กลองทองแดง (铜鼓) หรือกลองมโหระทึกสำริด เป็นวัฒนธรรมร่วมที่แพร่หลายไปยังดินแดนต่างๆ ทั้งบนผืนแผ่นดินใหญ่และหมู่เกาะของประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือแม้แต่หมู่เกาะที่ตั้งอยู่ห่างไกล สำหรับในดินแดนประเทศไทย พบกลองมโหระทึกทั่วทุกภาค ทั้งนี้การพบกลองมโหระทึกแสดงให้เห็นถึงเส้นทางคมนาคมที่มนุษย์มีการติดต่อไปมาหาสู่กันทั้งทางบกและทางทะเลมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล วัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังชนกลุ่มอื่นผ่านทางผู้นำทางวัฒนธรรมซึ่งปรากฏในนิทานวีรบุรุษที่พบในหลายประเทศได้แก่ กัมพูชา จีน ไทย พม่า ลาว เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ประเทศกัมพูชา
1. ชาวเขมรเชื่อว่าตะกวดบนกลองมโหระทึกคือบรรพบุรุษของพวกตน
2. ชาวสเตียงมีตำนานวีรบุรุษทางวัฒนธรรมคล้ายกับชาวขมุในประเทศลาว
3. จิตร ภูมิศักดิ์ เชื่อว่ากษัตริย์ในภาพแกะสลักบนผนัง "
ปราสาทนครวัด" คือขุนเจืองยกทัพจากลุ่มน้ำกกไปช่วยจักรวรรดิเขมรรบกับข้าศึก
ประเทศจีน
1. ชาวจ้วงลุ่มแม่น้ำไข่มุก (左江壮族) ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกับชาวผู้ไท มีนิทานวีรบุรุษเรื่องเดียวกันกับชาวท้ายเมืองกาวบั่ง (Cao Bằng)
2. นิทานวีรบุรุษของชาวผู้ย้าย (布依人) ในจังหวัดไกว๋เจ้า (貴州) กล่าวถึงสงครามระหว่างเผ่าละเวี่ย (雒越) กับเผ่าไกว๋ (鬼家) และการเผยแพร่วัฒนธรรมหลังสิ้นสุดสงคราม
3. ชาวจ้วงถิ่นเหนือหลายกลุ่มเชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางผู้นำเผ่าละเวี่ย (雒越) ชื่อ "พญาจ้วง" จากนครรัฐลั่วเชียง (罗城)
4. พญา (
Bya) หมายถึงขุนเขาในภาษาจ้วงถิ่นเหนือกับภาษาจ้วงมาตรฐาน และยังใช้เป็นตำแหน่งเรียกผู้นำของชนเผ่า
5. ชาวจ้วงมักจะเลือกเอาชื่อบ้านเก่าเมืองหลังมาตั้งชื่อชุมชนแห่งใหม่ ปัจจุบันเมืองลั่วเชียงแห่งใหม่ (罗城) เป็นเขตปกครองตนเองย่อยของชาติพันธุ์มู่หลอม (ผู้ขอม)
6. ผู้นำ 800 ชนเผ่า ต่างเกรงกลัวแสนยานุภาพทางการทหารของพญาจ้วงจนต้องยกลูกสาวให้เป็นชายาเพื่อผูกสัมพันธ์ไมตรี จดหมายเหตุจีนที่หลงเหลือภายหลังการปฏิวัติทางวัฒนธรรมยังกล่าวถึงอาณาจักรทางตอนใต้ที่กษัตริย์มีนางสนม 800 คน
7. ชาวหนง (侬人) เขตเหวินซาน (文山) เชื่อว่าบรรพบุรุษของตนกับชาวไทลื้อสิบสองปันนาเคยมีผู้นำร่วมกันมาก่อนการเข้ามาของพุทธศาสนาและยุคของหนงจื้อเก๋า (儂智高)
8. ชาวไทหย่าคือชาวหนง (侬人) กลุ่มหนึ่งซึ่งย้ายมาอาศัยอยู่ร่วมกับชาวไทลื้อภายหลังจากยุคของหนงจื้อเก๋า (儂智高)
9. "ฮุ่ง" ซึ่งเป็นพระนามลำลองของพญาเจือง มีความหมายว่า "ตัวต่อ" ซึ่งตามตำนานของชาวไทลื้อ พญาเจืองได้ลูกแก้ววิเศษจากโพรงของต่อหลุม แต่ "ฮุ่ง" ซึ่งเป็นชื่อของเมืองเชียงรุ่ง มีความหมายว่า "เวลาฟ้าสาง" มีที่มาจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก
