วอลเลย์บอลทีมชาติก็ใกล้จะถึงเวลารูดม่านปิดลงแล้ว จากนี้ก็ต้องส่งไม้ต่อให้กับวอลเลย์บอลลีกอาชีพ แต่มีบางสิ่งที่เป็นเรื่องน่ากังวลใจนั้นก็คือเรื่องสภาพร่างกายของนักกีฬา
ในตอนนี้ถ้ามองดูโปรแกรมตามตารางแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติก็ยังคงอยู่กระบวนการของการประชันกันของทีมชาติ แต่อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่การแข่งขันในระดับอาชีพแล้ว อย่างที่เคยอธิบายไปให้ได้เข้าใจกันว่าระบบของวอลเลย์บอลโลกคือ ทีมชาติ 6 เดือน และลีกอาชีพ 6 เดือน เป็นการแบ่งออกจากกันชัดเจน
การแบ่งแบบนี้ผมไม่รู้ว่าส่งผลดีหรือผลเสียอย่างไรในมุมกว้าง แต่ถ้าย่นลงมาให้เหลือเพียงแค่ทีมชาติไทยกับลีกอาชีพ อันนี้พอที่จะพิมพ์ได้คล่องมือหน่อย (เพราะผมโง่มากๆกับข้อมูลในวงการระดับโลก 555 )
วอลเลย์บอลไทยระดับทีมชาติตอนนี้ถ้าพูดถึงรายการที่ต้องใช้ชุดใหญ่ลงสนามถือว่าจบภารกิจปี 2015 เรียบร้อยแล้ว จะมีเพียงก็ทีมยู 23 และยู 18 ที่จะต้องออกไปลุยศึกชิงแชมป์โลกที่ตุรกี และ เปรูตามลำดับ เมื่อจบสิ้นเดือนสิงหาคมแฟนวอลเลย์บอลก็คงต้องปรับตัวเฟดตัวเองไปหาทีมระดับสโมสรเชียร์กัน บ้างก็มีทีมเชียร์แล้ว บ้างก็เชียร์เป็นรายบุคคล บ้างก็ดูมันหมดนั้นละไม่รู้จะเลือกเชียร์อันไหนดี คนนี้ก็รัก คนนี้ก็ปลื้ม 5555
วนมาที่ประเด็นจะพูดถึงในวันนี้คือเรื่องของการส่งไม้ต่อไปให้กันและกัน ระหว่างสโมสรกับลีกอาชีพ ซึ่งผมขอนำเสนอเรื่องของสภาพร่างกายนักกีฬาที่เป็นแง่มุม แง่คิดเชิงพัฒนาของ โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ผู้ฝึกสอนทีมชาติที่ได้เคยให้ความรู้กับผมไว้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ( ตอนเก็บตัวก่อนแข่งชิงแชมป์เอเชีย)
สภาพร่างกายของนักกีฬาทีมชาติไทยในปีนี้ถ้าไม่นับคนที่เจ็บ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ เราจะเห็นประสิทธิภาพในการตีบอลของนักกีฬาไทยหลายคนว่าดีขึ้นไล่มาตั้งแต่ ชิงแชมป์เอเชีย ซีเกมส์ และเวิลด์กรังด์ปรีซ์
สาเหตุที่ดีขึ้นเพราะอะไร ????
