NEWS 29/7/58

กระทู้สนทนา

DJIA  17,440.59 จุด -127.94 จุด, -0.73%
NASDAQ  5,039.78 จุด -48.85 จุด, -0.96%
S&P   2,067.64 จุด -12.01 จุด, -0.58%

DAX  11,056.40 จุด -291.05 จุด, -2.56%
CAC  4,927.60 จุด -129.76 จุด, -2.57%
FTSE   6,505.13 จุด -74.68 จุด, -1.13%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกัน 5 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นจีนและยุโรป โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีนที่ปิดตลาดดิ่งลงกว่า 8% เมื่อวานนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการร่วงลงอย่างหนักของตลาดหุ้นจีนได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขาย โดยเมื่อวานนี้ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดตลาดร่วงลง 8.48% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงสุดในรอบ 8 ปี อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของภาคการผลิต
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า บริษัทอุตสาหกรรมรายใหญ่ของจีนมีผลกำไรในเดือนมิ.ย.ลดลง 0.3% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 5.8857 แสนล้านหยวน หลังจากที่ขยายตัว 0.6% ในเดือนพ.ค.
ขณะที่ผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของจีนในเดือนก.ค.ลดลงแตะ 48.2 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน จาก 49.4 ในเดือนมิ.ย.
นอกจากนนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของตลาดหุ้นยุโรป โดยเฉพาะดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันที่ร่วงลงเกือบ 300 จุดเมื่อคืนนี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กแทบจะไม่ได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.7%
หุ้นของบริษัทที่ต้องพึ่งพายอดขายในประเทศจีนต่างก็ปรับตัวลงถ้วนหน้า โดยหุ้น Yum! Brands ปรับตัวลง 0.8% หุ้นแอปเปิล อิงค์ ซึ่งมีฐานตลาดที่ใหญ่ในประเทศจีน ร่วงลง 1.4% หุ้นไป่ตู้ และหุ้นอาลีบาบา ร่วงลงกว่า 1.9% และหุ้นยาฮู ซึ่งถือหุ้นใหญ่ในอาลีบาบา ร่วงลง 2.6%
นักลงทุนจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ก.ค. เพื่อหาสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เน้นย้ำในการแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสครั้งล่าสุดว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงราคาบ้านเดือนพ.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board และดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดสาขาริชมอนด์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่