10. พญาเจืองเป็นปฐมกษัตริย์ของชาวไทลื้อ ตามหลักฐานทางโบราณคดีระบุว่า พญาเจืองได้รวบรวมชาวไทลื้อกลุ่มเล็กๆ ให้เป็นปึกแผ่นและสถาปนา "อาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง" ขึ้นบริเวณเมืองเชียงรุ่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในปี พ.ศ. 1723 และมีกษัตริย์สืบมาจนถึง
ตาวชือซุน (刀世勋)
11. ชาวไทเต๋อหง (德宏傣族) เชื่อว่าเจ้าฟ้าอู่ติ่ง (武丁) คือปฐมกษัตริย์ของเมืองเชียงรุ่ง และทรงมีความชำนาญในการดีดพิณ
12. ชาวเย้า (瑤族) มีนิทานวีรบุรุษที่ถอดแบบมาจากพญาเจืองชื่อ ผันหวัง (盤王)
ประเทศไทย
1. ขุนเจือง ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 1641 เป็นโอรสองค์ที่ 1 ของขุนจอมธรรม ขุนเจืองมีบุคลิกที่ต่างไปจากขุนจอมธรรมผู้เป็นพระราชบิดา กล่าวคือพระองค์ทรงเป็นผู้มุ่งมั่นที่จะผนวกเอาดินแดนของอาณาจักรต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน
2. อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรียกดินแดนเหล่านั้นว่า "โซเมีย"
3. ขุนเจืองครองเมืองพะเยาได้เพียง 6 ปี ได้มีข้าศึกแกวเตรียมเข้ายึดครองเมืองเงินยาง "ขุนชิน" ผู้เป็นลุงได้ส่งราชสาสน์ให้ขุนเจืองยกทัพไปช่วยเหลือโดยระดมพลยกทัพแสนกว่านาย ไปปราบข้าศึกแกวจนได้รับชัยชนะในที่สุด พ่อขุนชินจึงทรงสละราชสมบัติให้พ่อขุนเจืองผู้เป็นราชนัดดาครองราชย์นครเงินยางเชียงแสนแทน และยกนางอั้วคำคอนให้เป็นชายา
4. "เวียงลอ" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เป็นเมืองโบราณที่ปรากฏในหลักฐานประวัติศาสตร์ ขุนเจืองเคยเกณฑ์คนจากเวียงลอและเมืองอื่นๆ บริเวณนั้นไปช่วยรบกับพวกแกวที่มาโจมตีเมืองเงินยาง ปัจจุบันยังมีร่องรอยคันดิน ร่องรอยวัดร้างประมาณ 70 วัด และมีผู้พบพระพุทธรูปจำนวนมาก
5. ระหว่างที่ขุนเจืองทรงครองราชย์ บรรดาท้าวพระยาต่างพากันมาอ่อนน้อมสวามิภักดิ์ ถวายบรรณาการและยกขุนเจืองเป็น "พระยาเจืองธรรมิกราช" ทรงทำศึกกับ "แมนตาตอกขอกฟ้าตายืน" ก็สิ้นพระชนม์บนหลังช้าง สิริรวมพระชนมายุได้ 67 ปี เมื่อครั้งช้างพระที่นั่งตกลงไปในหลุมพรางของข้าศึก
6. ความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างพญามังรายมหาราชกับเจ้าเมืองปะกันปรากฏอยู่ในพงศาวดารลาวเฉียง ของพระยาประชากิจกรจักร
7. วัดพระธาตุจอมนาง สร้างในรัชสมัยของขุนเจือง กษัตริย์ผู้ครองภูกามยาว หิรัญเงินยาง เวียงปะกัน และหัวเมืองต่างๆ ตลอดสายแม่น้ำโขง ในสมัยโบราณวัดพระธาตุจอมนางเป็นวัดหลวงประจำเมืองเวียงเหียง
8. ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง เป็นต้นเค้าให้เกิดวรรณคดีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่อง คือ เรื่องพระเจ้าพรหม กับเรื่องพระลอ และนาม "ฮุ่ง" ตรงกับ "รุ่ง" ความหมายเดียวกับ "ร่วง" ในชื่อ "
พระร่วง" ของรัฐสุโขทัย
9. อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม สรุปว่า ขุนเจืองเป็นผู้นำในการรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรืออาจเรียกว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวผู้นำเอง ในลักษณะเช่นนี้บุคคลที่เป็นผู้นำจะต้องมีความเป็นกลางในเรื่องเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ เพราะบรรดาบ้านเมืองที่ถูกนำมารวมนั้นล้วนมีความแตกต่างกันทางเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น
ประเทศพม่า
1. ชาวไตในรัฐฉานเชื่อว่าพญาเจิงหาญคือผู้สร้าง "
เมืองเชียงลาบ" ปัจจุบันตั้งอยู่ในแขวงท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศพม่า
2. ชาวไตลอยในรัฐฉานยกย่องพญาเจิงหาญในฐานะผู้นำทางวัฒนธรรม และยังสืบทอดวัฒนธรรมกลองมโหระทึก
3. ชาวกะเหรี่ยงบางกลุ่มรับวัฒนธรรมจากชาวไตลอย และเชื่อว่ากลองมโหระทึกเป็นกลองศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ประเทศลาว
1. มหาสิลา วีระวงส์ นักปราชญ์คนสำคัญของชาวลาวเป็นผู้ริเริ่มการค้นคว้าประวัติศาสตร์ลาวโดยคนลาวและค้นพบต้นฉบับใบลานของวรรณกรรม "มหากาพย์ท้าวฮุ่งท้าวเจือง" แต่ภาษาที่แปลจากวรรณกรรมไม่ใช่ภาษาลาวยุคใหม่
2. เมืองปะกันในท้าวฮุ่ง-ท้าวเจือง มีนักปราชญ์บางท่านบอกว่าปัจจุบันตั้งอยู่ในแขวงเชียงขวาง
3. ตำนานกล่าวไว้ว่าระหว่างศตวรรษที่ 8 นักรบผู้กล้าหาญของลาวผู้หนึ่ง ชื่อว่าท้าวเจือง ได้ยกกำลังพลไปทำสงครามแล้วก็ได้ชัยชนะอยู่ที่เชียงขวาง หลังจากได้รับชัยชนะแล้ว ก็ได้ทำการฉลองชัยอยู่ที่ทุ่งไหหินเป็นเวลา 7 เดือน ไหที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นไหเหล้าสำหรับเลี้ยงไพร่พลในการฉลองชัยชนะของท้าวเจือง ในคราวนั้น ดังนั้นคนลาวทั่วไปมักเรียกว่า "
ไหเหล้าเจือง"
4. เจืองในตำนานของชนเผ่าขมุมี 2 ลักษณะ ลักษณะที่หนึ่งเป็นเทพผู้สร้างฟ้าดินและสรรพสิ่ง อีกลักษณะหนึ่งเป็นวีรบุรุษทางวัฒนธรรม คือเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการทำมาหากิน ตำนานของขมุบางสำนวนก็ได้รับอิทธิพลมาจากลาว แสดงว่าเรื่องของเจืองหาญมีความสำคัญในชีวิตจิตใจของคนลาวในสมัยก่อน
5. ชาวละเม็ดในแขวงอุดมไซมีผีเจืองเป็นหนึ่งใน "มะบรอง นะอา" ทางความเชื่อ
6. ชาวม้งบางกลุ่มยังเชื่อว่าเจืองคือผู้ที่จะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการถูกกดขี่จากชนกลุ่มอื่น และจะช่วยให้มีความสุขสมบูรณ์ในอนาคต
ประเทศเวียดนาม
1. ชาวเวียดนามตอนบนเชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางกษัตริย์ฮุ่ง (
Hùng Vương) เผ่าลักเวียด (Lạc Việt) ซึ่งปกครองอาณาจักรสีไกว (Xích Quỷ)
2. เชือง (雄) คือพระนามของกษัตริย์ฮุ่ง (Hùng Vương) ที่เขียนด้วยระบบอักษรจื๋อโนม (chữ Nôm)
3. การเผยแพร่วัฒนธรรมไม่เสร็จสิ้นในรัชกาลเดียว เนื่องจากกษัตริย์ฮุ่ง (Hùng Vương) มีหลายองค์
