สวัสดีครับ ผมทำวีซ่าประเภท F-1 สำหรับเรียนต่อครับ ได้อ่านข้อมูลในพันทิพย์นี้ เลยอยากมาเล่าให้ฟังคร่าวๆตั้งแต่ต้นเลยครับ
ขั้นแรกคือผมศึกษาเข้าข้อมูลการทำวีซ่าจากเวบไซด์สถานทูต(รายละเอียดเยอะอ่านไม่เข้าใจทั้งหมด) โทรไปบ้าง (แต่เค้าไม่บอก บอกแต่ให้ไปอ่านในเวบ ถ้าไม่เข้าใจให้อีเมลมาถามเค้า) อ่านจากในพันทิพย์บ้าง(อ่านอันนี้เข้าใจมากที่สุดครับ 555)
ขั้นแรกคือต้องเข้าไปเปิด USERNAME ในเวบไซด์สถานทูตเพื่อกรอกรายละเอียดผ่านทางออนไลน์ เรียกว่าแบบฟอร์ม DS-160 ผมใช้เวลากรอกเป็นชั่วโมงเนื่องจากถามเยอะและละเอียดมากๆครับ แต่ถ้ากรอกตรงนี้ครบถ้วนไม่ผิด ตอนสัมภาษณ์ก็จะผ่านไปได้ไม่ยากครับ กรอกเสร็จเค้าจะให้เราปริ๊น confirmation page เก็บไว้ครับ
ขั้นสองคือต้องไปจ่าย VISA Fee และ SEVIS Fee 160$ ,200$ โดยเราจะจ่าย VISA Fee กรุงศรี รหัสที่ใช้ในการจ่ายจะได้ตอนที่เรากรอกฟอร์ม DS-160 ครบแล้ว หน้าท้ายๆเค้าจะบอกเลขมา ให้เราปริ๊นเอาเลขไปให้เจ้าหน้าที่แบงค์ครับ
ส่วน SEVIS Fee จ่ายผ่านบัตรเครดิต ออนไลน์ในเวบไซด์ครับ
ขั้นสาม เมื่อจ่ายแล้ว ให้รอ1-2วัน (ไม่นับเสาร์อาทิตย์นะ) จะมีเมลมาแจ้งว่าเราสามารถนัดวันสัมภาษณ์ได้ครับ
**ตรงนี้ขอให้เผื่อเวลาไว้ล่วงหน้านะครับ เพราะผมกรอก DS-160 ,จ่าย Fee วันที่ 3 แต่คิวสัมภาษณ์ผมได้เร็วที่สุดวันที่ 21 เลยครับ
เมื่อถึงวันสัมภาษณ์ก็ไปสถานทูตกันครับ วิธีที่ผมไปคือนั่ง BTS ลงสถานีเพลินจิต จากนั้นก็เดิน หรือนั่งมอไซด์เข้าถนนวิทยุไปที่สถานทูตครับ
-ผมนัดสัมภาษณ์ตอน 9.00น. เค้าแนะนำให้ไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ผมไปถึง 9.05น. -->สรุปคือไปสายกว่าที่เค้านัดได้นิดหน่อยแต่ไม่ควร เพราะเค้าจะเรียกเป็นรอบๆ เช่น รอบ 8.00-10.00น. ให้เข้ากลุ่มเดียวกัน แต่ถ้าไปเร็วเราก็เสร็จเร็วนั่นเองครับ
-มาถึงก็เข้าแถวเพื่อตรวจสัมภาระก่อนเข้าไปข้างใน ได้ความว่า.... -->กระเป๋าเอาเข้าไปได้ มือถือเอาเข้าไปได้ 1 เครื่อง ถ้าเกินกว่านั้นต้องไปหาที่ฝากของตึกใกล้ๆสถานทูต หรือจะหาฝากที่อื่นก็แล้วแต่เทคนิคแต่ละคนครับ ไอแพดใหญ่ๆเค้าไม่ให้เอาเข้าไปนะครับ อุปกรณ์อิเล็กโทรนิคอื่นๆ พาวเวอร์แบงค์ กล้อง สิ่งของมีคม หมวกกันน๊อค ฯลฯ ห้ามเอาเข้าไป เค้ามีบอกข้อกำหนดของที่เอาเข้าได้ในเว็บสถานทูตครับ
วันนั้นผมเอาไปแค่ซองเอกสาร น้ำยาหยอดตา ใส่ในย่ามโปร่งๆ 1 ใบครับ เข้าไปก็ผ่านฉลุย
ปล.ตอนฝากมือถือ เค้าให้เอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ติดไปด้วยนะครับ
