จากเหมยถึงกาสะลอง จากโกวเล้งถึงคุณยิ่งลักษณ์ ( สตรีกับการเมือง สตรีกับบอร์ดการเมือง 1 )

ท่านที่เคารพรักครับ หน้าหนังการเมืองที่กำลังลงโรงฉายเวลานี้มีครบทุกรสชาด ไม่เหมือนในตลาดหนังในประเทศที่ผ่านมา
  ที่มักจะวนเวียนอยู่แต่กับหนังผี และหนังตลก

หนังดังเวลานี้กำลังเล่นเอาเถิดเข้าล่อกับบททดสอบของความถูกต้องทางสังคม หนังถ่ายทอดออกมาในโทนดุดัน
แข็งกร้าว  มองโลกในแง่ร้าย  

หนังไม่มีความโรแมนติก ชวนจิกหมอน หนังมีความล่อแหลม และอาจจะถูกมองว่าเป็นหนังรักน้ำเน่าแบบยกมาทั้งคลองแสนแสบ
เพราะคนอะไรจะรักกันขนาดนั้น มองเห็นแต่ว่า พวกตนเอง ดีไปหมด
ส่วนพวกตรงข้าม ไม่มีอะไรเป็นชิ้นดี

แม้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในบางอารมณ์  หนังที่ดูแล้ว ไม่มี " ความสุข " แฟนรุ่นเก่าดูแล้วไม่อิน ส่วนคนดูรุ่นใหม่ดูแล้วก็ไม่ฟิน เรื่องนี้

ก็เติมพลังมโนให้กับชีวิต เช่นทำให้เข้มแข็งมากขึ้น ทำให้รู้สึกในคุณค่าประชาธิปไตยมากขึ้น

หนังเรื่องนี้มีทั้งฉากแอ็คชั่นที่ตื่นตา ฉากดราม่าที่เข้มข้น รวมถึงฉากโรแมนติกที่บีบอารมณ์ แล้วห่อหุ้มด้วยงาน Production ในระดับหมอลำหมู่

สำหรับผู้ชมในฝั่งตะวันตกที่อาจไม่คุ้นเคย พากันคว่ำบาตร พวกเค้าจะได้สัมผัสหนังศิลปะชั้นเยี่ยม ที่ผสมความ Exotic อยู่ในตัวแบบ ตบจูบ
  
แต่สำหรับผู้ชมในแถบบ้านเรา อาจจะเห็นบ่อย บ่อยจนเบื่อ เพราะสร้างทีไร ก็ทีมสร้างเบื้องหลังกลุ่มเดิมๆ  
ที่พวกเขาไม่เคยลืมหูลืมตาขึ้นมาดูเดือน ดูตะวัน ว่าโลกพัฒนาไปถึงไหนแล้ว

เขาคิดแต่ว่า ตราบใดที่หนังอย่าง มนต์รักอสูร  บ้านทรายทอง ดอกโศก ดาวพระศุกร์ ทัดดาวบุษยา ยังวนเวียนนำมารีเมคใหม่ได้

ทำไมพวกเขาจะเขียนบท และกำกับหนังอย่างที่พวกเขาต้องการไม่ได้  

เขาคิดว่า นี่คือหนังที่พวกเรารัก และถูกสร้างออกมาในระดับ Premium พร้อมจะขึ้นหิ้งในเวลาอันไม่ช้า
โดยไม่เคยคิดว่า  หนังของพวกเขามัน " น้ำเน่า " สิ้นดี  ในสายตาประชาชนคนดู ที่เซ็งและเบื่อหน่าย

จริงอยู่ พล็อตเรื่องราวของการพลัดพรากและการตามหา ประชาธิปไตย นี้

ยังพาเราได้สำรวจความเป็นมนุษย์ในส่วนลึกของตัวเราเองไปพร้อมกัน ว่า เรามันขนาดไหนในสถานะการณ์อย่างนี้

ยังมีหลักการ หรือ เป็นไม้หลักปักเลนตม  
เราเข้มแข็งขึ้น หรือ อ่อนปวกเปียก แล้วหาเหตุผลมาอ้างเพื่อลัลล้าสายลม แสงแดดไปวันๆ