ส่วนนึงต้องบอกว่าเป็นแผนที่ทีมสตาฟฟ์วางไว้ร่วมกันนั้นก็คือการเรียกตัวนักกีฬามาซ้อมด้วยกันตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ถึงแม้ว่าจะมาได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะนักกีฬาได้ถูกอัดโปรแกรมพัฒนากล้ามเนื้อ และรักษาอาการบาดเจ็บไปในตัวอีกด้วย
แต่...การนำนักกีฬามาแบบนี้ก็ส่งผลต่อต้นสังกัดของนักกีฬานะครับ เพราะว่าไม่สามารถรั้งนักกีฬาให้อยู่ซ้อมกับทีมได้เต็มที่ วันจันทร์-พฤหัสบดี ต้องอยู่แคมป์ทีมชาติ จะได้เจอนักกีฬาตัวเองก็ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น
จริงครับ อาจจะส่งผลกระทบต่อต้นสังกัด แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะมันก็มีผลกระทบไม่น้อยต่อทีมชาติด้วยเช่นกัน
โค้ชอ๊อต กังวลใจเรื่องร่างกายของนักกีฬามากๆ โค้ชอยากให้ทุกทีมมีมาตรฐานในเรื่องของเวทเทรนนิ่ง มีการฟื้นฟูร่างกายให้กับนักกีฬาในยามเจ็บโดยมีกายภาพประจำทีมคอยดูแล มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายอยู่เสมอ เพื่อให้มาตรฐานของนักกีฬาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการซ้อมของทีมชาติ ..... ถามว่าเรื่องนี้ถ้าทำแล้วใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด???
คำตอบคือได้เท่ากันหมดเลย
นักกีฬามีร่างกายที่แข็งแรง สภาพกล้ามเนื้อไม่ตกย่อน ทำให้เล่นได้เต็มที่กับต้นสังกัด เผลอๆร่างกายที่เต็มประสิทธิภาพจะส่งผลบวกให้ฟอร์มของทีมดีขึ้นอีกด้วย ถัดจากนั้นเมื่อจบลีกก็สามารถซ้อมทีมชาติได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาปรับสภาพร่างกายให้เสียเวลา
แต่ในเมื่อการซ้อมของแต่ละทีมในลีกยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน นี่คือเหตุผลที่ทีมชาติจำเป็นต้องเรียกนักกีฬาเข้ามาซ้อมก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ร่างกายของนักกีฬาพีคได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ลองคิดง่ายๆถ้าลีกจบปลายเดือนเมษายน แล้วช่วงเดือนพฤษภาคมต้องลงแข่งรายการระดับนานาชาติ จะมีเวลาให้ทีมชาติทำอะไรได้บ้าง เต็มที่ก็คือได้แค่ฟื้นฟูร่างกายแต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก และ เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 นักกีฬาร่างกายไม่สมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่โชคดีที่ชิงแชมป์เอเชียจัดช่วงปลายๆการแข่งขันนานาชาติ จึงทำให้พอมีเวลาฟื้นขึ้นมาได้บ้าง
ถ้าถามว่าต่างประเทศทำไมเขาไม่ต้องเรียกมาฟื้นฟูเลย???
นั้นเป็นเพราะว่าสโมสรต่างประเทศมีโปรแกรมเวทเทรนนิ่งชัดเจน มีอุปกรณ์ และบุคลาการมืออาชีพ พอจบลีกปุ๊ปก็หอบกระเป๋าเดินเข้าซ้อมกับทีมชาติได้เลย ไม่ต้องมาปรับอะไรมากมาย
กล้ามเนื้อเป็นสิ่งที่สำคัญกับทีมชาติไทยมากๆ เพราะปกติเราก็ตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งกล้ามเนื้อ สภาพร่างกายไม่ดี ก็ไม่มีทีเด็ดอะไรไปสู้กับเขา เพราะฉะนั้นแล้วนอกจากที่สโมสรจะพัฒนาการดึงตัวคว้าตัวนักกีฬาแล้ว ก็ควรมีแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับทีมชาติด้วย อย่างที่บอกผลดีที่สุดที่เกิดขึ้นก็ตกไปอยู่กับทุกฝ่ายทั้งนั้น
จาก
http://www.smmsport.com/reader.php?article=5331
.............................................................................................................................................................................
เช้านี้กระตุ้นร่างกาย สอดแทรกพื้นฐานlสมรรถภาพทางกาย การเคลื่อนที่ กำลังของกล้ามเนือ สอดแทรก skill ให้เด็กมีการกระตุ้นตัวเอง มีการเคลื่อนที่เบาๆ ใช้กำลังมากขึ้น ไม่ให้เฉื่อย
จาก
https://www.facebook.com/preechachan?fref=ts
.....................................................................................................................................................................................
