ขออนุญาตสอบถามเรื่องสินเชื่อบ้านแลกเงินครับ (ขอขอบคุณทุกคำตอบและทุกคำแนะนำล่วงหน้าครับ)
ขออธิบายคร่าวๆก่อนนะครับ ผมมีโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านชั้นเดียวอยู่ที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ดูภายนอกแล้วเป็นบ้านหลังเดียว แต่จริงๆแล้วบ้านหลังนี้เป็นที่ดิน 2 ผืนต่อเติมทำทะลุติดกันเป็นหลังเดียว (มีโฉนด 2 โฉนด) ที่ดิน 2 โฉนดนี้ มีโฉนดหนึ่งเป็นชื่อผม และ อีกโฉนดหนึ่งเป็นชื่อพ่อของผม และโฉนดทั้ง 2 นี้ติดสัญญาขายฝากกับเอกชนตั้งแต่ปี 2556 เป็นจำนวนโฉนดละ 150,000 บาท รวมเป็น 300,000 บาท (ผ่อนดอกเบี้ยขายฝากปีละ 45,000 บาท)
เดือนธันวาคม 2557 ผมต้องการเคลียโฉนดที่ติดขายฝากกับเอกชนเพื่อจะได้นำเงินมาทำให้หนี้สินที่เป็นนอกระบบให้อยู่ในระบบ และต้องการนำเงินส่วนหนึ่งมาทำธุรกิจ ผมจึงได้ยื่นทำสินเชื่อกับธนาคารไทยภาณิชย์ ซึ่งในตอนที่ยื่นกู้ผมได้ยื่นในนามพนักงานประจำที่ฟิตเนสที่มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาท และมีรายได้พิเศษอื่นๆจากการขายอุปกรณ์และอาหารเสริมอีกประมาณ 7,000 - 15,000 บาทต่อเดือน ที่ดิน 2 โฉนดนี้ทางธนาคารประเมินได้โฉนดละ 600,000 บาท รวมเป็น 1,200,000 บาท ผมทำเรื่องขอกู้ไป 80% ของราคาประเมิน แต่ทางธนาคารไม่สามารถอนุมัติให้ได้เนื่องจากผมไม่เคยเป็นหนี้ (เครดิสเป็น U) ทางธนาคารเค้าแจ้งมาแบบนี้นะครับ
ผมได้รับคำแนะนำจากธนาคารต่างๆที่แนะนำในแนวทางเดียวกันว่า ให้ทำบัตรเครดิส หรือสินเชื่อส่วนบุคคล หรืออะไรก็ได้ให้เป็นหนี้ก่อนสักก้อนและใช้เงินสักส่วนหนึ่ง ต่อจากนั้นผ่อนชำระให้ตรงอย่างน้อย 3 รอบบิลล์ เพื่อจะได้ปรับสถาภาพเครดิสของผมให้ดีขึ้น
ในเดือน พฤษภาคม 2558 ผมได้รับอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคาร ธนชาต เป็นจำนวน 25,000 บาท ผ่อนชำระแบบขั้นต่ำเดือนละ 750 บาท ซึ่งผมได้ชำระมาแล้วเป็นจำนวน 3 รอบบิลล์ดังที่ได้รับคำแนะนำมา
หน้าที่การงานของผมตอนนี้ผมเป็นหุ้นส่วน 25% ของฟิตเนสแห่งในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และจัดจำหน่ายอุปกรณ์และอาหารเสริมต่างๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายและกีฬาเพาะกาย (เวย์โปรตีน , อุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ) จากเดิมผมเป็นพนักงานที่ฟิตเนสแห่งนี้มาก่อนประมาณ 2ปี (ฟิตเนสแห่งนี้เปิดมาแล้วเป็นเวลา 9ปี) และได้รับโอกาสทำธุรกิจต่อกับรุ่นพี่อีก 3คน โดยได้เข้ารับช่วงทำธุรกิจฟิตเนสแห่งนี้ต่อในชื่อเดิมเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 และต่อมาจึงเกิดความคิดที่จะระดมทุนเพื่อพัฒนา นำอุปกรณ์ใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนฟิตเนสให้ดีขึ้นภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ที่เป็นของทุกคนที่ลงทุน(ฐานลูกค้าเดิม) ในเดือน ตุลาคม 2557
