จากมติชนออนไลน์ คอลัมน์ ฟรีสไตล์เรื่องบ้าน ๆ โดย เมตตา ทับทิม misstubtim@yahoo.com
คําถามยอดฮิต ถามจนหูแทบจะระเบิดวิธีซื้อคอนโดฯติดรถไฟฟ้า
ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงต้องบอกว่า วิธีซื้อไม่ยาก เดินเข้าไปจิ้มแปลงห้องชุดที่อยากได้แล้วจ่ายเงินจอง+เงินทำสัญญา
แต่ถ้าถามถึงเทคนิคการเลือกซื้อคอนโดฯทำเลแนวรถไฟฟ้าหรือจะให้พูดชัดๆอีกทีก็คือคอนโดฯ อยู่ติดหรืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพราะเดี๋ยวนี้บริษัทพัฒนาที่ดินเขาเก๊ง เก่ง ไปสรรหาที่ดินอยู่ซะติดสถานี เรียกว่าขาข้างขวาอยู่บนสถานี ขาข้างซ้ายก็แหย่เข้าไปอยู่ในรั้วคอนโดฯ กันเลยทีเดียว
ประเด็นของคำถามคือกลัวเสียงหนวกหูจากรถไฟฟ้าวิ่งให้บริการ เพราะเช้าตรู่ตี 5-6 โมง ก็เปิดหวูดกระบวนแรกแล้ว เที่ยวสุดท้ายกว่าจะจอดสนิทอีกทีก็ปาเข้าไป 6 ทุ่ม บังเอิญว่าคำถามเข้าท่าและอยู่ในความสนใจพอดี ก็เลยไปทำการบ้านมาให้ โดยขอความรู้จากผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง 3-4 ราย
ก่อนอื่น ขอเคลียร์ข้อมูลพื้นฐานให้เข้าใจตรงกัน การให้บริการรถไฟฟ้ามีทั้งแบบใต้ดินและลอยฟ้า โดยที่ไซต์ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ อีก 5-6 สายส่วนใหญ่จะเป็นแบบลอยฟ้า เหตุผลเพราะต้นทุนค่าก่อสร้างเป็นหลัก จะมีบางช่วงที่มุดดินลงอุโมงค์บ้างก็ว่าไป
ในขณะที่รถไฟลอยฟ้าสายปัจจุบันก็คือบีทีเอส (BTS) วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 60 กม./ชม. มีการจัดทำมาตรฐานด้านเสียงครบถ้วนตามกฎหมายทุกประการ ดังจะเห็นว่าเขตชุมชนหนาแน่นบางแห่งเขาจะมีกำแพงบังเพื่อลดทอนปัญหามลภาวะทางเสียง
แต่ผู้บริโภคก็คือผู้บริโภคมองเห็นอนาคตเหมือนๆกันคือหลังปี 2560 เป็นต้นไปจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ทยอยเปิดให้บริการหลายสาย อยู่ๆ ก็จิตตกขึ้นมาเพราะซื้อคอนโดฯ วันนี้กว่าจะสร้างเสร็จก็ใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าเปิดวิ่ง ก็เลยนึกกลัวขึ้นมาซะงั้น
สำหรับคำตอบก็นานาจิตตังค่ะ รายไหนที่ไม่อยากให้ผู้บริโภคคิดมาก ก็จะตอบกลางๆ ว่า ปัจจุบัน นักออกแบบหรือสถาปนิก+วิศวกรเขาเก่งมาก เวลาจะออกแบบตึกเขาคำนึงและคำนวณไว้พร้อมสรรพ ทั้งเรื่อง sound protection ป้องกันไม่ให้มีเสียงรบกวนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นถนนใหญ่ ทางด่วน รถไฟ และปัญหาล่าสุด เสียงรบกวนจากรถไฟฟ้า
"เลือกซื้อคอนโดฯยุคนี้ เลือกทำเลเป็นหลัก ยิ่งติดสถานีรถไฟฟ้ายิ่งดี ส่วนมุมห้องจะหันซ้ายหันขวา เสียงดังนิดหน่อย เรื่องเล็ก แก้ไขได้หมด เชื่อผม..." ข้อแนะนำแบบคำต่อคำ