ความเคลื่อนไหวของทีมวอลเลย์บอลยุวชนหญิงทีมชาติไทย ที่จะเตรียมตัวไปทำการแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์โลก 2015 ที่ประเทศเปรู ระหว่างวันที่ 7-16 สิงหาคม 2558
ล่าสุด วันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ทีมยังคงฝึกซ้อมกันอย่างต่อเนื่องที่ชั้น 3 ตึกวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก โดยมี "โค้ชไก่" จ.ส.อ.สุวัฒน์ จีรพันธ์ ผู้ฝึกสอนของทีม คุมทีมลงฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2558
"โค้ชไก่" จ.ส.อ.สุวัฒน์ จีรพันธ์ กล่าวถึงการฝึกซ้อมว่า "ตอนนี้ความพร้อมประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องการซ้อม อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรื่องของตัวผู้เล่น หลายคนมีอาการล้าบ้าง เจ็บบ้างนิดหน่อย แต่ก็น่าจะหายดีก่อนการแข่งขัน"
"ในรายการนี้ เราไม่ได้หวังผลว่าเราจะต้องเข้ารอบลึกแค่ไหน จะพยายามทำให้ดีที่สุด เราหวังเอาไว้ว่าให้ผู้เล่นไปหาประสบการณ์ซะมากกว่า เพราะเราจากสายการแข่งขันแล้วก็หนัก และตัวผู้เล่นเราตัวหลักตั้งแต่ชิงแชมป์เอเชียก็หายไปหลายคน จากทั้งอาการบาดเจ็บบ้าง สภาพร่างกายไม่พร้อมต่อการเดินทางบ้าง ชัชชุอร และพิมพิชยา ก็ต้องก้าวขึ้นไปหาประสบการณ์ในรุ่นยู 23 บ้าง ซึ่งก็เข้าใจในจุดนี้"
ณัฏฐณิชา ใจแสน กัปตันทีมยุวชนหญิงทีมชาติไทย กล่าวถึงการบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้ายว่า อาการดีขึ้น และแพทย์อนุญาตให้ซ้อมในสัปดาห์หน้า
มือเซตจากอุลิตไพบูลย์ มีอาการบาดเจ็บจากการซ้อมกับทีมยุวชนหญิงทีมชาติไทย ที่เตรียมทีมไปแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์โลก ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา
"อาการดีขึ้นมาก และเข้าพบหมอเพื่อทำกายภาพ เล่นฟิตเนส เล่นกล้ามท้อง และตอนนี้ลงมาซ้อมเสิร์ฟให้เพื่อนเล่นในหลายๆ จังหวะได้แล้ว หมอบอกว่า สัปดาห์หน้า น่าจะลงมาซ้อมได้อย่างเต็มที่แล้ว"
"มองถึงทีมตอนนี้เริ่มดีขึ้น ทุกคนเล่นกันเป็นทีมมากขึ้น เป้าหมายของรายการนี้ หวังว่าจะทำให้ดีที่สุด ติดอันดับกลางๆ ก็เป็นที่น่าพอใจแล้ว"
สำหรับวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์โลก จะทำการแข่งขันกันระหว่างวันที่ 7-16 สิงหาคม 2558 ที่กรุงลิม่า ประเทศเปรู โดยทีมชาติไทย จะอยู่กลุ่ม บี. ร่วมกับ จีน, เซอร์เบีย, เยอรมนี และโปแลนด์
จาก
https://www.facebook.com/ThailandVolleyball?fref=ts
.............................................................................................................................................................................
