บทสัมภาษณ์ยาวมากๆ ถ้าใครไม่อยากอ่านทุกตัวอักษรก็ข้ามไปอ่านไปหัวข้อที่สนใจได้ค่ะ
“พลอยเป็นคนกรุงเทพฯ ค่ะ เรียนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และเรียนมหาวิทยาลัยที่อัสสัมชัญ คณะ Communication Arts ตอนแรกอยากจะทำอะไรเกี่ยวกับวงการโฆษณา แต่รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างหนักพอสมควร คือกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ และถ้าจะให้ไปทำงานออฟฟิศก็ไม่ชอบอีก คือหลังเรียนจบพลอยได้มีโอกาสทำงานที่บริษัทโฆษณามาแล้ว และจากนั้นก็มาทำงานที่เซ็นทรัล คือเป็นเลขาคุณสุชาดา จิราธิวัฒน์ ประมาณหนึ่งปี แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่การเป็นแอร์โฮสเตทค่ะ ส่วนหนึ่งคงเพราะซึมซับมาจากคุณแม่ด้วย เพราะคุณแม่เป็นแอร์โฮสเตท สายการบินไทย ส่วนคุณพ่อทำธุรกิจส่วนตัว พลอยมีน้องสาวหนึ่งคน อายุห่างกัน 9 ปี ตอนนี้น้องสาวเพิ่งเรียนจบ กำลังเริ่มทำงาน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเล็กๆ อยู่กันพ่อแม่ลูก เวลาคุณแม่ไปบิน ก็จะจัดกระเป๋า พาลูกไปบินด้วย เลยได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว และเห็นคุณแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งปัจจุบันพลอยก็ทำงานอยู่การบินไทยมาสี่ห้าปีแล้วค่ะ แต่ว่าสมัครเข้าไปตั้งแต่ปี 2008 แต่ด้วยสถานการณ์บริษัท พลอยเลยโดน pending ตั้งแต่ตอนนั้นและได้เรียกเข้าไปทำงานตอนปี 2011 คือถ้าไปสอบตอน 2011 พลอยก็อาจจะสอบไม่ได้แล้ว ดีที่พี่พลอยสอบตั้งแต่ปี 2008 และระหว่างที่รอคือช่วงที่ได้มีโอกาสไปทำงานที่เซ็นทรัล
“สำหรับพลอยการที่ได้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตทพลอยชอบนะคะ เพราะเราได้พบเจอคนต่างชาติ หลายๆ ชาติ หลายๆ ภาษา และเราได้มีโอกาสเรียนรู้นิสัยของคนแต่ละชาติว่าเป็นคนอย่างไร และการทำงานตรงนี้เหมือนเป็นการฝึกความอดทนเรา คือไม่ว่าผู้โดยสารจะทำอะไร เราต้องพูดคำว่า ขอโทษ กับขอบคุณให้เก่งๆ คือ ขอโทษนี่ต้องติดปากเลย จะทำอะไรผิดจะทำอะไรถูกก็ต้องขอโทษไว้ก่อน มันคืองานบริการน่ะค่ะ ส่วนเรื่องการได้ท่องเที่ยวได้เที่ยวอยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะซ่อมร่างอยู่ในห้องมากกว่า (หัวเราะ) ซึ่งเอาจริงๆ เรื่องเที่ยวพลอยจะไม่ซีเรียสเท่าไร เพราะพลอยได้เที่ยวตั้งแต่ตามคุณแม่ อีกอย่างที่ทำให้พลอยชอบการเป็นแอร์โอสเตท คือความที่ชอบบริการคน ซึ่งมันตรงกับจริตที่ว่าเราเป็นคนชอบพูดคุย และพลอยเป็นคนแอบขี้เบื่ออยู่นิดนึง ถ้าเป็นงานเช้าไปเย็นกลับ ที่ต้องเจอรถติดตอนเช้า เจอรถติดตอนเย็น คุณภาพชีวิตมันไม่ดี แต่อย่างมาทำงานตรงนี้ เราก็บินตามตาราง ซึ่งก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และถ้าเราไม่สะดวกเมื่อไหร่เราก็ค่อยสลับกับเพื่อนได้ มันเหมือนจัดตารางชีวิตได้ดีกว่าค่ะ”
แต่ก่อนที่จะมาเป็นแอร์โฮสเตท ทราบมาว่าเธอคนนี้ เคยมีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองมาแล้วในสังกัดค่ายเพลงชื่อดังอย่าง SpicyDisc
“เริ่มต้นมาจากที่พลอยรู้จักกับพี่คนหนึ่งซึ่งเขาเป็นนักเปียโนอยู่ที่ SpicyDisc และเขาก็รู้จักกับพี่โปรดิวเซอร์ พี่เขาเห็นว่าเราพอจะร้องเพลงได้ และก็ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว จึงให้ไปเทสต์ และปรากฏว่าเขาชอบ เขาเลยให้ลองไปร้องเพลงดู เพราะคาแร็กเตอร์เราก็ดูโก๊ะๆ ซึ่งตรงกับที่เขาต้องการ ก็เลยได้ออกอัลบั้ม ชื่อว่า Polly ซึ่งก็คือชื่อภาษาอังกฤษของพลอย แนวเพลงจะเป็น เจแปนนิส ป็อบ แบ๊วๆ ดนตรีจะออกเจแปนนิสมาก เพลงออกแนวหลอนๆ นิดนึง เพราะเพลงมันอยู่ในเกมเต้นด้วยค่ะ ตอนที่ทำอัลบั้มตอนนั้นเรียนอยู่ปีสามนะคะ แต่ต้องทำตัวเหมือนอยู่ ม.4 (หัวเราะ)”
ในระหว่างที่สัมภาษณ์กันอยู่ พลอยก็ชักชวนให้เราได้ชิมขนมนานาชนิดที่เธอได้เตรียมไว้ต้อนรับ ซึ่งหน้าตา และกลิ่นช่วงยั่วยวนเราเหลือเกิน ซึ่งพอได้คุยไปคุยมาจึงทราบว่านี่คือ ธุรกิจใหม่ล่าสุดของเธอ
“พลอยนำเข้าเบเกอรี่จากฝรั่งเศสค่ะ ชื่อแบรนด์ Buvette (บูเวท) ซึ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ วิธีการทำส่งตรงมาจากฝรั่งเศสเลย คือธุรกิจนี้เริ่มต้นมาจาก ญาติของพลอยชื่อพี่จี๊ป เขาเป็นคนแนะนำมาเขาบอกว่า เดี๋ยวนี้หาเชฟที่เป็นเพรสตี้เชฟที่ทำเค้กทำขนมปังยาก จนเขาได้ไปเจอเบเกอรี่แบรนด์นี้ ซึ่งเป็นเบเกอรี่ที่แช่แข็งส่งมา และเราก็นำมา defrost (ละลาย) ก็เป็นไอเดียที่ดี ง่าย และประหยัด ลดต้นทุน มีแบบให้เลือกมากสำหรับลูกค้า ในราคาที่เขาสามารถจ่ายได้ พลอยก็รู้สึกว่าอันนี้เป็นจุดขาย และเบเกอรี่พวกนี้มีอายุอยู่ได้หนึ่งปี ด้วยความเย็นที่อุณหภูมิลบสิบแปดองศา ซึ่ง ณ วันนี้พลอยเพิ่งเริ่มทำได้ประมาณสองเดือนจึงยังไม่มีหน้าร้านค่ะ แต่ว่าอนาคตคงจะเปิด