ผมจะยื่นขอทำสินเชื่อใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะยื่นในนามของเจ้าของธุรกิจ โดยมีเอกสารต่างๆ ดังนี้
1. หนังสือสัญญาเช่าซื้อกิจการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.1.1. ทางผมและหุ้นส่วนได้รับการยินยอมจากเจ้าของฟิตเนสคนเก่าโอนสิทธิ์ในการเช่าพื้นที่ประกอบกิจการและอุปกรณ์ทั้งหมด(ทรัพย์สินและสินทรัพย์ทั้งหมดภายในฟิตเนส) เพื่อบริหารจัดการฟิตเนสดังกล่าวตั้งแต่เดือน เมษายน 2557 (ใช้ชื่อกิจการเดิม แต่ผมและหุ้นส่วนเป็นผู้บริหารจัดการ แต่บิลค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ยังเป็นของเจ้าของกิจการคนเดิมอยู่)
1.1.2. เจ้าของกิจการคนเก่ายินยอมให้ผมเปลี่ยนชื่อกิจการ จากชื่อเดิมเป็นชื่อใหม่ในเดือน ตุลาคม 2557 เพื่อปรับปรุงและเพิ่มเติมอุปกรณ์พัฒนากิจการให้ดียิ่งขึ้น
1.1.3. ทางเจ้าของเดิมได้เป็นหนี้ในการเช่าพื้นที่ประกอบกิจการกับทางห้างสรรพสินค้าที่ได้ทำการเช่าเพื่อประกอบกิจการเป็นจำนวน 350,000 บาท ข้อตกลงในการเช่าซื้อกิจการของทั้งฝ่ายคือ ผมและหุ้นส่วนจะต้องทำการชำระยอดหนี้สินของเจ้าของเก่าดังกล่าว ผมและทางหุ้นส่วนเลยได้ตกลงกับทางห้าง(ผู้ให้เช่าพื้นที่ประกอบกิจการ) ว่าจะทำการผ่อนชำระหนี้สินของเจ้าของคนเก่าพร้อมกับจ่ายค่าเช่ารายเดือนนั้นๆไปพร้อมๆกัน(บิลยังเป็นชื่อของเจ้าของคนเก่าอยู่ แต่ผมเป็นผู้รับผิดชอบ) โดยเริ่มผ่อนชำระหนี้สินดังกล่าวตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2557 จนถึงเดือน กรกฎาคม 2558 รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 300,000 บาท ยอดคงเหลือทั้งหมด 50,000 บาท
1.1.4. จากยอดคงเหลือทั้งหมด 50,000 บาท ผมและหุ้นส่วนจะชำระยอดคงเหลือทั้งหมดดังกล่าวในเดือน สิงหาคม 2558 พร้อมกับทำสัญญาเช่าพื้นที่ใหม่กับทางห้างโดยมีค่าทำสัญญาและอื่นๆ เป็นจำนวน 150,000 บาท
2. สัญญาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น โดยมีรายละเอียดต่างๆ อาทิเช่น วันและเวลาในการทสัญญา (ธันวาคม 2557) , จำนวนเงินในการลงทุนต่อกิจการของหุ้นส่วนแต่ละคน , วันเวลาที่หุ้นส่วนแต่ละคนที่ได้นำมาลงทุน(ตุลาคม 2557) , ข้อตกลงอื่นๆ
3. สัญญาเช่าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการกับทางห้างสรรพสินค้าซึ่งจะทำกันในวันที่ 1 สิงหาคม 2558 นี้
อธิบายกันมายาวขอเข้าคำถามเลยนะครับ