มันคือความตื่นเต้นและลุ้นระทึกของฉากปะทะและชิงไหวชิงพริบระหว่างธรรมะกับอธรรม

แฝงปรัชญานิยามว่าด้วยมิตรภาพ ของคนในครอบครัว คนในพรรค  และ " คนในบอร์ดการเมือง "

ทั้งหมดนี้ถูกจัดวางอย่างถูกจังหวะและกลมกล่อมในเวลานี้

บางคนสุขุม นุ่มลึก   บางคนสติแตกวิ่งวุ่น  บางคนประจบสอพลอ บางคนเลือกที่จะอดทนกล้ำกลืน เพื่อรอ

สถานะการณ์ทำให้เราได้ถามตัวเรา  ว่า เรามันคนชนิดไหน  สีอะไร และอยากให้รุ่นลูก รุ่นหลายเรา เป็นคนชนิดไหน ในวันข้างหน้า

เราจะตอบรุ่นลูก รุ่นหลานเราอย่างไร เมื่อโดนถามว่า  " แล้วเวลานั้น ทำอะไร  กล้า หรือ กลัว ?"

ตัวหนังดำเนินเรื่องอืดอาด วนเวียนในอ่าง หรือออกทะเลไปเลย ไม่กระชับ แต่เยิ่นเย้อ ไม่มีเป้าหมายชัดเจน
หนังยืดไปเรื่อยๆ สนุกกับค่าโฆษณา ค่าสปอนเซอร์

ในช่วงแรกหนังจะพาเราไปรู้จักคาแรคเตอร์แต่ล่ะคนเพื่อให้เราเข้าใจที่มาที่ไปพร้อมทั้งปมประเด็นที่เป็นบาดแผลทางจิตใจของพวกเขา
ว่าเขาเกลียด เขาอิจฉา ริษยา  เขาตาร้อน เขาล้าหลัง เขาตกยุค

จากนั้นเมื่อพวกเขาทั้งหมดมาพบกันก็ทำให้เรื่องราวขมวดปมเป็นเรื่องเดียวโดยมีฉากหลังเป็นการแข่งขันแห่งเกียรติยศ
แย่งชิงเก้าอี้ แย่งชิงเสนอหน้า

ระหว่างนั้นหนังจะแทรกข้อคิดและฉากดราม่าที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราได้ขบคิดตามไปด้วยกับพฤติกรรม ของ เหล่าคนดี
ที่ซ่อนความเหลวแหลก เละเทะไว้ภายใต้เสื้อสูท

จนบางครั้งต้องหยุดนิ่ง ใคร่ครวญว่า ระหว่างการมีความใฝ่ฝันอย่างมากมายมั่วซั่วตามจินตนาการที่ถอยหลังลงคลอง
ที่พยายามเขียนกัน ร่างกันอย่างกระเจิดกระเจิง

กับการเรียนรู้ที่จะอยู่บนโลกความเป็นจริง กับประชาคมโลก กับประชาธิปไตย บนฐานของ " ระเบียบโลกใหม่ "
ที่ให้ค่าของ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ให้ค่ากับความเป็นมนุษย์ อะไรน่าจะเป็นสิ่งที่ต้องทำ และเร่งรีบทำ

ท่านที่เคารพรักครับ คนที่หากมองอะไร  อะไร เป็นการเมืองไปหมดด้วยความระแวงหวาด
เพราะคนๆนั้นคิดว่าอ่านสามก๊กเกินสามรอบ แล้วเจนจบกระบวนท่า สามารถกำแหงทำอะไรอย่างย่ามใจ
กระหยิ่มอิ่มเอมใจว่า ตนเองมาได้เวลานี้ เพราะวางแผน

จึงมองคนอื่นว่าทุกความเคลื่อนไหว ย่อมมีจุดประสงค์ซ่อนเร้น มีนัยยะเล่ห์เหลี่ยมแอบแฝง
คนๆนั้นย่อมฝังใจจำเอา เข้าใจจำมาว่า
ที่เล่าปี่แสร้งตกใจกลัวเสียงฟ้าร้องเพื่อลวงโจโฉ คือกลยุทธ์
สุมาอี้แสร้งป่วย เพื่อหลอกโจโฉ คือกลยุทธ์