อะไรคือสิ่งที่ทีมชาติกังวลใจ ในการเล่นลีกอาชีพ// U-23 ซ้อมเช้าบรรยากาศสบายๆ //U-18 ติวเข้ม(คลิป) และ อัพเดท"นุกนิก"
ในตอนนี้ถ้ามองดูโปรแกรมตามตารางแข่งขันวอลเลย์บอลระดับนานาชาติก็ยังคงอยู่กระบวนการของการประชันกันของทีมชาติ แต่อีกไม่กี่เดือนก็จะเข้าสู่การแข่งขันในระดับอาชีพแล้ว อย่างที่เคยอธิบายไปให้ได้เข้าใจกันว่าระบบของวอลเลย์บอลโลกคือ ทีมชาติ 6 เดือน และลีกอาชีพ 6 เดือน เป็นการแบ่งออกจากกันชัดเจน
การแบ่งแบบนี้ผมไม่รู้ว่าส่งผลดีหรือผลเสียอย่างไรในมุมกว้าง แต่ถ้าย่นลงมาให้เหลือเพียงแค่ทีมชาติไทยกับลีกอาชีพ อันนี้พอที่จะพิมพ์ได้คล่องมือหน่อย (เพราะผมโง่มากๆกับข้อมูลในวงการระดับโลก 555 )
วอลเลย์บอลไทยระดับทีมชาติตอนนี้ถ้าพูดถึงรายการที่ต้องใช้ชุดใหญ่ลงสนามถือว่าจบภารกิจปี 2015 เรียบร้อยแล้ว จะมีเพียงก็ทีมยู 23 และยู 18 ที่จะต้องออกไปลุยศึกชิงแชมป์โลกที่ตุรกี และ เปรูตามลำดับ เมื่อจบสิ้นเดือนสิงหาคมแฟนวอลเลย์บอลก็คงต้องปรับตัวเฟดตัวเองไปหาทีมระดับสโมสรเชียร์กัน บ้างก็มีทีมเชียร์แล้ว บ้างก็เชียร์เป็นรายบุคคล บ้างก็ดูมันหมดนั้นละไม่รู้จะเลือกเชียร์อันไหนดี คนนี้ก็รัก คนนี้ก็ปลื้ม 5555
วนมาที่ประเด็นจะพูดถึงในวันนี้คือเรื่องของการส่งไม้ต่อไปให้กันและกัน ระหว่างสโมสรกับลีกอาชีพ ซึ่งผมขอนำเสนอเรื่องของสภาพร่างกายนักกีฬาที่เป็นแง่มุม แง่คิดเชิงพัฒนาของ โค้ชอ๊อต เกียรติพงษ์ รัชตเกรียงไกร ผู้ฝึกสอนทีมชาติที่ได้เคยให้ความรู้กับผมไว้เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ( ตอนเก็บตัวก่อนแข่งชิงแชมป์เอเชีย)
สภาพร่างกายของนักกีฬาทีมชาติไทยในปีนี้ถ้าไม่นับคนที่เจ็บ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ เราจะเห็นประสิทธิภาพในการตีบอลของนักกีฬาไทยหลายคนว่าดีขึ้นไล่มาตั้งแต่ ชิงแชมป์เอเชีย ซีเกมส์ และเวิลด์กรังด์ปรีซ์
สาเหตุที่ดีขึ้นเพราะอะไร ????
ส่วนนึงต้องบอกว่าเป็นแผนที่ทีมสตาฟฟ์วางไว้ร่วมกันนั้นก็คือการเรียกตัวนักกีฬามาซ้อมด้วยกันตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม ถึงแม้ว่าจะมาได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะนักกีฬาได้ถูกอัดโปรแกรมพัฒนากล้ามเนื้อ และรักษาอาการบาดเจ็บไปในตัวอีกด้วย
แต่...การนำนักกีฬามาแบบนี้ก็ส่งผลต่อต้นสังกัดของนักกีฬานะครับ เพราะว่าไม่สามารถรั้งนักกีฬาให้อยู่ซ้อมกับทีมได้เต็มที่ วันจันทร์-พฤหัสบดี ต้องอยู่แคมป์ทีมชาติ จะได้เจอนักกีฬาตัวเองก็ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เท่านั้น
จริงครับ อาจจะส่งผลกระทบต่อต้นสังกัด แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะมันก็มีผลกระทบไม่น้อยต่อทีมชาติด้วยเช่นกัน
โค้ชอ๊อต กังวลใจเรื่องร่างกายของนักกีฬามากๆ โค้ชอยากให้ทุกทีมมีมาตรฐานในเรื่องของเวทเทรนนิ่ง มีการฟื้นฟูร่างกายให้กับนักกีฬาในยามเจ็บโดยมีกายภาพประจำทีมคอยดูแล มีการทดสอบสมรรถภาพร่างกายอยู่เสมอ เพื่อให้มาตรฐานของนักกีฬาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับการซ้อมของทีมชาติ ..... ถามว่าเรื่องนี้ถ้าทำแล้วใครจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด???