4. ชาวท้ายเมืองกาวบั่ง (Cao Bằng) เชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางผู้นำเผ่าชื่อ "เจืองหาน"
5. ชาวท้ายเมืองเมืองบั๊กกัน (Bắc Kạn) เชื่อว่าเมืองของตนเกี่ยวข้องกับตำนานเจืองหาน
ประเทศอินโดนีเซีย
1. ชาวชวาตะวันออกเชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางปันจี (
Panji) ลูกชายของหัวหน้าเผ่าปัตตารา (Batara) ที่สืบเชื้อสายมาจากเทวดา
2. ปันจีถูกถูกคลุมถุงชนกับลูกสาวของลุงชื่อ จันทรากิรันนา (Chandra Kirana) แต่เขารักผู้หญิงเผ่าอื่น และผู้หญิงคนดังกล่าวถูกคนในครอบครัวของปันจีหลอกไปฆ่าในป่า
3. ปันจีกระหายสงครามเพราะรักไม่สมหวัง เขาจึงประกาศสงครามกับเผ่าอื่นบนเกาะชวาที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ และเผยแพร่วัฒนธรรมกลองมโหระทึกหลังสิ้นสุดสงคราม จันทรากิรันนาจึงปลอมเป็นผู้ชายเพื่อหยุดปันจีไม่ให้รบกับนครรัฐของลุง ปันจีจึงยอมรับจันทรากิรันนาหลังจากที่รู้ว่านางกับหญิงคนรักที่ตายจากไปเกิดมาจากจิตวิญญาณเดียวกัน
4. ปันจีเกิดขึ้นก่อนการเข้ามาของศาสนาอิสลาม เนื่องจากเขามีภรรยามากกว่าพันคน
5. ปันจีเป็นผู้นำที่ผลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อินโดนีเซียจากการปกครองแบบนครรัฐเป็นอาณาจักร
6. เจ้าของกระทู้ทราบจากล่ามชาวอิเหนาว่าตำนานปันจีบางเวอร์ชันแต่งให้ปันจีเป็นโอรสกษัตริย์ และนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน
จากโครงเรื่องส่วนใหญ่สามารถกล่าวได้ว่านิทานวีรบุรุษมีที่มาจากเรื่องเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือสร้างสำนึกร่วมทางวัฒนธรรมของคนจากหลากหลายชาติพันธุ์
สืบเนื่องจากกระทู้
https://pantip.com/topic/32503183
อัพเดทข้อมูล
อ่านกระทู้ต่อเนื่องได้ที่
https://pantip.com/topic/35191701
มารู้จักผู้นำทางวัฒนธรรมของประเทศสมาชิกอาเซียน ในยุคก่อนประวัติศาสตร์
ประเทศกัมพูชา
1. ชาวเขมรเชื่อว่าตะกวดบนกลองมโหระทึกคือบรรพบุรุษของพวกตน
2. ชาวสเตียงมีตำนานวีรบุรุษทางวัฒนธรรมคล้ายกับชาวขมุในประเทศลาว
3. จิตร ภูมิศักดิ์ เชื่อว่ากษัตริย์ในภาพแกะสลักบนผนัง "ปราสาทนครวัด" คือขุนเจืองยกทัพจากลุ่มน้ำกกไปช่วยจักรวรรดิเขมรรบกับข้าศึก
ประเทศจีน
1. ชาวจ้วงลุ่มแม่น้ำไข่มุก (左江壮族) ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกับชาวผู้ไท มีนิทานวีรบุรุษเรื่องเดียวกันกับชาวท้ายเมืองกาวบั่ง (Cao Bằng)
2. นิทานวีรบุรุษของชาวผู้ย้าย (布依人) ในจังหวัดไกว๋เจ้า (貴州) กล่าวถึงสงครามระหว่างเผ่าละเวี่ย (雒越) กับเผ่าไกว๋ (鬼家) และการเผยแพร่วัฒนธรรมหลังสิ้นสุดสงคราม
3. ชาวจ้วงถิ่นเหนือหลายกลุ่มเชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางผู้นำเผ่าละเวี่ย (雒越) ชื่อ "พญาจ้วง" จากนครรัฐลั่วเชียง (罗城)
4. พญา (Bya) หมายถึงขุนเขาในภาษาจ้วงถิ่นเหนือกับภาษาจ้วงมาตรฐาน และยังใช้เป็นตำแหน่งเรียกผู้นำของชนเผ่า
