เที่ยวมะละกายามค่ำคืน

เนื่องจากมีโอกาสได้ไปสัมมนาที่ Melaka Malaysia เลยได้โอกาสนำรูปมาแบ่งปันกันครับ  เริ่มต้นด้วย ประวัติคร่าวๆของเมืองกันก่อนเลยนะครับ....

ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000027778

          “มะละกา” เป็นเมืองหลวงรัฐมะละกา ซึ่งเป็น 1 ใน 13 รัฐของประเทศมาเลเซีย มีชื่อเรียกมาจาก "ต้นมะขามป้อม" หรือที่ชาวมะละกาเรียกว่า “Malacca Tree” ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำเมืองมะละกา ไม่เกี่ยวเนื่องกับมะละกอแต่อย่างใด  โดยในตำนานการก่อสร้างเมืองมะละกามีอยู่ว่า เจ้าชายปรเมศวร (Parameswara) ทรงลี้ภัยมาจากเกาะสุมาตรา ได้มาค้นพบที่ตั้งเมืองแห่งนี้ โดยขณะที่เจ้าชายกำลังขึ้นฝั่งพักผ่อน ได้เห็นกระจงถูกฝูงหมาป่ารุมไล่ทำร้าย กระจงเมื่อจวนตัวจึงหันมาสู้กับหมาป่าจนตัวตาย เมื่อเจ้าชายเห็นดังนั้นก็เกิดความประทับใจในความกล้าหาญของกระจง และเกิดความคิดว่าควรสร้างเมืองใหม่ขึ้นที่นี่ ในบริเวณที่กระจงตายอยู่ใกล้ต้นมะละกา  
          สมัยก่อนเราคงเคยได้ยินชื่อช่องแคบมะละกากันอยู่บ่อยๆ ซึ่งช่องแคบมะละกานั้น เป็นช่องแคบที่อยู่ระหว่างแหลมมลายูกับเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความยาวกว่า 800 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดมีความกว้าง 1.5 ไมล์ เป็นยุทธศาสตร์ทางการเดินเรือที่สำคัญของดินแดนสุวรรณภูมิซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของมะละกา และด้วยความแคบที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของมะละกานี้ จึงทำให้เป็นที่มาของคำว่า ช่องแคบมะละกา
          ด้วยภูมิศาสตร์และที่ตั้ง ทำให้เมืองมะละกากลายเป็นเมืองท่าริมทะเลที่เติบโตจนกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ เป็นเส้นทางเดินเรือค้าขายระหว่างชาติตะวันตกและตะวันออก สินค้าสำคัญก็มีทั้ง เครื่องเทศ ผ้าไหม ชา ฝิ่น ยาสูบ ทองคำ ฯลฯ มะละกาจึงเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจจากบรรดานักล่าอาณานิคมชาวตะวันตก โดยโปรตุเกสเป็นชาติแรกที่เข้ามายึดครองมะละกาใน ค.ศ. 1511-1641 ก่อนที่จะถูกดัตช์ (ฮอลแลนด์) เข้ามาครอบครองต่อใน ค.ศ. 1641-1795 จากนั้นเปลี่ยนมือผู้ปกครองมาเป็นอังกฤษใน ค.ศ. 1795-1941 และญี่ปุ่นเข้ามายึดครองในช่วงสั้นๆ ระหว่าง ค.ศ. 1941-1945 ก่อนจะกลับไปอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษอีกครั้ง ใน ค.ศ. 1945-1957 และท้ายที่สุด มาเลเซียได้ประกาศอิสรภาพใน ค.ศ. 1957 ซึ่งมะละกาคือสถานที่ประกาศเอกราช โดยปัจจุบันตึกอนุสรณ์ประกาศอิสรภาพยังคงตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ในย่านท่องเที่ยวสำคัญของเมืองนี้
          จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาทำให้ “มะละกา” มีสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่ผสมผสานระหว่างศิลปกรรมโปรตุเกส ดัตช์และมาเลย์เกิดขึ้นมากมาย จนทำให้กลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในปัจจุบัน

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่