1. ผมอยากจะทราบว่ามีธนาคารไหนบ้างที่จะรับพิจารณาสินเชื่อบ้านแลกเงินในกรณีที่บ้านติดสัญญาขายฝากกับเอกชนบ้างครับ
2. ตัวผมและธุรกิจของผมอยู่ที่จังหวัด เชียงใหม่ ส่วนโฉลดที่จะทำสินเชื่ออยู่ที่จังหวัด สมุทรปราการ ผมอยากทราบว่าถ้าจะยื่นเรื่องกู้ ควรจะยื่นที่ธนาคารในจังหวัดอะไร เขตไหน เพราะผมเคยได้ยินมาว่าถ้าต่างเขตยิ่งเป็นต่างจังหวัดกันแล้ว ทางธนาคารที่รับเรื่องเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจหรือสนใจที่จะรับเรื่องของเราเลย ประมาณว่าไม่ได้ค่าคอม
3. ผมอยากจะทราบว่าเอกสารและหนังสือต่างๆที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นเพียงพอหรือไม่ที่จะทำการยื่นเรื่องขอทำสินเชื่อ เพราะถ้าทำในนามเจ้าของกิจการ ต้องประกอบกิจการมาอย่างน้อย 1 ปี ตามที่หลายๆธนาคารระบุไว้ในเงื่อนไข ซึ่งผมมีหลักฐานเดียวที่สามารถอ้างอิงได้ว่าผมได้เริ่มประกอบกิจการนี้ต่อจากเจ้าของกิจการเดิมตั้งแต่เดือน เมษายน 2557 คือ หนังสือเช่าซื้อกิจการ ที่ผมได้อธิบายไว้ในข้อ 1.1.1. แต่ติดตรงที่ผมและหุ้นส่วนเป็นคนบริหารจัดการแต่บิลที่ทางห้างออกให้ยังเป็นของเจ้าของกิจการคนเก่าอยู่
4. อยากขอคำแนะนำอื่นๆที่จะสามารถช่วยให้ผมเคลียปัญหาที่ผมหาทางออกไม่ได้มาหลายปี เงินส่วนหนึ่งผมจะเคลียหนี้ที่เป็นเหมือนนอกระบบให้อยู่ในระบบ และอีกส่วนจะนำมาขยายกิจการต่อเพื่ออนาคตของผม ขอบพระคุณทุกคำตอบและทุกคำอย่างสูงครับ
ขออนุญาตขอคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องสินเชื่อบ้านแลกเงินครับ
ขออธิบายคร่าวๆก่อนนะครับ ผมมีโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นบ้านชั้นเดียวอยู่ที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ดูภายนอกแล้วเป็นบ้านหลังเดียว แต่จริงๆแล้วบ้านหลังนี้เป็นที่ดิน 2 ผืนต่อเติมทำทะลุติดกันเป็นหลังเดียว (มีโฉนด 2 โฉนด) ที่ดิน 2 โฉนดนี้ มีโฉนดหนึ่งเป็นชื่อผม และ อีกโฉนดหนึ่งเป็นชื่อพ่อของผม และโฉนดทั้ง 2 นี้ติดสัญญาขายฝากกับเอกชนตั้งแต่ปี 2556 เป็นจำนวนโฉนดละ 150,000 บาท รวมเป็น 300,000 บาท (ผ่อนดอกเบี้ยขายฝากปีละ 45,000 บาท)
เดือนธันวาคม 2557 ผมต้องการเคลียโฉนดที่ติดขายฝากกับเอกชนเพื่อจะได้นำเงินมาทำให้หนี้สินที่เป็นนอกระบบให้อยู่ในระบบ และต้องการนำเงินส่วนหนึ่งมาทำธุรกิจ ผมจึงได้ยื่นทำสินเชื่อกับธนาคารไทยภาณิชย์ ซึ่งในตอนที่ยื่นกู้ผมได้ยื่นในนามพนักงานประจำที่ฟิตเนสที่มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาท และมีรายได้พิเศษอื่นๆจากการขายอุปกรณ์และอาหารเสริมอีกประมาณ 7,000 - 15,000 บาทต่อเดือน ที่ดิน 2 โฉนดนี้ทางธนาคารประเมินได้โฉนดละ 600,000 บาท รวมเป็น 1,200,000 บาท ผมทำเรื่องขอกู้ไป 80% ของราคาประเมิน แต่ทางธนาคารไม่สามารถอนุมัติให้ได้เนื่องจากผมไม่เคยเป็นหนี้ (เครดิสเป็น U) ทางธนาคารเค้าแจ้งมาแบบนี้นะครับ