คำตอบคือได้เท่ากันหมดเลย
นักกีฬามีร่างกายที่แข็งแรง สภาพกล้ามเนื้อไม่ตกย่อน ทำให้เล่นได้เต็มที่กับต้นสังกัด เผลอๆร่างกายที่เต็มประสิทธิภาพจะส่งผลบวกให้ฟอร์มของทีมดีขึ้นอีกด้วย ถัดจากนั้นเมื่อจบลีกก็สามารถซ้อมทีมชาติได้เลย ไม่จำเป็นต้องมาปรับสภาพร่างกายให้เสียเวลา
แต่ในเมื่อการซ้อมของแต่ละทีมในลีกยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน นี่คือเหตุผลที่ทีมชาติจำเป็นต้องเรียกนักกีฬาเข้ามาซ้อมก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ร่างกายของนักกีฬาพีคได้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด
ลองคิดง่ายๆถ้าลีกจบปลายเดือนเมษายน แล้วช่วงเดือนพฤษภาคมต้องลงแข่งรายการระดับนานาชาติ จะมีเวลาให้ทีมชาติทำอะไรได้บ้าง เต็มที่ก็คือได้แค่ฟื้นฟูร่างกายแต่ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนัก และ เหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นเมื่อปี 2013 นักกีฬาร่างกายไม่สมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด แต่โชคดีที่ชิงแชมป์เอเชียจัดช่วงปลายๆการแข่งขันนานาชาติ จึงทำให้พอมีเวลาฟื้นขึ้นมาได้บ้าง
ถ้าถามว่าต่างประเทศทำไมเขาไม่ต้องเรียกมาฟื้นฟูเลย???
นั้นเป็นเพราะว่าสโมสรต่างประเทศมีโปรแกรมเวทเทรนนิ่งชัดเจน มีอุปกรณ์ และบุคลาการมืออาชีพ พอจบลีกปุ๊ปก็หอบกระเป๋าเดินเข้าซ้อมกับทีมชาติได้เลย ไม่ต้องมาปรับอะไรมากมาย
กล้ามเนื้อเป็นสิ่งที่สำคัญกับทีมชาติไทยมากๆ เพราะปกติเราก็ตัวเล็กอยู่แล้ว ยิ่งกล้ามเนื้อ สภาพร่างกายไม่ดี ก็ไม่มีทีเด็ดอะไรไปสู้กับเขา เพราะฉะนั้นแล้วนอกจากที่สโมสรจะพัฒนาการดึงตัวคว้าตัวนักกีฬาแล้ว ก็ควรมีแผนพัฒนาให้สอดคล้องกับทีมชาติด้วย อย่างที่บอกผลดีที่สุดที่เกิดขึ้นก็ตกไปอยู่กับทุกฝ่ายทั้งนั้น
จาก http://www.smmsport.com/reader.php?article=5331
.............................................................................................................................................................................
เช้านี้กระตุ้นร่างกาย สอดแทรกพื้นฐานlสมรรถภาพทางกาย การเคลื่อนที่ กำลังของกล้ามเนือ สอดแทรก skill ให้เด็กมีการกระตุ้นตัวเอง มีการเคลื่อนที่เบาๆ ใช้กำลังมากขึ้น ไม่ให้เฉื่อย
จาก https://www.facebook.com/preechachan?fref=ts
.....................................................................................................................................................................................