5. ชาวจ้วงมักจะเลือกเอาชื่อบ้านเก่าเมืองหลังมาตั้งชื่อชุมชนแห่งใหม่ ปัจจุบันเมืองลั่วเชียงแห่งใหม่ (罗城) เป็นเขตปกครองตนเองย่อยของชาติพันธุ์มู่หลอม (ผู้ขอม)
6. ผู้นำ 800 ชนเผ่า ต่างเกรงกลัวแสนยานุภาพทางการทหารของพญาจ้วงจนต้องยกลูกสาวให้เป็นชายาเพื่อผูกสัมพันธ์ไมตรี จดหมายเหตุจีนที่หลงเหลือภายหลังการปฏิวัติทางวัฒนธรรมยังกล่าวถึงอาณาจักรทางตอนใต้ที่กษัตริย์มีนางสนม 800 คน
7. ชาวหนง (侬人) เขตเหวินซาน (文山) เชื่อว่าบรรพบุรุษของตนกับชาวไทลื้อสิบสองปันนาเคยมีผู้นำร่วมกันมาก่อนการเข้ามาของพุทธศาสนาและยุคของหนงจื้อเก๋า (儂智高)
8. ชาวไทหย่าคือชาวหนง (侬人) กลุ่มหนึ่งซึ่งย้ายมาอาศัยอยู่ร่วมกับชาวไทลื้อภายหลังจากยุคของหนงจื้อเก๋า (儂智高)
9. "ฮุ่ง" ซึ่งเป็นพระนามลำลองของพญาเจือง มีความหมายว่า "ตัวต่อ" ซึ่งตามตำนานของชาวไทลื้อ พญาเจืองได้ลูกแก้ววิเศษจากโพรงของต่อหลุม แต่ "ฮุ่ง" ซึ่งเป็นชื่อของเมืองเชียงรุ่ง มีความหมายว่า "เวลาฟ้าสาง" มีที่มาจากตำนานพระเจ้าเลียบโลก
10. พญาเจืองเป็นปฐมกษัตริย์ของชาวไทลื้อ ตามหลักฐานทางโบราณคดีระบุว่า พญาเจืองได้รวบรวมชาวไทลื้อกลุ่มเล็กๆ ให้เป็นปึกแผ่นและสถาปนา "อาณาจักรหอคำเชียงรุ่ง" ขึ้นบริเวณเมืองเชียงรุ่งเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในปี พ.ศ. 1723 และมีกษัตริย์สืบมาจนถึง ตาวชือซุน (刀世勋)
11. ชาวไทเต๋อหง (德宏傣族) เชื่อว่าเจ้าฟ้าอู่ติ่ง (武丁) คือปฐมกษัตริย์ของเมืองเชียงรุ่ง และทรงมีความชำนาญในการดีดพิณ
12. ชาวเย้า (瑤族) มีนิทานวีรบุรุษที่ถอดแบบมาจากพญาเจืองชื่อ ผันหวัง (盤王)
ประเทศไทย
1. ขุนเจือง ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 1641 เป็นโอรสองค์ที่ 1 ของขุนจอมธรรม ขุนเจืองมีบุคลิกที่ต่างไปจากขุนจอมธรรมผู้เป็นพระราชบิดา กล่าวคือพระองค์ทรงเป็นผู้มุ่งมั่นที่จะผนวกเอาดินแดนของอาณาจักรต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน
2. อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรียกดินแดนเหล่านั้นว่า "โซเมีย"
3. ขุนเจืองครองเมืองพะเยาได้เพียง 6 ปี ได้มีข้าศึกแกวเตรียมเข้ายึดครองเมืองเงินยาง "ขุนชิน" ผู้เป็นลุงได้ส่งราชสาสน์ให้ขุนเจืองยกทัพไปช่วยเหลือโดยระดมพลยกทัพแสนกว่านาย ไปปราบข้าศึกแกวจนได้รับชัยชนะในที่สุด พ่อขุนชินจึงทรงสละราชสมบัติให้พ่อขุนเจืองผู้เป็นราชนัดดาครองราชย์นครเงินยางเชียงแสนแทน และยกนางอั้วคำคอนให้เป็นชายา
4. "เวียงลอ" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เป็นเมืองโบราณที่ปรากฏในหลักฐานประวัติศาสตร์ ขุนเจืองเคยเกณฑ์คนจากเวียงลอและเมืองอื่นๆ บริเวณนั้นไปช่วยรบกับพวกแกวที่มาโจมตีเมืองเงินยาง ปัจจุบันยังมีร่องรอยคันดิน ร่องรอยวัดร้างประมาณ 70 วัด และมีผู้พบพระพุทธรูปจำนวนมาก