ผมได้รับคำแนะนำจากธนาคารต่างๆที่แนะนำในแนวทางเดียวกันว่า ให้ทำบัตรเครดิส หรือสินเชื่อส่วนบุคคล หรืออะไรก็ได้ให้เป็นหนี้ก่อนสักก้อนและใช้เงินสักส่วนหนึ่ง ต่อจากนั้นผ่อนชำระให้ตรงอย่างน้อย 3 รอบบิลล์ เพื่อจะได้ปรับสถาภาพเครดิสของผมให้ดีขึ้น
ในเดือน พฤษภาคม 2558 ผมได้รับอนุมัติสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคาร ธนชาต เป็นจำนวน 25,000 บาท ผ่อนชำระแบบขั้นต่ำเดือนละ 750 บาท ซึ่งผมได้ชำระมาแล้วเป็นจำนวน 3 รอบบิลล์ดังที่ได้รับคำแนะนำมา
หน้าที่การงานของผมตอนนี้ผมเป็นหุ้นส่วน 25% ของฟิตเนสแห่งในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ และจัดจำหน่ายอุปกรณ์และอาหารเสริมต่างๆเกี่ยวกับการออกกำลังกายและกีฬาเพาะกาย (เวย์โปรตีน , อุปกรณ์ต่างๆ ฯลฯ) จากเดิมผมเป็นพนักงานที่ฟิตเนสแห่งนี้มาก่อนประมาณ 2ปี (ฟิตเนสแห่งนี้เปิดมาแล้วเป็นเวลา 9ปี) และได้รับโอกาสทำธุรกิจต่อกับรุ่นพี่อีก 3คน โดยได้เข้ารับช่วงทำธุรกิจฟิตเนสแห่งนี้ต่อในชื่อเดิมเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 และต่อมาจึงเกิดความคิดที่จะระดมทุนเพื่อพัฒนา นำอุปกรณ์ใหม่ๆเข้ามาเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนฟิตเนสให้ดีขึ้นภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ที่เป็นของทุกคนที่ลงทุน(ฐานลูกค้าเดิม) ในเดือน ตุลาคม 2557
ผมจะยื่นขอทำสินเชื่อใหม่อีกครั้ง แต่ครั้งนี้จะยื่นในนามของเจ้าของธุรกิจ โดยมีเอกสารต่างๆ ดังนี้
1. หนังสือสัญญาเช่าซื้อกิจการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.1.1. ทางผมและหุ้นส่วนได้รับการยินยอมจากเจ้าของฟิตเนสคนเก่าโอนสิทธิ์ในการเช่าพื้นที่ประกอบกิจการและอุปกรณ์ทั้งหมด(ทรัพย์สินและสินทรัพย์ทั้งหมดภายในฟิตเนส) เพื่อบริหารจัดการฟิตเนสดังกล่าวตั้งแต่เดือน เมษายน 2557 (ใช้ชื่อกิจการเดิม แต่ผมและหุ้นส่วนเป็นผู้บริหารจัดการ แต่บิลค่าใช้จ่ายในการเช่าพื้นที่ยังเป็นของเจ้าของกิจการคนเดิมอยู่)
1.1.2. เจ้าของกิจการคนเก่ายินยอมให้ผมเปลี่ยนชื่อกิจการ จากชื่อเดิมเป็นชื่อใหม่ในเดือน ตุลาคม 2557 เพื่อปรับปรุงและเพิ่มเติมอุปกรณ์พัฒนากิจการให้ดียิ่งขึ้น
