ส่วนอาหารว่างและเครื่องดื่ม ใช้บริการได้ที่ Sunset bar และ Bonthi bar ครับ แต่ต้องถามดีๆ นะครับ ว่าเมนูไหนฟรีสำหรับ AIP บ้าง เพราะจะมีบางอย่างที่ถ้าสั่งแล้วต้องเสียเงินเพิ่มครับ ห้องอาหารทุกห้องและ Reception เป็น open air พื้นทรายครับ เป็นธรรมชาติมาก พนักงานทุกคนที่นี่อัธยาศัยดีมากครับ
ที่พักเราเป็น Jacuzzi Water Villa ครับ ฝั่ง Water Villa นี้สำหรับ Adult Only ค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัวครับ เนื่องจากเค้าแยก zone ชัดเจน สระว่ายน้ำและห้องอาหารก็จะไม่มีเด็กวิ่งเล่น เหมาะสำหรับการ Honeymoon เลยครับ สระว่ายน้ำมองออกไปเห็นทะเล ว่ายๆ ไป มีนกบินมาเกาะขอบสระ สั่ง drinks มานั่งดื่มข้างสระได้รวมอยู่ใน AIP แล้ว ผ่อนคลายมากครับ
Baby Shark ว่ายน้ำเล่นกันตรงหาดครับ น่ารักมาก มีทั้งฝั่ง Water Villa และหน้า Asian Wok อีกฝั่ง แต่ปะการังด้าน water villa นี้จะไม่สวยเท่าด้าน beach villa ครับ พอบ่ายๆ น้ำขึ้น เราก็จะเดินไป snorkel กันที่ beach villa ตลอด ใครที่อยาก Scuba ก็ติดต่อที่ Diving center ได้เลยครับ
สำหรับอุปกรณ์ดำน้ำ แนะนำให้เตรียมไปเองเลยครับทั้ง Mask, Snorkel, Fin ราคาเช่าที่นู่นจะอยู่ที่ 9 USD/วันครับ เราไปหลายวันจึงซื้อไปเองเลย อยากลงน้ำเมื่อไรก็คว้าอุปกรณ์พร้อมกล้องลงได้เลยครับ
[CR] Maldives : Heaven on Earth @Vilamendhoo Island Resort & Spa สวรรค์ของคนรักการดำน้ำ
เราได้ช่วยกันหาข้อมูลที่พัก โดยมีโจทย์คือ
1. ได้นั่ง Seaplane
2. เป็น House Reef คือ มีจุด snorkel รอบๆ resort สวย ปะการังเยอะ โดยไม่ต้องนั่งเรือออกไปเพื่อ snorkel สามารถดำน้ำออกจากชายหาดของ resort ได้เลย รวมทั้งมีกิจกรรมเยอะ (Resort ที่ Maldives ไม่ใช่ทุกที่ที่เป็น House Reef สวยๆ มีจุดให้ snorkel จากชายหาดของ resort ได้เลย เพราะปะการังรอบ resort เยอะ สัตว์น้ำจึงเยอะ และหลากหลายมาก)
3. ราคาที่พักรวมตั๋วเครื่องบิน ไม่เกินงบที่ตั้งไว้
เราได้หาข้อมูลอย่างหนักหน่วงผ่าน Tripadvisor, Review ของเพื่อนๆ ใน Blue Planet รวมถึงเดินหาข้อมูลในงานท่องเที่ยวประจำปีที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แต่งานที่ไปไม่มีโรงแรมไหนตอบโจทย์เลย สุดท้ายเจอ facebook page: Maldives Experts ซึ่งให้ข้อมูลเราดีมากครับ เราติดกับตั้งแต่ครั้งแรกที่โทรคุยเลย และราคาที่ได้ก็ถูกกว่าราคาใน Agoda.com/Hotels.com/Booking.com รวมถึงราคาจาก website ของโรงแรมเอง