-เข้าไปปุ๊ป ก็เดินตามทางไปถึงม้านั่ง จุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเป็นรอบๆ ถ้ายังไม่ถึงก็นั่งรอแต่ถ้าถึงแล้วหรือเลยรอบแล้วก็ไปต่อแถวรับเลข EMS ได้เลยครับ
-พอรับเลข EMS แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง ให้ไปต่อแถวสแกนลายนิ้วมือ10นิ้วก่อนสำหรับคนมาครั้งแรก ที่ช่อง 11-15 จากนั้นก็ไปต่อแถวที่ช่อง 10 เพื่อยืนยันลายนิ้วมือและเอกสารก่อนสัมภาษณ์ ในห้องนั้นมีตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติด้วยนะครับ เผื่อใครนำรูปมาผิดก็ถ่ายในนั้นได้
-จากนั้นก็ไปต่อแถวที่ช่อง 5-9 เพื่อสัมภาษณ์กับฝรั่งครับ --> เค้าจะพูดไทยก่อน แต่ถ้าคุณพูดอังกฤษกับเค้าได้ผมคิดว่าการสัมภาษณ์จะเร็วขึ้นครับ
ปล.ผมใช้เวลารอคิวทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30นาที สัมภาษณ์ 5 นาที ผ่านเลยครับ ><' เอกสารผมเตรียมไปตั้งเยอะแยะ ไม่ขออะไรเลย เค้าแค่เอาเท่าที่เค้าต้องเก็บประจำครับ
เอกสารที่ผมเตรียมไปจะแบ่งเป็น 2 ส่วน มีดังนี้ครับ
1.ส่วนที่ต้องใช้แน่ๆ
-Passport ปัจจุบัน , I-20, ใบเสร็จ Visa Fee, ใบเสร็จ SEVIS Fee, ใบ confirmation page, ใบนัดสัมภาษณ์
2.ส่วนเสริม
-Passport เล่มเก่าๆที่เคยไปประเทศใหญ่ๆ เช่นยุโรป ญี่ปุ่น ถ้าเคยไปอเมริกาด้วยยิ่งดีครับ
-รูป 2*2 นิ้ว เปิดหู ฉากหลังขาว ไม่เกิน 6 เดือน
-ใบรับรองนักศึกษาจากมหาลัย
-Transcript
-หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทปัจจุบัน (จะระบุเงินเดือนด้วยหรือไม่ก็ได้ครับ)
-หนังสือรับรองการเงินจากครอบครัวหรือสปอนเซอร์ที่ส่งเราไปเรียนอเมริกา
-ใบส.ด.8 (ตอนแรกตั้งใจจะเอาไปด้วย แต่ผมหาไม่เจอ ><')
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-รายละเอียดหอพักที่อเมริกา ถ้าระบุวันที่เข้าอยู่ได้ก็จะดีไม่ได้ไม่เป็นไรครับ
-รายละเอียดวันที่เดินทาง
รายละเอียดที่เค้าถามก็เช่น
-ไปเรียนที่ไหน $%^&*
-ตั้งใจจะไปเมื่อไหร่ $$%^&^
-ใครเป็นคนจ่ายค่าเรียนให้ ที่บ้าน ที่บ้านทำอะไร #$%&*(
“เรียบร้อยครับ วีซ่าคุณได้รับการอนุมัติแล้ว จะส่งไปให้ภายใน 2วันทำการนะครับ”
หลังจากนั้นผมก็เดินออกกลับบ้านเลยครับ
**ตอนสัมภาษณ์แนะนำว่าให้สบตาเค้าตอนพูดนะครับ พูดด้วยความมั่นใจ และตอบให้ตรงกับที่เราเคยกรอกใน DS-160 ไปครับ ถ้าจำไม่ได้ว่ากรอกอะไรไปบ้าง ตอนกรอก DS-160 เสร็จก็ปริ๊นรายละเอียดเก็บไว้ได้ครับ
อีกสองวันเค้าส่ง Passport + I-20 มาให้ที่บ้านเป็นอันเรียบร้อยครับ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะทำวีซ่า แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงนะครับ ถ้ามีตกหล่นตรงไหนก็คอมเม้นมาได้ครับ ^^