1.1.3. ทางเจ้าของเดิมได้เป็นหนี้ในการเช่าพื้นที่ประกอบกิจการกับทางห้างสรรพสินค้าที่ได้ทำการเช่าเพื่อประกอบกิจการเป็นจำนวน 350,000 บาท ข้อตกลงในการเช่าซื้อกิจการของทั้งฝ่ายคือ ผมและหุ้นส่วนจะต้องทำการชำระยอดหนี้สินของเจ้าของเก่าดังกล่าว ผมและทางหุ้นส่วนเลยได้ตกลงกับทางห้าง(ผู้ให้เช่าพื้นที่ประกอบกิจการ) ว่าจะทำการผ่อนชำระหนี้สินของเจ้าของคนเก่าพร้อมกับจ่ายค่าเช่ารายเดือนนั้นๆไปพร้อมๆกัน(บิลยังเป็นชื่อของเจ้าของคนเก่าอยู่ แต่ผมเป็นผู้รับผิดชอบ) โดยเริ่มผ่อนชำระหนี้สินดังกล่าวตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2557 จนถึงเดือน กรกฎาคม 2558 รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวน 300,000 บาท ยอดคงเหลือทั้งหมด 50,000 บาท
1.1.4. จากยอดคงเหลือทั้งหมด 50,000 บาท ผมและหุ้นส่วนจะชำระยอดคงเหลือทั้งหมดดังกล่าวในเดือน สิงหาคม 2558 พร้อมกับทำสัญญาเช่าพื้นที่ใหม่กับทางห้างโดยมีค่าทำสัญญาและอื่นๆ เป็นจำนวน 150,000 บาท
2. สัญญาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น โดยมีรายละเอียดต่างๆ อาทิเช่น วันและเวลาในการทสัญญา (ธันวาคม 2557) , จำนวนเงินในการลงทุนต่อกิจการของหุ้นส่วนแต่ละคน , วันเวลาที่หุ้นส่วนแต่ละคนที่ได้นำมาลงทุน(ตุลาคม 2557) , ข้อตกลงอื่นๆ
3. สัญญาเช่าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการกับทางห้างสรรพสินค้าซึ่งจะทำกันในวันที่ 1 สิงหาคม 2558 นี้
อธิบายกันมายาวขอเข้าคำถามเลยนะครับ
1. ผมอยากจะทราบว่ามีธนาคารไหนบ้างที่จะรับพิจารณาสินเชื่อบ้านแลกเงินในกรณีที่บ้านติดสัญญาขายฝากกับเอกชนบ้างครับ
2. ตัวผมและธุรกิจของผมอยู่ที่จังหวัด เชียงใหม่ ส่วนโฉลดที่จะทำสินเชื่ออยู่ที่จังหวัด สมุทรปราการ ผมอยากทราบว่าถ้าจะยื่นเรื่องกู้ ควรจะยื่นที่ธนาคารในจังหวัดอะไร เขตไหน เพราะผมเคยได้ยินมาว่าถ้าต่างเขตยิ่งเป็นต่างจังหวัดกันแล้ว ทางธนาคารที่รับเรื่องเหมือนจะไม่ค่อยใส่ใจหรือสนใจที่จะรับเรื่องของเราเลย ประมาณว่าไม่ได้ค่าคอม
3. ผมอยากจะทราบว่าเอกสารและหนังสือต่างๆที่ได้อธิบายไว้ข้างต้นเพียงพอหรือไม่ที่จะทำการยื่นเรื่องขอทำสินเชื่อ เพราะถ้าทำในนามเจ้าของกิจการ ต้องประกอบกิจการมาอย่างน้อย 1 ปี ตามที่หลายๆธนาคารระบุไว้ในเงื่อนไข ซึ่งผมมีหลักฐานเดียวที่สามารถอ้างอิงได้ว่าผมได้เริ่มประกอบกิจการนี้ต่อจากเจ้าของกิจการเดิมตั้งแต่เดือน เมษายน 2557 คือ หนังสือเช่าซื้อกิจการ ที่ผมได้อธิบายไว้ในข้อ 1.1.1. แต่ติดตรงที่ผมและหุ้นส่วนเป็นคนบริหารจัดการแต่บิลที่ทางห้างออกให้ยังเป็นของเจ้าของกิจการคนเก่าอยู่
4. อยากขอคำแนะนำอื่นๆที่จะสามารถช่วยให้ผมเคลียปัญหาที่ผมหาทางออกไม่ได้มาหลายปี เงินส่วนหนึ่งผมจะเคลียหนี้ที่เป็นเหมือนนอกระบบให้อยู่ในระบบ และอีกส่วนจะนำมาขยายกิจการต่อเพื่ออนาคตของผม ขอบพระคุณทุกคำตอบและทุกคำอย่างสูงครับ