ความเคลื่อนไหวของทีมวอลเลย์บอลยุวชนหญิงทีมชาติไทย ที่จะเตรียมตัวไปทำการแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์โลก 2015 ที่ประเทศเปรู ระหว่างวันที่ 7-16 สิงหาคม 2558
ล่าสุด วันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ทีมยังคงฝึกซ้อมกันอย่างต่อเนื่องที่ชั้น 3 ตึกวิทยาศาสตร์การกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก โดยมี "โค้ชไก่" จ.ส.อ.สุวัฒน์ จีรพันธ์ ผู้ฝึกสอนของทีม คุมทีมลงฝึกซ้อมอย่างเข้มงวด เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2558
"โค้ชไก่" จ.ส.อ.สุวัฒน์ จีรพันธ์ กล่าวถึงการฝึกซ้อมว่า "ตอนนี้ความพร้อมประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ในเรื่องการซ้อม อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรื่องของตัวผู้เล่น หลายคนมีอาการล้าบ้าง เจ็บบ้างนิดหน่อย แต่ก็น่าจะหายดีก่อนการแข่งขัน"
"ในรายการนี้ เราไม่ได้หวังผลว่าเราจะต้องเข้ารอบลึกแค่ไหน จะพยายามทำให้ดีที่สุด เราหวังเอาไว้ว่าให้ผู้เล่นไปหาประสบการณ์ซะมากกว่า เพราะเราจากสายการแข่งขันแล้วก็หนัก และตัวผู้เล่นเราตัวหลักตั้งแต่ชิงแชมป์เอเชียก็หายไปหลายคน จากทั้งอาการบาดเจ็บบ้าง สภาพร่างกายไม่พร้อมต่อการเดินทางบ้าง ชัชชุอร และพิมพิชยา ก็ต้องก้าวขึ้นไปหาประสบการณ์ในรุ่นยู 23 บ้าง ซึ่งก็เข้าใจในจุดนี้"
ณัฏฐณิชา ใจแสน กัปตันทีมยุวชนหญิงทีมชาติไทย กล่าวถึงการบาดเจ็บที่ข้อเท้าซ้ายว่า อาการดีขึ้น และแพทย์อนุญาตให้ซ้อมในสัปดาห์หน้า
มือเซตจากอุลิตไพบูลย์ มีอาการบาดเจ็บจากการซ้อมกับทีมยุวชนหญิงทีมชาติไทย ที่เตรียมทีมไปแข่งขันวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์โลก ตั้งแต่ช่วงต้นเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา
"อาการดีขึ้นมาก และเข้าพบหมอเพื่อทำกายภาพ เล่นฟิตเนส เล่นกล้ามท้อง และตอนนี้ลงมาซ้อมเสิร์ฟให้เพื่อนเล่นในหลายๆ จังหวะได้แล้ว หมอบอกว่า สัปดาห์หน้า น่าจะลงมาซ้อมได้อย่างเต็มที่แล้ว"
"มองถึงทีมตอนนี้เริ่มดีขึ้น ทุกคนเล่นกันเป็นทีมมากขึ้น เป้าหมายของรายการนี้ หวังว่าจะทำให้ดีที่สุด ติดอันดับกลางๆ ก็เป็นที่น่าพอใจแล้ว"
สำหรับวอลเลย์บอลยุวชนหญิง อายุไม่เกิน 18 ปี ชิงแชมป์โลก จะทำการแข่งขันกันระหว่างวันที่ 7-16 สิงหาคม 2558 ที่กรุงลิม่า ประเทศเปรู โดยทีมชาติไทย จะอยู่กลุ่ม บี. ร่วมกับ จีน, เซอร์เบีย, เยอรมนี และโปแลนด์
จาก https://www.facebook.com/ThailandVolleyball?fref=ts
.............................................................................................................................................................................