ตอนนี้เราส่งให้กับโรงแรมอย่างเดียวเลย เพราะบางโรงแรมเขาเอาไว้ขายตรงส่วนเบเกอรี่ ตรงคาเฟ่ของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ต้องมานั่งทำ ที่สำคัญนี่เป็นเบเกอรี่จากฝรั่งเศสโดยตรง วัตถุดิบดี และอร่อย สำหรับในธุรกิจนี้ พลอยช่วยกันกับพี่เขยคือสามีพี่จี๊ป โดยในส่วนของพลอยคือช่วยดูมาร์เก็ตติ้ง และเป็นเซลด้วย คือทำทุกอย่างเลย ก็ต้องไปดิวกับโรงแรมคุยกับลูกค้าเอง ถ้ามีร้านค้าสนใจก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ คือเบเกอรี่ทุกอย่างทำมาแล้วจากฝรั่งเศส และเราก็แค่อบเองด้วยอุณหภูมิที่ถูกต้องเท่านั้นเองค่ะ “นอกจากนี้พลอยก็ทำเบบี้ โปรดักท์ ที่เป็นออแกนิคค่ะ คือ เป็นออยล์ กับเป็นยากันยุงสำหรับเด็กขายอยู่ด้วย ชื่อแบรนด์ว่า ‘เบบี้แพนเตอร์’ อันนี้ทำมาสักเจ็ดแปดเดือนได้แล้วค่ะ ตอนนี้พลอยขายทางไอจีอย่างเดียว และกำลังคิดอยู่ว่าจะฝากขายตามร้านของเด็ก ซึ่งโปรดักท์นี้พลอยก็ใช้จริงกับลูกเรา ทดสอบกับเด็กๆ ที่บ้าน นี่เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทำ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้บินค่ะ จะกลับไปบินตอนเดือนมีนาคมปีหน้า รอให้พูมา 9 เดือน และแพนเตอร์สัก 2 ขวบกว่า ซึ่งตอนนั้นอาจจะให้แพนเตอร์เข้าโรงเรียนเร็วหน่อย”
Exclusive! เปิดใจ "พลอยพรรณ" เมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของ "ปีเตอร์ คอร์ปฯ" ครั้งแรกแบบหมดเปลือก
“พลอยเป็นคนกรุงเทพฯ ค่ะ เรียนมัธยมที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และเรียนมหาวิทยาลัยที่อัสสัมชัญ คณะ Communication Arts ตอนแรกอยากจะทำอะไรเกี่ยวกับวงการโฆษณา แต่รู้สึกว่ามันเป็นงานที่ค่อนข้างหนักพอสมควร คือกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ และถ้าจะให้ไปทำงานออฟฟิศก็ไม่ชอบอีก คือหลังเรียนจบพลอยได้มีโอกาสทำงานที่บริษัทโฆษณามาแล้ว และจากนั้นก็มาทำงานที่เซ็นทรัล คือเป็นเลขาคุณสุชาดา จิราธิวัฒน์ ประมาณหนึ่งปี แต่สุดท้ายก็มาลงตัวที่การเป็นแอร์โฮสเตทค่ะ ส่วนหนึ่งคงเพราะซึมซับมาจากคุณแม่ด้วย เพราะคุณแม่เป็นแอร์โฮสเตท สายการบินไทย ส่วนคุณพ่อทำธุรกิจส่วนตัว พลอยมีน้องสาวหนึ่งคน อายุห่างกัน 9 ปี ตอนนี้น้องสาวเพิ่งเรียนจบ กำลังเริ่มทำงาน ครอบครัวเราเป็นครอบครัวเล็กๆ อยู่กันพ่อแม่ลูก เวลาคุณแม่ไปบิน ก็จะจัดกระเป๋า