ราคา All Inclusive Plus สำหรับห้องแบบ Jacuzzi Water Villa รวม 5 วัน 4 คืน อยู่ที่ 58,500 บาท/คนครับ เราไปกันกลางมิถุนายน 2015 ราคาจึงถูกกว่าเดือนอื่นหน่อย เพราะเป็นหน้าฝน Low season จากการ Review ข้อมูลของเรา ส่วนมากฝนที่ Maldives จะตกไม่นาน ไม่ถึงขั้นเป็นมรสุม และข้อดีคือเป็นช่วงที่ธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ และเราว่างกันช่วงนี้ เราจึงตัดสินใจไปกัน
สำหรับตั๋วเครื่องบิน เราจองเองในงานเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เลือก Bangkok Airways เนื่องจากไม่ต้องพักเครื่องและบินช่วงกลางวัน ไปกลับอยู่ที่คนละ 16,310 บาทครับ (จอง 4 เดือนล่วงหน้า ราคาจึงลดไม่มาก)
ก่อนบินทาง Maldives Experts โทรมา brief กับเราคร่าวๆ ว่าไปถึงต้องทำอะไรยังไงบ้างครับ ที่สุวรรณภูมิ เราสามารถไปนั่งกินของว่างได้ที่ Lounge ของ Bangkok Airways ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 20 นาที เราไปถึงสนามบิน Ibrahim Nasir- Male’ ช่วงเที่ยง แล้วต่อ seaplane ไป resort ได้เลยครับ ถึงสนามบินแล้วก็ไปติดต่อ counter ของ Vilamendhoo ในสนามบินซึ่งอยู่ที่ counter 59 ครับ แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะพาเรานั่งรถไปขึ้น seaplane โดยบินกับ Trans Maldivian airways (ราคารวมอยู่ใน AIP package แล้ว ไม่ได้จ่ายเพิ่มครับ) seaplane จุผู้โดยสารได้ 14 คนพอดี ขึ้นราบรื่น ลงราบรื่น ไม่มีแอร์ เสียงดังสามารถขอ ear plugs ได้ครับ
Vilamendhoo resort ตั้งอยู่ที่ South Ari atoll ห่างจากสนามบิน 87 km บิน 30 นาทีก็ถึงครับ เวลาที่ Maldives จะช้ากว่าที่ไทย 2 ชั่วโมงครับ
ไปถึงที่พัก check-in แล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะพาเดินไปส่งที่ห้อง แลกเงินใบย่อยๆ ไปไว้ tip ด้วยนะครับ เพราะพี่แกจะยืนรอ ไม่ออกจากห้องเลย ถ้าไปถึงวันแรกยังไม่ทันได้ใช้เงินอะไร มีแต่แบงค์ใหญ่ๆ ก็ไม่รู้จะบอกเค้ายังไงเหมือนกันครับ อันนี้เราทราบเพราะมีคนเตือนไว้ใน Tripadvisor แล้วครับ 55
มาดูภายในห้องพักกันครับ ภายในห้องพักมี mini bar ซึ่งรวมอยู่ใน AIP แล้ว (ดื่มได้ทุกอย่าง ยกเว้นขนมและน้ำส้มครับ) มีอ่าง Jacuzzi ด้านหลังห้อง ด้านหลังเปิดประตูออกไปแล้ว snorkel ได้เลยครับ เช้าๆ มาก็จะมีคุณ Stingray และปูมาทักทายเกือบทุกวัน
วันแรก เราก็ชิลล์ๆ snorkel รอบเกาะ สำรวจ resort
สำหรับ All Inclusive Plus (AIP) package นี้จะรวมอาหารและเครื่องดื่มทุกมื้อ รวมถึงของว่างตลอด 24 ชั่วโมง และกิจกรรมหลายๆ อย่างไว้ด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็น
-Sunset Punch Cruise ซึ่งพาเรานั่งเรือชมพระอาทิตย์ตก ซึ่งโชคดีได้ดูปลาโลมาด้วย