แต่นั่นมันคือในหนังสือ หากวางหนังสือลงก้าวย่างออกมาสู่โลกเวลานี้  ภาพกลยุทธ์ในหนังสือสามก๊ก ย่อมยังตามมาหลอกหลอน
หลับตาลงก็เคลิ้มว่าตนเองคือคนดี มีอำนาจ คนอื่นหยาบช้า ต้องกำจัดให้หมดไป

เมื่อมาอยู่ในโลกความเป็นจริงปัจจุบัน ก็เรียกเป็นว่า การเมืองขึ้นสมอง  ขนาดมองไปว่า
ท่านั่งขูดมะพร้าวของมะหมี่ หรือ เมขลา จากหนังเรื่อง แม่เบี้ย ก็คือกลยุทธ์

มองไปว่า ชารอนสโตน ในบท แคทเธอรีน จากหนังเรื่อง Basic Instinct นั่งไขว้ห้างใช้ดวงตาที่วาบหวามเปี่ยมเสน่ห์
ของสตรีเพศมองสบตาผู้นั่งตรงข้าม แคทเธอรีนใช้กระบวนท่านั่งไขว้ห้างสับขาหลอก ต่อหน้า นิค  ก็คือกลยุทธ์

และแน่นอน ย่อมมองว่า การเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษ  การเดินสายทำบุญ จังหวัดต่างๆ ก็คือกลยุทธ์ในกลยุทธ์

หากมองและแปลความหมายเช่นนี้ ถือว่าระบบความคิดป่วยไข้  ต่อมไตอักเสบ เลือดลมพลุ่งพล่าน ใกล้ธาตุไฟแตก  
เพราะการเดินสายทำบุญ เป็นเรื่องปรกติของประชาชนในประเทศนี้ที่เป็นเมืองพุทธ  
การเดินทางไปเคารพสักการะพระสงฆ์ ตามวัดวาอารามจังหวัดต่างๆ ถือเป็นสิ่งสมควรปฏิบัติของศาสนิกชน

แต่พลังที่แท้จริงอย่างหนึ่ง ซึ่งคนมักจะมองไม่เห็นเลย ตลอดเวลาที่เป็นคนของสาธารณะชน

นั่นคือพลังของความเป็น " แม่ "  ที่น้อยคนที่เป็นนักการเมืองจะแสดงออก อย่างชัดเจนและมีพลังอย่างคุณปู

ไม่ว่าจะมีภารกิจต่างๆใดๆ ไม่ว่าจะเป็นช่วงดำรงตำแหน่ง รับผิดชอบปัญหาบ้านเมือง
หรือในช่วงเวลาที่ปลดแอกจากตำแหน่งหัวโขนใดๆ  ไม่ว่าจะมีภาพคุณปูไปไหน มาไหน สิ่งหนึ่งเลยที่ขาดไม่ได้คือ

สองแม่ลูกจะเคียงข้างกันตลอดเวลา  แม่ได้เห็นถึงพัฒนาการความเจริญเติบโตของลูก

แม่ผู้พร้อมที่จะวางร่างเป็นสายลมใต้ปีก ให้ลูกได้เป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า  ไม่ว่าแม่จะยุ่งเพียงใด แม่ก็ยังมีลูกในสายตา
ไม่เคยทำหน้าที่ ความเป็นแม่ ให้ขาดตกบกพร่อง

ลูกก็ได้รับรู้และเข้าใจในสิ่งที่คนเป็นแม่ กำลังผจญและต่อสู้อยู่

นี่คือความรัก ความห่วงหาอาทร จากหัวใจของความเป็นแม่ ที่เปี่ยมด้วยพลัง ที่ต่อให้คนที่เข้มแข็งเพียงใด
ก็ย่อมอดที่จะสะเทือนใจไม่ได้  ย่อมอดที่จะหลั่งน้ำตาไม่ได้

หากแม้วันหนึ่ง วันนั้นมาถึง  เมื่อใครคิดจะพรากแม่และลูก ให้แยกจากกัน

หนังมันน้ำเน่าสิ้นดีครับ ผู้กำกับเวลานี้

.........................................................

( ถ่ายระหว่างเดินทางเข้าชายแดนพม่าครับ )

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่