พาลูกไปบินด้วย เลยได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว และเห็นคุณแม่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งปัจจุบันพลอยก็ทำงานอยู่การบินไทยมาสี่ห้าปีแล้วค่ะ แต่ว่าสมัครเข้าไปตั้งแต่ปี 2008 แต่ด้วยสถานการณ์บริษัท พลอยเลยโดน pending ตั้งแต่ตอนนั้นและได้เรียกเข้าไปทำงานตอนปี 2011 คือถ้าไปสอบตอน 2011 พลอยก็อาจจะสอบไม่ได้แล้ว ดีที่พี่พลอยสอบตั้งแต่ปี 2008 และระหว่างที่รอคือช่วงที่ได้มีโอกาสไปทำงานที่เซ็นทรัล
“สำหรับพลอยการที่ได้ทำงานเป็นแอร์โฮสเตทพลอยชอบนะคะ เพราะเราได้พบเจอคนต่างชาติ หลายๆ ชาติ หลายๆ ภาษา และเราได้มีโอกาสเรียนรู้นิสัยของคนแต่ละชาติว่าเป็นคนอย่างไร และการทำงานตรงนี้เหมือนเป็นการฝึกความอดทนเรา คือไม่ว่าผู้โดยสารจะทำอะไร เราต้องพูดคำว่า ขอโทษ กับขอบคุณให้เก่งๆ คือ ขอโทษนี่ต้องติดปากเลย จะทำอะไรผิดจะทำอะไรถูกก็ต้องขอโทษไว้ก่อน มันคืองานบริการน่ะค่ะ ส่วนเรื่องการได้ท่องเที่ยวได้เที่ยวอยู่แล้ว แต่ส่วนมากจะซ่อมร่างอยู่ในห้องมากกว่า (หัวเราะ) ซึ่งเอาจริงๆ เรื่องเที่ยวพลอยจะไม่ซีเรียสเท่าไร เพราะพลอยได้เที่ยวตั้งแต่ตามคุณแม่ อีกอย่างที่ทำให้พลอยชอบการเป็นแอร์โอสเตท คือความที่ชอบบริการคน ซึ่งมันตรงกับจริตที่ว่าเราเป็นคนชอบพูดคุย และพลอยเป็นคนแอบขี้เบื่ออยู่นิดนึง ถ้าเป็นงานเช้าไปเย็นกลับ ที่ต้องเจอรถติดตอนเช้า เจอรถติดตอนเย็น คุณภาพชีวิตมันไม่ดี แต่อย่างมาทำงานตรงนี้ เราก็บินตามตาราง ซึ่งก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ และถ้าเราไม่สะดวกเมื่อไหร่เราก็ค่อยสลับกับเพื่อนได้ มันเหมือนจัดตารางชีวิตได้ดีกว่าค่ะ”
แต่ก่อนที่จะมาเป็นแอร์โฮสเตท ทราบมาว่าเธอคนนี้ เคยมีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองมาแล้วในสังกัดค่ายเพลงชื่อดังอย่าง SpicyDisc
“เริ่มต้นมาจากที่พลอยรู้จักกับพี่คนหนึ่งซึ่งเขาเป็นนักเปียโนอยู่ที่ SpicyDisc และเขาก็รู้จักกับพี่โปรดิวเซอร์ พี่เขาเห็นว่าเราพอจะร้องเพลงได้ และก็ชอบร้องเพลงอยู่แล้ว จึงให้ไปเทสต์ และปรากฏว่าเขาชอบ เขาเลยให้ลองไปร้องเพลงดู เพราะคาแร็กเตอร์เราก็ดูโก๊ะๆ ซึ่งตรงกับที่เขาต้องการ ก็เลยได้ออกอัลบั้ม ชื่อว่า Polly ซึ่งก็คือชื่อภาษาอังกฤษของพลอย แนวเพลงจะเป็น เจแปนนิส ป็อบ แบ๊วๆ ดนตรีจะออกเจแปนนิสมาก เพลงออกแนวหลอนๆ นิดนึง เพราะเพลงมันอยู่ในเกมเต้นด้วยค่ะ ตอนที่ทำอัลบั้มตอนนั้นเรียนอยู่ปีสามนะคะ แต่ต้องทำตัวเหมือนอยู่ ม.4 (หัวเราะ)”