5. ระหว่างที่ขุนเจืองทรงครองราชย์ บรรดาท้าวพระยาต่างพากันมาอ่อนน้อมสวามิภักดิ์ ถวายบรรณาการและยกขุนเจืองเป็น "พระยาเจืองธรรมิกราช" ทรงทำศึกกับ "แมนตาตอกขอกฟ้าตายืน" ก็สิ้นพระชนม์บนหลังช้าง สิริรวมพระชนมายุได้ 67 ปี เมื่อครั้งช้างพระที่นั่งตกลงไปในหลุมพรางของข้าศึก
6. ความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่างพญามังรายมหาราชกับเจ้าเมืองปะกันปรากฏอยู่ในพงศาวดารลาวเฉียง ของพระยาประชากิจกรจักร
7. วัดพระธาตุจอมนาง สร้างในรัชสมัยของขุนเจือง กษัตริย์ผู้ครองภูกามยาว หิรัญเงินยาง เวียงปะกัน และหัวเมืองต่างๆ ตลอดสายแม่น้ำโขง ในสมัยโบราณวัดพระธาตุจอมนางเป็นวัดหลวงประจำเมืองเวียงเหียง
8. ท้าวฮุ่ง ท้าวเจือง เป็นต้นเค้าให้เกิดวรรณคดีประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่อย่างน้อย 2 เรื่อง คือ เรื่องพระเจ้าพรหม กับเรื่องพระลอ และนาม "ฮุ่ง" ตรงกับ "รุ่ง" ความหมายเดียวกับ "ร่วง" ในชื่อ "พระร่วง" ของรัฐสุโขทัย
9. อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม สรุปว่า ขุนเจืองเป็นผู้นำในการรวบรวมบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรืออาจเรียกว่าเป็นผู้สร้างอาณาจักรโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ตัวผู้นำเอง ในลักษณะเช่นนี้บุคคลที่เป็นผู้นำจะต้องมีความเป็นกลางในเรื่องเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ เพราะบรรดาบ้านเมืองที่ถูกนำมารวมนั้นล้วนมีความแตกต่างกันทางเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น
ประเทศพม่า
1. ชาวไตในรัฐฉานเชื่อว่าพญาเจิงหาญคือผู้สร้าง "เมืองเชียงลาบ" ปัจจุบันตั้งอยู่ในแขวงท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ประเทศพม่า
2. ชาวไตลอยในรัฐฉานยกย่องพญาเจิงหาญในฐานะผู้นำทางวัฒนธรรม และยังสืบทอดวัฒนธรรมกลองมโหระทึก
3. ชาวกะเหรี่ยงบางกลุ่มรับวัฒนธรรมจากชาวไตลอย และเชื่อว่ากลองมโหระทึกเป็นกลองศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ
ประเทศลาว
1. มหาสิลา วีระวงส์ นักปราชญ์คนสำคัญของชาวลาวเป็นผู้ริเริ่มการค้นคว้าประวัติศาสตร์ลาวโดยคนลาวและค้นพบต้นฉบับใบลานของวรรณกรรม "มหากาพย์ท้าวฮุ่งท้าวเจือง" แต่ภาษาที่แปลจากวรรณกรรมไม่ใช่ภาษาลาวยุคใหม่
2. เมืองปะกันในท้าวฮุ่ง-ท้าวเจือง มีนักปราชญ์บางท่านบอกว่าปัจจุบันตั้งอยู่ในแขวงเชียงขวาง
3. ตำนานกล่าวไว้ว่าระหว่างศตวรรษที่ 8 นักรบผู้กล้าหาญของลาวผู้หนึ่ง ชื่อว่าท้าวเจือง ได้ยกกำลังพลไปทำสงครามแล้วก็ได้ชัยชนะอยู่ที่เชียงขวาง หลังจากได้รับชัยชนะแล้ว ก็ได้ทำการฉลองชัยอยู่ที่ทุ่งไหหินเป็นเวลา 7 เดือน ไหที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นไหเหล้าสำหรับเลี้ยงไพร่พลในการฉลองชัยชนะของท้าวเจือง ในคราวนั้น ดังนั้นคนลาวทั่วไปมักเรียกว่า "ไหเหล้าเจือง"