-พายเรือ Kayak ฟรีวันละ 1 ชั่วโมง
-Windsurf Lesson ฟรี 30 นาที แต่อันนี้ต้องไปจองล่วงหน้าหลายวันเลยครับ เนื่องจากวันนึงเค้าสอนได้เฉพาะช่วงบ่ายที่น้ำขึ้นเท่านั้น จึงสอนได้จำกัดจำนวนคนต่อวัน แนะนำให้ไปจองตั้งแต่วันแรกที่ไปถึงเลยครับ เราจองช้าไป คิวเต็มหมด เลยอดครับ ☹
-นวดผ่อนคลายฟรีคนละ 15 นาที ซึ่งสามารถ upgrade เป็นนวดเต็ม 1 ชั่วโมงในราคาลดเหลือ 79 USD (จากราคาเต็ม 88 USD)
-Fitness ใช้บริการฟรีครับ
ไปลองใช้บริการนวดดูครับ
นวดเสร็จมีเตียงให้นอนพักด้านนอก พร้อมกับน้ำขิงร้อนครับ
ห้องอาหารที่เราใช้บริการประจำคือ Ahima restaurant อาหารเป็น Buffet ค่อนข้างหลากหลาย แต่ไม่เน้นอาหารทะเลครับ (ยกเว้นปลา อันนี้มีทุกวัน) คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเค้าอยากอนุรักษ์ธรรมชาติ
ส่วนอาหารว่างและเครื่องดื่ม ใช้บริการได้ที่ Sunset bar และ Bonthi bar ครับ แต่ต้องถามดีๆ นะครับ ว่าเมนูไหนฟรีสำหรับ AIP บ้าง เพราะจะมีบางอย่างที่ถ้าสั่งแล้วต้องเสียเงินเพิ่มครับ ห้องอาหารทุกห้องและ Reception เป็น open air พื้นทรายครับ เป็นธรรมชาติมาก พนักงานทุกคนที่นี่อัธยาศัยดีมากครับ
ที่พักเราเป็น Jacuzzi Water Villa ครับ ฝั่ง Water Villa นี้สำหรับ Adult Only ค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัวครับ เนื่องจากเค้าแยก zone ชัดเจน สระว่ายน้ำและห้องอาหารก็จะไม่มีเด็กวิ่งเล่น เหมาะสำหรับการ Honeymoon เลยครับ สระว่ายน้ำมองออกไปเห็นทะเล ว่ายๆ ไป มีนกบินมาเกาะขอบสระ สั่ง drinks มานั่งดื่มข้างสระได้รวมอยู่ใน AIP แล้ว ผ่อนคลายมากครับ
Baby Shark ว่ายน้ำเล่นกันตรงหาดครับ น่ารักมาก มีทั้งฝั่ง Water Villa และหน้า Asian Wok อีกฝั่ง แต่ปะการังด้าน water villa นี้จะไม่สวยเท่าด้าน beach villa ครับ พอบ่ายๆ น้ำขึ้น เราก็จะเดินไป snorkel กันที่ beach villa ตลอด ใครที่อยาก Scuba ก็ติดต่อที่ Diving center ได้เลยครับ
สำหรับอุปกรณ์ดำน้ำ แนะนำให้เตรียมไปเองเลยครับทั้ง Mask, Snorkel, Fin ราคาเช่าที่นู่นจะอยู่ที่ 9 USD/วันครับ เราไปหลายวันจึงซื้อไปเองเลย อยากลงน้ำเมื่อไรก็คว้าอุปกรณ์พร้อมกล้องลงได้เลยครับ
Resort ที่นี่ สามารถเดินเท้าเปล่าได้เลยครับ ทรายนุ่ม และคนที่นี่รวมถึงนักท่องเที่ยวหลายคนก็เดินเท้าเปล่ากัน แฟนผมเตรียมรองเท้าส้นสูงมา เดินทรายลำบากเลยครับ คุณเธอเลยเปลี่ยนไปเดินเท้าเปล่าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ 55
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น