ในระหว่างที่สัมภาษณ์กันอยู่ พลอยก็ชักชวนให้เราได้ชิมขนมนานาชนิดที่เธอได้เตรียมไว้ต้อนรับ ซึ่งหน้าตา และกลิ่นช่วงยั่วยวนเราเหลือเกิน ซึ่งพอได้คุยไปคุยมาจึงทราบว่านี่คือ ธุรกิจใหม่ล่าสุดของเธอ
“พลอยนำเข้าเบเกอรี่จากฝรั่งเศสค่ะ ชื่อแบรนด์ Buvette (บูเวท) ซึ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ วิธีการทำส่งตรงมาจากฝรั่งเศสเลย คือธุรกิจนี้เริ่มต้นมาจาก ญาติของพลอยชื่อพี่จี๊ป เขาเป็นคนแนะนำมาเขาบอกว่า เดี๋ยวนี้หาเชฟที่เป็นเพรสตี้เชฟที่ทำเค้กทำขนมปังยาก จนเขาได้ไปเจอเบเกอรี่แบรนด์นี้ ซึ่งเป็นเบเกอรี่ที่แช่แข็งส่งมา และเราก็นำมา defrost (ละลาย) ก็เป็นไอเดียที่ดี ง่าย และประหยัด ลดต้นทุน มีแบบให้เลือกมากสำหรับลูกค้า ในราคาที่เขาสามารถจ่ายได้ พลอยก็รู้สึกว่าอันนี้เป็นจุดขาย และเบเกอรี่พวกนี้มีอายุอยู่ได้หนึ่งปี ด้วยความเย็นที่อุณหภูมิลบสิบแปดองศา ซึ่ง ณ วันนี้พลอยเพิ่งเริ่มทำได้ประมาณสองเดือนจึงยังไม่มีหน้าร้านค่ะ แต่ว่าอนาคตคงจะเปิด ตอนนี้เราส่งให้กับโรงแรมอย่างเดียวเลย เพราะบางโรงแรมเขาเอาไว้ขายตรงส่วนเบเกอรี่ ตรงคาเฟ่ของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ต้องมานั่งทำ ที่สำคัญนี่เป็นเบเกอรี่จากฝรั่งเศสโดยตรง วัตถุดิบดี และอร่อย สำหรับในธุรกิจนี้ พลอยช่วยกันกับพี่เขยคือสามีพี่จี๊ป โดยในส่วนของพลอยคือช่วยดูมาร์เก็ตติ้ง และเป็นเซลด้วย คือทำทุกอย่างเลย ก็ต้องไปดิวกับโรงแรมคุยกับลูกค้าเอง ถ้ามีร้านค้าสนใจก็สามารถติดต่อเข้ามาได้ คือเบเกอรี่ทุกอย่างทำมาแล้วจากฝรั่งเศส และเราก็แค่อบเองด้วยอุณหภูมิที่ถูกต้องเท่านั้นเองค่ะ “นอกจากนี้พลอยก็ทำเบบี้ โปรดักท์ ที่เป็นออแกนิคค่ะ คือ เป็นออยล์ กับเป็นยากันยุงสำหรับเด็กขายอยู่ด้วย ชื่อแบรนด์ว่า ‘เบบี้แพนเตอร์’ อันนี้ทำมาสักเจ็ดแปดเดือนได้แล้วค่ะ ตอนนี้พลอยขายทางไอจีอย่างเดียว และกำลังคิดอยู่ว่าจะฝากขายตามร้านของเด็ก ซึ่งโปรดักท์นี้พลอยก็ใช้จริงกับลูกเรา ทดสอบกับเด็กๆ ที่บ้าน นี่เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ทำ เพราะตอนนี้ยังไม่ได้บินค่ะ จะกลับไปบินตอนเดือนมีนาคมปีหน้า รอให้พูมา 9 เดือน และแพนเตอร์สัก 2 ขวบกว่า ซึ่งตอนนั้นอาจจะให้แพนเตอร์เข้าโรงเรียนเร็วหน่อย”