4. เจืองในตำนานของชนเผ่าขมุมี 2 ลักษณะ ลักษณะที่หนึ่งเป็นเทพผู้สร้างฟ้าดินและสรรพสิ่ง อีกลักษณะหนึ่งเป็นวีรบุรุษทางวัฒนธรรม คือเป็นผู้ให้ความรู้เรื่องการทำมาหากิน ตำนานของขมุบางสำนวนก็ได้รับอิทธิพลมาจากลาว แสดงว่าเรื่องของเจืองหาญมีความสำคัญในชีวิตจิตใจของคนลาวในสมัยก่อน
5. ชาวละเม็ดในแขวงอุดมไซมีผีเจืองเป็นหนึ่งใน "มะบรอง นะอา" ทางความเชื่อ
6. ชาวม้งบางกลุ่มยังเชื่อว่าเจืองคือผู้ที่จะช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการถูกกดขี่จากชนกลุ่มอื่น และจะช่วยให้มีความสุขสมบูรณ์ในอนาคต
ประเทศเวียดนาม
1. ชาวเวียดนามตอนบนเชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางกษัตริย์ฮุ่ง (Hùng Vương) เผ่าลักเวียด (Lạc Việt) ซึ่งปกครองอาณาจักรสีไกว (Xích Quỷ)
2. เชือง (雄) คือพระนามของกษัตริย์ฮุ่ง (Hùng Vương) ที่เขียนด้วยระบบอักษรจื๋อโนม (chữ Nôm)
3. การเผยแพร่วัฒนธรรมไม่เสร็จสิ้นในรัชกาลเดียว เนื่องจากกษัตริย์ฮุ่ง (Hùng Vương) มีหลายองค์
4. ชาวท้ายเมืองกาวบั่ง (Cao Bằng) เชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางผู้นำเผ่าชื่อ "เจืองหาน"
5. ชาวท้ายเมืองเมืองบั๊กกัน (Bắc Kạn) เชื่อว่าเมืองของตนเกี่ยวข้องกับตำนานเจืองหาน
ประเทศอินโดนีเซีย
1. ชาวชวาตะวันออกเชื่อว่าวัฒนธรรมกลองมโหระทึกถูกเผยแพร่ไปยังคนกลุ่มอื่นผ่านทางปันจี (Panji) ลูกชายของหัวหน้าเผ่าปัตตารา (Batara) ที่สืบเชื้อสายมาจากเทวดา
2. ปันจีถูกถูกคลุมถุงชนกับลูกสาวของลุงชื่อ จันทรากิรันนา (Chandra Kirana) แต่เขารักผู้หญิงเผ่าอื่น และผู้หญิงคนดังกล่าวถูกคนในครอบครัวของปันจีหลอกไปฆ่าในป่า
3. ปันจีกระหายสงครามเพราะรักไม่สมหวัง เขาจึงประกาศสงครามกับเผ่าอื่นบนเกาะชวาที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ และเผยแพร่วัฒนธรรมกลองมโหระทึกหลังสิ้นสุดสงคราม จันทรากิรันนาจึงปลอมเป็นผู้ชายเพื่อหยุดปันจีไม่ให้รบกับนครรัฐของลุง ปันจีจึงยอมรับจันทรากิรันนาหลังจากที่รู้ว่านางกับหญิงคนรักที่ตายจากไปเกิดมาจากจิตวิญญาณเดียวกัน
4. ปันจีเกิดขึ้นก่อนการเข้ามาของศาสนาอิสลาม เนื่องจากเขามีภรรยามากกว่าพันคน
5. ปันจีเป็นผู้นำที่ผลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์อินโดนีเซียจากการปกครองแบบนครรัฐเป็นอาณาจักร
6. เจ้าของกระทู้ทราบจากล่ามชาวอิเหนาว่าตำนานปันจีบางเวอร์ชันแต่งให้ปันจีเป็นโอรสกษัตริย์ และนับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน
จากโครงเรื่องส่วนใหญ่สามารถกล่าวได้ว่านิทานวีรบุรุษมีที่มาจากเรื่องเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือสร้างสำนึกร่วมทางวัฒนธรรมของคนจากหลากหลายชาติพันธุ์
สืบเนื่องจากกระทู้ https://pantip.com/topic/32503183
อัพเดทข้อมูล
อ่านกระทู้ต่อเนื่องได้ที่ https://pantip.com/topic/35191701