"
คำพูดนี้ทำให้ฉันน้ำตาคลอด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้น่ะ และตอบกลับไปว่าตอนนี้เธออาจยังสนุกแต่วันนึงในอนาคตเมื่อเธอพร้อมและเจอคนที่ใช่ฉันเชื่อว่าเธอต้องเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีได้
มาถึงตอนนี้เรายังคงคุยกันอยู่เหมือนเดิม ดีใจนะที่เค้าเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะรักษาฉันไม่ทำให้ฉันเกิดบาปใหญ่ แต่ก็มีบาปเล็กๆอยู่ดีก็ได้แต่ขอดุอา(ขอพร)ต่อพระเจ้าให้ฉันได้ผ่านพ้นบททดสอบนี้อย่างปลอดภัย
ก็ได้แต่หวังว่าวันนึงถ้าเค้าลองเปิดใจศึกษาอิสลามเค้าจะได้รู้ว่ามันจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มันไม่ได้ยากอย่างที่ใครเข้าใจ หวังว่าเค้าจะได้เป็นผู้ศรัทธาในสักวัน อามีน.......
มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอใครแล้วคุยกันรู้เรื่อง
😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂
เมื่อความรัก vs ความถูกต้อง ที่อยู่บนความต่างทางศาสนาและพื้นฐานทางครอบครัว ที่จำต้องทำใจ
ฉันเป็นหนึ่งคนที่ชอบอ่านแต่ไม่ค่อยออกความเห็นเท่าไร และไม่แน่ใจว่าตั้งกระทู้ถูกที่รึปล่าว ตั้งผิดพลาดอย่างไรขอโทดทีนะคะ
กระทู้นี้ตั้งเพื่อเล่าความรู้สึกบางอย่างที่มันยากจะอธิบายให้ใครฟังได้ เป็นเรื่องราวของความรักที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความต่างในเรื่องของศาสนาและครอบครัว ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นความรักหรือความหลง
ซึ่งตัวฉันเองเป็นหญิงที่นับถือศาสนาอิสลาม ถ้าถามว่าเคร่งไหม
ความรู้สึกส่วนตัวนะค่ะคิดว่าเคร่งระดับหนึ่ง พยามใช้ชีวิตให้ตามแนวทางให้มากที่สุดเท่าที่สามารถทำได้แต่ไม่ถึงขั้นเดินก้มหน้าไม่คุยกับเพศตรงข้าม ใช้ชีวิตอย่างคนปกติ working women ทั่วไป เคยอยู่ในระบบที่เรียกว่าแฟน ทั้งที่ลึกๆรู้ดีว่ามันผิดทางศาสนาแต่ก็ยังหลุดไปบ้าง
ความจริงเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของข้อห้ามที่เกี่ยวกับการวางตัวต่อเพศตรงข้ามคืออิสลามห้ามมีการคบหาหรือปฏิสัมพันธ์กันระหว่างเพศตรงข้ามที่สามารถแต่งงานกันได้ (คนที่ไม่ใช่ญาติทางสายเลือด) ซึ่งกฎเกณฑ์ข้อนี้ฉันไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องที่กีดกันเสรีภาพของสตรี แถมเห็นดีด้วยซ้ำเพราะมันเป็นการป้องกันปัญหาหลายอย่างที่อาจตามมาภายหลัง แต่ว่าด้วยสังคมความเป็นอยู่บ้านเราก็อาจทำให้หลงลืมละเลยไปบ้าง
ตัวฉันเองเคยมีแฟนแบบคุยเที่ยวเล่นดูหนังด้วยกันสมัยเรียน แต่ไม่มีการเกินเลยต่อกัน แต่ด้วยอะไรหลายอย่าง ทั้งความคิดและความคาดหวัง ความผิดหวังทำให้เราต้องเลิกกันหลังจากคบกันมาหลายปี (อายุ 20up) ร่ายมาซะยืดยาวซึ่งมันไม่ใช่ประเด็นเลย 555+++😅
เข้าเรื่องละนะ
หลังจากใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่าโสดมาเกือบสองปีทำแต่งานพบผู้คนในที่ทำงานพูดคุยหยอกล้อกันตามประสา คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีอีกแล้วแหละความรู้สึกดีๆที่จะมีให้ชายคนไหนอีก ซึ่งฉันมั่นใจในตัวเองมากว่าจะควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ คงไม่มีแน่ๆเพราะที่เคยคบผ่านมา4-5ปีไม่เห็นมีอะไรดี และเชื่อว่าความรักที่แท้จริงต้องเกิดขึ้นหลังจากแต่งงานเท่านั้น แต่เพราะความประมาทและมั่นใจตัวเองมากเกินไปจนต้องทนเก็บความรู้สึกอึดอัดเช่นวันนี้.