บางคำตอบก็น่าสนใจ ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าจริงใจมาก ถ้าเป็นโครงการที่อยู่ติดสถานี แต่ตัวตึกห่างออกไป 100-200 เมตรจากแนวรถไฟฟ้า ซึ่งก็หมายถึงจะมีระยะห่างออกมา ท่านบอกว่า โนพร็อมแพลม ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนตอนรถไฟฟ้าวิ่งให้บริการ
กรณีที่อยู่ติดแบบติดสถานีจริงๆ หรือตัวตึกวางไว้ใกล้แนวรถไฟฟ้า และถ้ามีโอกาสเลือกได้ (เนื่องจากขายดีจัด) ข้อควรพิจารณาเพื่อเป็นการตัดปัญหาให้เลือกชั้นสูงๆ ไว้ก่อน ส่วนใหญ่ทำเลแบบนั้นตัวโครงการจะออกแบบเป็นอาคารไฮไรส์ หรือตึกสูงปรี๊ด 25-30-40 ชั้นไปเลย ความสูงที่ป้องกันเสียงรบกวนจากรถไฟฟ้าได้ควรจะเลือกตั้งแต่ชั้น 15 เป็นต้นไป
บางตำราก็บอกว่าชั้น 10-12 ก็พอจะกล้อมแกล้มได้อยู่ เหตุผลเพราะคอนโดมิเนียมยิ่งสูงยิ่งแพง เนื่องจากธรรมชาติเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ "ขายวิว" ด้วย
ยังมีเทคนิคง่ายที่สุดแบบไม่ต้องคิดมาก คอนโดฯมักจะออกแบบมีทางเดินอยู่ตรงกลางที่เรียกว่า คอร์ริดอร์ (corridor) สองฟากทางจะมีห้องชุดตลอดแนว แค่ดูว่าฝั่งไหนหันหน้าหาแนวรถไฟฟ้าก็อย่าไปเลือกมัน ให้กลับหลังหันมาอีกฝั่งไปเลย วิธีการนี้ป้องกันได้เกิน 100%
อย่างไรก็ตาม วิธีการเลือกแบบนี้อาจจะมีจุดอ่อนอยู่บ้าง เพราะข้อคำนึงในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดฯ มีกฎหยุมหยิม 2-3 ข้อที่หลีกเลี่ยงได้ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เช่น แดดเช้า-แดดบ่าย ห้องที่ควรเลือกคือแดดเช้าหรือหันทางทิศตะวันออก ถ้าหน้าต่างห้องนอนหันทางทิศตะวันตก เท่ากับรับแดดบ่ายเต็มๆ ตัวห้องจะอมความร้อนไปจนมืดค่ำ เปลืองแอร์เปล่าๆ
หรือจะเป็นมุมห้องที่มีจุดอ่อนฮวงจุ้ย อยู่ใกล้โซนออกแบบที่เขาเรียกว่า "เซอร์วิส แอเรีย"
อธิบายง่ายๆ ก็คือมุมหน้าลิฟต์ หน้าห้องเก็บขยะ ห้องเครื่องนั่นแหละ มีข้อติโน่นตินี่ คนพลุกพล่านบ้าง อยู่ใกล้ขยะบ้าง ฯลฯ
ถ้าจะเลือกแบบสุดโต่งไม่ต้องการเสียงรบกวนใดๆ เลย ในทางเทคนิคก่อสร้างทำได้ด้วยการติดตั้งกระจกสองชั้น (ผลิตจากโรงงาน) คุณภาพเทียบเท่าห้องอัดเสียง เงียบกริ๊บ เสริมด้วยผนังฉนวนกันเสียง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีโครงการไหนติดตั้งให้หรือเปล่าเพราะแพงเอาเรื่องอยู่
สุดท้าย น่าจะเริ่มต้นพิจารณาจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยในคอนโดฯ ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ ใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงาน กลับบ้าน 3-4 ทุ่ม อาบน้ำนอน น่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
แต่ถ้าเป็นผู้อยู่อาศัยตอนกลางวัน หรือเกือบจะทั้งวัน ก็อาจจะได้ยินเสียงบ้าง กลุ่มนี้สิ่งที่ต้องทำคือเริ่มต้นจากทำใจค่ะ
ซื้อคอนโดฯ"ติดรถไฟฟ้า" เสียงจะดังมั้ยอ่ะ!
คําถามยอดฮิต ถามจนหูแทบจะระเบิดวิธีซื้อคอนโดฯติดรถไฟฟ้า
ถ้าตอบแบบกำปั้นทุบดินก็คงต้องบอกว่า วิธีซื้อไม่ยาก เดินเข้าไปจิ้มแปลงห้องชุดที่อยากได้แล้วจ่ายเงินจอง+เงินทำสัญญา
แต่ถ้าถามถึงเทคนิคการเลือกซื้อคอนโดฯทำเลแนวรถไฟฟ้าหรือจะให้พูดชัดๆอีกทีก็คือคอนโดฯ อยู่ติดหรืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าเพราะเดี๋ยวนี้บริษัทพัฒนาที่ดินเขาเก๊ง เก่ง ไปสรรหาที่ดินอยู่ซะติดสถานี เรียกว่าขาข้างขวาอยู่บนสถานี ขาข้างซ้ายก็แหย่เข้าไปอยู่ในรั้วคอนโดฯ กันเลยทีเดียว
ประเด็นของคำถามคือกลัวเสียงหนวกหูจากรถไฟฟ้าวิ่งให้บริการ เพราะเช้าตรู่ตี 5-6 โมง ก็เปิดหวูดกระบวนแรกแล้ว เที่ยวสุดท้ายกว่าจะจอดสนิทอีกทีก็ปาเข้าไป 6 ทุ่ม บังเอิญว่าคำถามเข้าท่าและอยู่ในความสนใจพอดี ก็เลยไปทำการบ้านมาให้ โดยขอความรู้จากผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง 3-4 ราย
ก่อนอื่น ขอเคลียร์ข้อมูลพื้นฐานให้เข้าใจตรงกัน การให้บริการรถไฟฟ้ามีทั้งแบบใต้ดินและลอยฟ้า โดยที่ไซต์ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายใหม่ ๆ อีก 5-6 สายส่วนใหญ่จะเป็นแบบลอยฟ้า เหตุผลเพราะต้นทุนค่าก่อสร้างเป็นหลัก จะมีบางช่วงที่มุดดินลงอุโมงค์บ้างก็ว่าไป
ในขณะที่รถไฟลอยฟ้าสายปัจจุบันก็คือบีทีเอส (BTS) วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 60 กม./ชม. มีการจัดทำมาตรฐานด้านเสียงครบถ้วนตามกฎหมายทุกประการ ดังจะเห็นว่าเขตชุมชนหนาแน่นบางแห่งเขาจะมีกำแพงบังเพื่อลดทอนปัญหามลภาวะทางเสียง
แต่ผู้บริโภคก็คือผู้บริโภคมองเห็นอนาคตเหมือนๆกันคือหลังปี 2560 เป็นต้นไปจะมีรถไฟฟ้าสายใหม่ทยอยเปิดให้บริการหลายสาย อยู่ๆ ก็จิตตกขึ้นมาเพราะซื้อคอนโดฯ วันนี้กว่าจะสร้างเสร็จก็ใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าเปิดวิ่ง ก็เลยนึกกลัวขึ้นมาซะงั้น
สำหรับคำตอบก็นานาจิตตังค่ะ รายไหนที่ไม่อยากให้ผู้บริโภคคิดมาก ก็จะตอบกลางๆ ว่า ปัจจุบัน นักออกแบบหรือสถาปนิก+วิศวกรเขาเก่งมาก เวลาจะออกแบบตึกเขาคำนึงและคำนวณไว้พร้อมสรรพ ทั้งเรื่อง sound protection ป้องกันไม่ให้มีเสียงรบกวนจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นถนนใหญ่ ทางด่วน รถไฟ และปัญหาล่าสุด เสียงรบกวนจากรถไฟฟ้า
"เลือกซื้อคอนโดฯยุคนี้ เลือกทำเลเป็นหลัก ยิ่งติดสถานีรถไฟฟ้ายิ่งดี ส่วนมุมห้องจะหันซ้ายหันขวา เสียงดังนิดหน่อย เรื่องเล็ก แก้ไขได้หมด เชื่อผม..." ข้อแนะนำแบบคำต่อคำ
บางคำตอบก็น่าสนใจ ฟังแล้วรู้สึกได้เลยว่าจริงใจมาก ถ้าเป็นโครงการที่อยู่ติดสถานี แต่ตัวตึกห่างออกไป 100-200 เมตรจากแนวรถไฟฟ้า ซึ่งก็หมายถึงจะมีระยะห่างออกมา ท่านบอกว่า โนพร็อมแพลม ไม่มีปัญหาเรื่องเสียงรบกวนตอนรถไฟฟ้าวิ่งให้บริการ
กรณีที่อยู่ติดแบบติดสถานีจริงๆ หรือตัวตึกวางไว้ใกล้แนวรถไฟฟ้า และถ้ามีโอกาสเลือกได้ (เนื่องจากขายดีจัด) ข้อควรพิจารณาเพื่อเป็นการตัดปัญหาให้เลือกชั้นสูงๆ ไว้ก่อน ส่วนใหญ่ทำเลแบบนั้นตัวโครงการจะออกแบบเป็นอาคารไฮไรส์ หรือตึกสูงปรี๊ด 25-30-40 ชั้นไปเลย ความสูงที่ป้องกันเสียงรบกวนจากรถไฟฟ้าได้ควรจะเลือกตั้งแต่ชั้น 15 เป็นต้นไป
บางตำราก็บอกว่าชั้น 10-12 ก็พอจะกล้อมแกล้มได้อยู่ เหตุผลเพราะคอนโดมิเนียมยิ่งสูงยิ่งแพง เนื่องจากธรรมชาติเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ "ขายวิว" ด้วย
ยังมีเทคนิคง่ายที่สุดแบบไม่ต้องคิดมาก คอนโดฯมักจะออกแบบมีทางเดินอยู่ตรงกลางที่เรียกว่า คอร์ริดอร์ (corridor) สองฟากทางจะมีห้องชุดตลอดแนว แค่ดูว่าฝั่งไหนหันหน้าหาแนวรถไฟฟ้าก็อย่าไปเลือกมัน ให้กลับหลังหันมาอีกฝั่งไปเลย วิธีการนี้ป้องกันได้เกิน 100%
อย่างไรก็ตาม วิธีการเลือกแบบนี้อาจจะมีจุดอ่อนอยู่บ้าง เพราะข้อคำนึงในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดฯ มีกฎหยุมหยิม 2-3 ข้อที่หลีกเลี่ยงได้ก็ควรจะหลีกเลี่ยง เช่น แดดเช้า-แดดบ่าย ห้องที่ควรเลือกคือแดดเช้าหรือหันทางทิศตะวันออก ถ้าหน้าต่างห้องนอนหันทางทิศตะวันตก เท่ากับรับแดดบ่ายเต็มๆ ตัวห้องจะอมความร้อนไปจนมืดค่ำ เปลืองแอร์เปล่าๆ
หรือจะเป็นมุมห้องที่มีจุดอ่อนฮวงจุ้ย อยู่ใกล้โซนออกแบบที่เขาเรียกว่า "เซอร์วิส แอเรีย"
อธิบายง่ายๆ ก็คือมุมหน้าลิฟต์ หน้าห้องเก็บขยะ ห้องเครื่องนั่นแหละ มีข้อติโน่นตินี่ คนพลุกพล่านบ้าง อยู่ใกล้ขยะบ้าง ฯลฯ
ถ้าจะเลือกแบบสุดโต่งไม่ต้องการเสียงรบกวนใดๆ เลย ในทางเทคนิคก่อสร้างทำได้ด้วยการติดตั้งกระจกสองชั้น (ผลิตจากโรงงาน) คุณภาพเทียบเท่าห้องอัดเสียง เงียบกริ๊บ เสริมด้วยผนังฉนวนกันเสียง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีโครงการไหนติดตั้งให้หรือเปล่าเพราะแพงเอาเรื่องอยู่
สุดท้าย น่าจะเริ่มต้นพิจารณาจากพฤติกรรมการอยู่อาศัยในคอนโดฯ ถ้าเป็นคนรุ่นใหม่ ใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงาน กลับบ้าน 3-4 ทุ่ม อาบน้ำนอน น่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
แต่ถ้าเป็นผู้อยู่อาศัยตอนกลางวัน หรือเกือบจะทั้งวัน ก็อาจจะได้ยินเสียงบ้าง กลุ่มนี้สิ่งที่ต้องทำคือเริ่มต้นจากทำใจค่ะ