แชร์รายละเอียดการทำวีซ่าอเมริกาครับ (F-1)
ขั้นแรกคือผมศึกษาเข้าข้อมูลการทำวีซ่าจากเวบไซด์สถานทูต(รายละเอียดเยอะอ่านไม่เข้าใจทั้งหมด) โทรไปบ้าง (แต่เค้าไม่บอก บอกแต่ให้ไปอ่านในเวบ ถ้าไม่เข้าใจให้อีเมลมาถามเค้า) อ่านจากในพันทิพย์บ้าง(อ่านอันนี้เข้าใจมากที่สุดครับ 555)
ขั้นแรกคือต้องเข้าไปเปิด USERNAME ในเวบไซด์สถานทูตเพื่อกรอกรายละเอียดผ่านทางออนไลน์ เรียกว่าแบบฟอร์ม DS-160 ผมใช้เวลากรอกเป็นชั่วโมงเนื่องจากถามเยอะและละเอียดมากๆครับ แต่ถ้ากรอกตรงนี้ครบถ้วนไม่ผิด ตอนสัมภาษณ์ก็จะผ่านไปได้ไม่ยากครับ กรอกเสร็จเค้าจะให้เราปริ๊น confirmation page เก็บไว้ครับ
ขั้นสองคือต้องไปจ่าย VISA Fee และ SEVIS Fee 160$ ,200$ โดยเราจะจ่าย VISA Fee กรุงศรี รหัสที่ใช้ในการจ่ายจะได้ตอนที่เรากรอกฟอร์ม DS-160 ครบแล้ว หน้าท้ายๆเค้าจะบอกเลขมา ให้เราปริ๊นเอาเลขไปให้เจ้าหน้าที่แบงค์ครับ
ส่วน SEVIS Fee จ่ายผ่านบัตรเครดิต ออนไลน์ในเวบไซด์ครับ
ขั้นสาม เมื่อจ่ายแล้ว ให้รอ1-2วัน (ไม่นับเสาร์อาทิตย์นะ) จะมีเมลมาแจ้งว่าเราสามารถนัดวันสัมภาษณ์ได้ครับ
**ตรงนี้ขอให้เผื่อเวลาไว้ล่วงหน้านะครับ เพราะผมกรอก DS-160 ,จ่าย Fee วันที่ 3 แต่คิวสัมภาษณ์ผมได้เร็วที่สุดวันที่ 21 เลยครับ
เมื่อถึงวันสัมภาษณ์ก็ไปสถานทูตกันครับ วิธีที่ผมไปคือนั่ง BTS ลงสถานีเพลินจิต จากนั้นก็เดิน หรือนั่งมอไซด์เข้าถนนวิทยุไปที่สถานทูตครับ
-ผมนัดสัมภาษณ์ตอน 9.00น. เค้าแนะนำให้ไปก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง แต่ผมไปถึง 9.05น. -->สรุปคือไปสายกว่าที่เค้านัดได้นิดหน่อยแต่ไม่ควร เพราะเค้าจะเรียกเป็นรอบๆ เช่น รอบ 8.00-10.00น. ให้เข้ากลุ่มเดียวกัน แต่ถ้าไปเร็วเราก็เสร็จเร็วนั่นเองครับ
-มาถึงก็เข้าแถวเพื่อตรวจสัมภาระก่อนเข้าไปข้างใน ได้ความว่า.... -->กระเป๋าเอาเข้าไปได้ มือถือเอาเข้าไปได้ 1 เครื่อง ถ้าเกินกว่านั้นต้องไปหาที่ฝากของตึกใกล้ๆสถานทูต หรือจะหาฝากที่อื่นก็แล้วแต่เทคนิคแต่ละคนครับ ไอแพดใหญ่ๆเค้าไม่ให้เอาเข้าไปนะครับ อุปกรณ์อิเล็กโทรนิคอื่นๆ พาวเวอร์แบงค์ กล้อง สิ่งของมีคม หมวกกันน๊อค ฯลฯ ห้ามเอาเข้าไป เค้ามีบอกข้อกำหนดของที่เอาเข้าได้ในเว็บสถานทูตครับ
วันนั้นผมเอาไปแค่ซองเอกสาร น้ำยาหยอดตา ใส่ในย่ามโปร่งๆ 1 ใบครับ เข้าไปก็ผ่านฉลุย
ปล.ตอนฝากมือถือ เค้าให้เอาบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ติดไปด้วยนะครับ
-เข้าไปปุ๊ป ก็เดินตามทางไปถึงม้านั่ง จุดนี้จะมีเจ้าหน้าที่เรียกเข้าไปเป็นรอบๆ ถ้ายังไม่ถึงก็นั่งรอแต่ถ้าถึงแล้วหรือเลยรอบแล้วก็ไปต่อแถวรับเลข EMS ได้เลยครับ
-พอรับเลข EMS แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง ให้ไปต่อแถวสแกนลายนิ้วมือ10นิ้วก่อนสำหรับคนมาครั้งแรก ที่ช่อง 11-15 จากนั้นก็ไปต่อแถวที่ช่อง 10 เพื่อยืนยันลายนิ้วมือและเอกสารก่อนสัมภาษณ์ ในห้องนั้นมีตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติด้วยนะครับ เผื่อใครนำรูปมาผิดก็ถ่ายในนั้นได้
-จากนั้นก็ไปต่อแถวที่ช่อง 5-9 เพื่อสัมภาษณ์กับฝรั่งครับ --> เค้าจะพูดไทยก่อน แต่ถ้าคุณพูดอังกฤษกับเค้าได้ผมคิดว่าการสัมภาษณ์จะเร็วขึ้นครับ
ปล.ผมใช้เวลารอคิวทั้งหมด 1 ชั่วโมง 30นาที สัมภาษณ์ 5 นาที ผ่านเลยครับ ><' เอกสารผมเตรียมไปตั้งเยอะแยะ ไม่ขออะไรเลย เค้าแค่เอาเท่าที่เค้าต้องเก็บประจำครับ
เอกสารที่ผมเตรียมไปจะแบ่งเป็น 2 ส่วน มีดังนี้ครับ
1.ส่วนที่ต้องใช้แน่ๆ
-Passport ปัจจุบัน , I-20, ใบเสร็จ Visa Fee, ใบเสร็จ SEVIS Fee, ใบ confirmation page, ใบนัดสัมภาษณ์
2.ส่วนเสริม
-Passport เล่มเก่าๆที่เคยไปประเทศใหญ่ๆ เช่นยุโรป ญี่ปุ่น ถ้าเคยไปอเมริกาด้วยยิ่งดีครับ
-รูป 2*2 นิ้ว เปิดหู ฉากหลังขาว ไม่เกิน 6 เดือน
-ใบรับรองนักศึกษาจากมหาลัย
-Transcript
-หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทปัจจุบัน (จะระบุเงินเดือนด้วยหรือไม่ก็ได้ครับ)
-หนังสือรับรองการเงินจากครอบครัวหรือสปอนเซอร์ที่ส่งเราไปเรียนอเมริกา
-ใบส.ด.8 (ตอนแรกตั้งใจจะเอาไปด้วย แต่ผมหาไม่เจอ ><')
-สำเนาทะเบียนบ้าน
-รายละเอียดหอพักที่อเมริกา ถ้าระบุวันที่เข้าอยู่ได้ก็จะดีไม่ได้ไม่เป็นไรครับ
-รายละเอียดวันที่เดินทาง
รายละเอียดที่เค้าถามก็เช่น
-ไปเรียนที่ไหน $%^&*
-ตั้งใจจะไปเมื่อไหร่ $$%^&^
-ใครเป็นคนจ่ายค่าเรียนให้ ที่บ้าน ที่บ้านทำอะไร #$%&*(
“เรียบร้อยครับ วีซ่าคุณได้รับการอนุมัติแล้ว จะส่งไปให้ภายใน 2วันทำการนะครับ”
หลังจากนั้นผมก็เดินออกกลับบ้านเลยครับ
**ตอนสัมภาษณ์แนะนำว่าให้สบตาเค้าตอนพูดนะครับ พูดด้วยความมั่นใจ และตอบให้ตรงกับที่เราเคยกรอกใน DS-160 ไปครับ ถ้าจำไม่ได้ว่ากรอกอะไรไปบ้าง ตอนกรอก DS-160 เสร็จก็ปริ๊นรายละเอียดเก็บไว้ได้ครับ
อีกสองวันเค้าส่ง Passport + I-20 มาให้ที่บ้านเป็นอันเรียบร้อยครับ
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังจะทำวีซ่า แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงนะครับ ถ้ามีตกหล่นตรงไหนก็คอมเม้นมาได้ครับ ^^