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่เคยเปิดใจคบคนต่างศาสนา(หมายถึงคบแบบที่เรียกว่าคนรัก)เพราะกลัวว่าอนาคตจะเกิดปัญหา กลัวต้องเต็บ กลัวเสียใจ กลัวพลาด. แต่คบเป็นเพื่อนมีเยอะแยะ และมาวันนึงเมื่อประมานเกือบสองปีที่แล้วมีผู้ชายคนนึงเข้ามาพูดคุย (เพื่อนที่ทำงาน) ทั้งเค้าและฉันมีการศึกษา ตำแหน่งหน้าที่การงานของเราทั้งคู่ดีพอสมควรถ้าคนที่เป็นประเภทวัตถุนิยม จัดว่าเราทั้งคู่ต่างเป็นคนที่น่าสนใจ
แรกเข้ามาเค้าไม่ได้แสดงท่าทีจีบแค่พูดคุยแบบเล่นๆไปเรื่อย คุยถึงทัศนคติความคิด ความเชื่อทางศาสนา ซึ่งเค้าเป็นคนนับถือศาสนาพุทธ และครอบครัวเชื้อสายจีน ซึ่งตอนนั้นไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเลย
ต่อมาได้พูดคุยกันทุกวันๆ เค้าพยามหยอดมาเรื่อยๆทีเล่นทีจริง ส่วนตัวยังคงเฉยๆไม่เชื่อ และคุยไปเล่นๆ บ้าง เรื่องงานบ้าง ให้กำลังใจกันบ้าง ช่วยเหลือเทคแคร์ นานวันเข้าความรู้สึกก็ไปสิคะ เมื่อเวลาผ่านไปเป็นปีคำว่ารักก็ออกมาจากปากของเขาซึ่งฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นความจริงหรือแค่บอกเพราะความสนุก แต่ถ้าดูจากสถานการณ์และเซนท์ความรู้สึกอาจจะใช่รักไม่มากก็น้อย แต่เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ ไปรับ-ส่งเมื่อจำเป็น (ก็รู้ว่าไม่ถูกต้อง. แต่...........)
สถานะการคบกันของเราแรกๆไม่ชัดเจนนักเป็นเหมือนความลับ มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ผูกพันกันแค่ความรู้สึกทางใจล้วนๆไม่ได้มีการพันผูกใดๆทางร่างกาย มีไม่กี่คนที่รู้เรื่องราวของเราสองคน ด้วยสังคมและอะไรหลายๆอย่าง ที่ทำให้เราตกลงที่จะคบกันแบบนี้ดีกว่า
จนเวลาล่วงเลยมานานปีเราได้คุยกันถึงเรื่องแต่งงาน เค้าถามฉันว่าถ้าเราจะแต่งงานกันเค้าต้องเข้าอิสลามใช่ไหม??? ฉันตอบไปว่าแน่นอนเพราะฉันเปลี่ยนศาสนาไม่ได้ ต่างคนต่างเงียบผ่านไป. หลายเดือนต่อมาเค้าถามอีกว่าถ้าเค้าจะแต่งงานกับเราแต่เค้าไม่เข้าอิสลามได้ไหมแบบคนละครึ่งทาง มีลูกด้วยกันสักสองคน คนแรกให้อิสลามเหมือนฉัน คนที่สองให้พุทธเหมือนเค้า เค้าบอกเค้าเข้าไม่ได้ครอบครัวของเค้าคนจีนต้องไหว้บรรพบุรุษทุกปี ซึ่งถ้าครึ่งทางได้แม่เค้าก็โอเค ซึ่งฉันก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆตอบไปว่าไม่ได้หรอก!!!!!!
อันที่จริงเรื่องนี้ฉันเคยคุยกับแม่ แม่ก็เตือนอยู่เสมอว่ามันยากนะลูกที่จะให้เค้ามาเป็นเหมือนเราให้รักษาตัวดีๆศาสนาใครใครก็รักลูกรู้หลักศาสนาเราอยู่แล้วใช่ไหม แต่อย่างไรก็แล้วแต่ก็ใช่ว่าพอเป็นคนต่างศาสนาแล้วจะหมดหนทางเสียทีเดียว ถ้าเค้าเปลี่ยนมสเป็นผู้ศรัทธาในอิสลามแม่ก็ไม่ห้าม เพราะคนต่างศาสนาที่มาเป็นมูอัลลัฟ(เปลี่ยนมานับถืออิสลาม)ดีๆก็มีเยอะแยะไป ถ้าเค้าจะเข้ามาแม่ก็ยินดี......
แต่หลังจากที่ได้คุยกันจริงจัง คำพูดยืนยันจากการพูดคุยกับเค้าคือ เค้าไม่เข้าอิสลามเพราะครอบครัวของเขา แต่ก็ยังจะรักฉันอยู่แบบนี้ ฉันเลยถามว่าถ้าฉันแต่งงานกับคนอื่นละจะว่าอย่างไร เพราะฉันอยากมีลูกถ้าเราจะเป็นแบบนี้กันต่อไปก็จะแก่เสียปล่าว เค้าตอบมาว่าเค้าห้ามไม่ได้อยู่แล้วถ้าฉันจะแต่ง แต่เค้าก็จะยังรู้สึกรักฉันแบบนี้ เงียบไปพักนึงแล้วเค้าพูดขึ้นมาว่า
"เพราะเราเองยังไม่มันใจว่าจะเป็นสามีที่ดีและจะเป็นพ่อที่ดีได้ไหม"
คำพูดนี้ทำให้ฉันน้ำตาคลอด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้น่ะ และตอบกลับไปว่าตอนนี้เธออาจยังสนุกแต่วันนึงในอนาคตเมื่อเธอพร้อมและเจอคนที่ใช่ฉันเชื่อว่าเธอต้องเป็นสามีที่ดีและพ่อที่ดีได้
มาถึงตอนนี้เรายังคงคุยกันอยู่เหมือนเดิม ดีใจนะที่เค้าเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะรักษาฉันไม่ทำให้ฉันเกิดบาปใหญ่ แต่ก็มีบาปเล็กๆอยู่ดีก็ได้แต่ขอดุอา(ขอพร)ต่อพระเจ้าให้ฉันได้ผ่านพ้นบททดสอบนี้อย่างปลอดภัย
ก็ได้แต่หวังว่าวันนึงถ้าเค้าลองเปิดใจศึกษาอิสลามเค้าจะได้รู้ว่ามันจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น มันไม่ได้ยากอย่างที่ใครเข้าใจ หวังว่าเค้าจะได้เป็นผู้ศรัทธาในสักวัน อามีน.......
มันไม่ง่ายเลยที่จะเจอใครแล้วคุยกันรู้เรื่อง
😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂😂